หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 184
บทที่ 184
“ท่านสิบสาม ท่านออกมาเร็วเข้าเถอะ อาลักษณ์หลีผู้นั้นพุ่งชนกำแพงแล้วขอรับ!” เสียงองครักษ์จินหลินร้องบอกอยู่นอกห้อง
ว่าแล้วเชียวจะทำอะไรส่งเดชต่อหน้าต่อตาบิดานางไม่ได้ ท่านสิบสามยังอ่อนประสบการณ์!
หัวสมองของเฉียวเจาว่างเปล่าอึงอล นางหมุนกายเปิดประตูผลัวะ ผลักองครักษ์จินหลินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้วก้าวขาออกวิ่ง
องครักษ์จินหลินมองสบดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มพร้อมกับกล่าวประโยคหลังออกมา “จากนั้นกระแทกโดนตัวท่านผู้บัญชาการใหญ่ขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาได้ยินดังนั้นก็สาวเท้าเดินไปถึงนอกห้องโถง ก่อนที่สุ้มเสียงแฝงรอยโทสะของเจียงถังจะดังลอยมา
“ไปเรียกสือซานมาที่นี่!”
เสียงนี้ประสานกับเสียงร้องไห้โวยวายของเหอซื่อ
“พวกเจ้าองครักษ์จินหลินยังมียางอายอยู่หรือไม่ ฆ่าคนปิดปากเป็นเรื่องถนัดของพวกเจ้าก็แล้วกันไปเถอะ แต่ทำร้ายบุตรสาวข้าเป็นเรื่องที่พวกเดรัจฉานถึงจะกระทำ ข้าขอแลกกับพวกเจ้าแล้ว…”
ด้านในโถงชุลมุนวุ่นวายไปหมด เจียงหย่วนเฉาสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนย่างเท้าเข้าไป
แจกันดอกไม้ใบหนึ่งลอยละลิ่วมาพอดี เขาเอียงคอพร้อมยกมือรับมันไว้แล้วส่งต่อให้องครักษ์จินหลินที่อยู่ด้านข้าง พร้อมกล่าวเสียงดังกังวานว่า “ท่านพ่อบุญธรรม…”
เจียงถังเห็นเขาเข้ามาก็พูดเสียงขรึม “พอที ทุกคนเงียบเดี๋ยวนี้!”
พวกองครักษ์จินหลินยึดตัวพวกฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไว้อย่างแน่นหนา
เฉียวเจากระตุกแขนเสื้อของเหอซื่อเบาๆ บอกว่าตนเองไม่เป็นอะไร
เหอซื่อกอดนางไว้พลางร้องไห้เสียงดัง
เจียงถังนวดๆ ขมับสองข้าง เขามิได้ถามไล่เลียงเจียงหย่วนเฉา แต่เอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “ข้ารู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่า เรื่องในวันนี้เป็นเพียงพวกเด็กสาวเล่นสนุกกัน ครอบครัวท่านก็ตามมาเอาเรื่องถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลินอย่างนี้ จะเกินกว่าเหตุไปบ้างหรือไม่”
ตอนเขากล่าววาจาถึงตรงนี้ แววขุ่นเคืองจุดวาบขึ้นในดวงตา
ก่อความวุ่นวายขึ้นเช่นนี้ หร่านรานยังจะเหลือชื่อเสียงดีๆ ให้กล่าวขานถึงได้ที่ใดกัน
ถึงแม้หร่านรานจะเป็นอย่างไร ด้วยยศศักดิ์ของเขาแล้วล้วนคุ้มครองนางให้ปลอดภัยได้เสมอ แต่หลังจากเขาไม่อยู่แล้วเล่า โชคดีที่เขาไม่ตั้งใจจะให้บุตรสาวแต่งเข้าตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์ สือซานกำพร้าบิดามารดา วันหน้าตบแต่งหร่านรานเป็นภรรยา ก็จะไม่มีผู้อาวุโสยกเรื่องชื่อเสียงมากดขี่นางได้
ทว่าสือซานกลับถูกตาต้องใจบุตรสาวของสกุลหลีหรือ
ความคิดสังหารคนผุดขึ้นในใจเจียงถัง
ถ้าเป็นแค่การเล่นสนุกของเด็กสาว ถึงเขาต้องขอขมาแทนบุตรสาวก็มิใช่ปัญหา แต่ถ้าสือซานคิดเกินเลยกับเด็กสาวคนอื่น เขาไม่มีทางยอมให้คนที่คุกคามสถานะของหร่านรานมีชีวิตอยู่บนโลก!
สายตาของเจียงถังจับจ้องไปที่หน้าเฉียวเจา
บรรดาคนทั้งหมดในห้องโถง คนที่เข้าใจเจียงถังมากที่สุดต้องยกให้เจียงหย่วนเฉา ทันทีที่เห็นแววตาของบิดาบุญธรรม เขาก็ใจหล่นวูบ
แย่แล้ว ท่านพ่อบุญธรรมมีความคิดจะสังหารคุณหนูหลี!
เขาเริ่มนึกเสียใจที่เมื่อครู่นี้วู่วามไป แต่ไม่กล้าเผยสีหน้าผิดปกติใดๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดึงตัวเฉียวเจาไปหา นางยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านผู้บัญชาการเจียง ท่านดูสิหลานสาวข้าเสียโฉมจนมีสภาพเช่นไร นี่ยังเป็นการเล่นสนุกของเด็กสาวอีกหรือ หากบุตรสาวท่านถูกคนทำร้ายกลายเป็นเช่นนี้บ้าง พูดคำเดียวว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็กสาวก็แล้วกันไปได้หรือ”
เจียงถังนิ่งขึงไปกับคำถามนี้ หากมีคนใดทำให้หร่านรานกลายเป็นเช่นนี้ ถึงเขาจับคนผู้นั้นทั้งครอบครัวมาแล่เนื้อเถือหนังสับเป็นชิ้นๆ ก็ไม่มีทางหายแค้นได้!
ทว่าบุตรสาวเขาทำร้ายคน จะมีใครกล้าถามเขาซึ่งๆ หน้าเยี่ยงนี้ด้วยหรือ ชาวสกุลหลีพวกนี้แต่ละคนช่างหัวแข็งดื้อด้านดีแท้
“เช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าคิดจะทำอย่างไรเล่า” เจียงถังไต่ถามอย่างเยือกเย็น
“ข้าหวังว่าบุตรสาวท่านจะขอขมาต่อหลานสาวข้าจากใจจริงได้”
“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางคงขวัญเสียแทบแย่แล้ว ท่านก็อย่าสร้างความลำบากใจให้เด็กคนหนึ่งเลย ประเดี๋ยวข้ากลับไปจะอบรมสั่งสอนนางให้ดีๆ เอาอย่างนี้เถอะ ข้าขออภัยทุกท่านแทนบุตรสาวเอง สือซาน สั่งให้คนเตรียมของขวัญส่งไปที่จวนสกุลหลี”
เจียงหย่วนเฉาขานรับทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแค่นหัวร่อเสียงหนึ่ง “ข้ารู้แล้วล่ะว่าความยโสโอหังของบุตรสาวท่านได้มาจากที่ใด”
เจียงซือหร่านเป็นจุดอ่อนของเจียงถัง เขาได้ยินคนตำหนิบุตรสาวเฉกนี้ก็ชักสีหน้าทันใด กล่าวเสียงเรียบๆ ขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า พูดกันดีๆ ไม่ฟัง ชอบให้ใช้กำลังหรือไร เรื่องที่พวกท่านก่อความไม่สงบขึ้นในที่ว่าการ ทีแรกข้าไม่คิดจะไล่เบี้ยเอาผิด…”
มีพวกที่ไม่รู้กาลเทศะปานนี้ด้วยหรือนี่!
“เจียงถัง ท่านรีบๆ ไล่เบี้ยเอาผิดเลยเถอะ ทางที่ดีจับตัวพวกข้าเข้าคุกหลวงของกององครักษ์จินหลินให้หมดจะดีกว่า ไม่แน่ว่าคนอื่นคงเชื่อว่าข้าเตรียมการก่อกบฏก็เป็นได้” หลีกวงเหวินพูดเสียงดัง
เส้นเลือดตรงขมับของเจียงถังเต้นตุบๆ
มาตรว่าเขาจะทรงอำนาจราชศักดิ์ ทำให้ขุนนางบุ๋นและบู๊ทั้งราชสำนักได้ยินชื่อเป็นต้องขวัญหนีดีฝ่อ แต่จะเล่นงานสกุลหลียังไม่สามารถทำได้ในเวลานี้จริงๆ อย่างน้อยตอนนี้จะยัดเยียดข้อหาส่งเดชเพื่อจับกุมคนเหล่านี้ไว้ไม่ได้
อาลักษณ์เล็กๆ ในสำนักราชบัณฑิตผู้หนึ่ง หากบอกว่าเขาก่อกบฏใครจะเชื่อเล่า คนทั้งแผ่นดินล้วนกระจ่างแจ้งว่าตนเองใช้อำนาจโดยมิชอบแก้แค้นให้บุตรสาว
ยามนี้เขาย่อมไม่หวั่นเกรงอะไรเป็นธรรมดา ทว่าเมื่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ นี่จะเป็นข้อหาซึ่งส่งไปให้ถึงมือเลยทีเดียว
อย่าลืมว่าในทุกๆ ราชวงศ์ ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินคือคนที่โอรสสวรรค์ไว้วางพระทัยมากที่สุด หลังจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ไม่มีสักคนที่อยู่ในตำแหน่งต่อได้ สามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างปลอดภัยเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
เจียงถังมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารำพึงในใจว่า ยายเฒ่าผู้นี้คงมองจุดนี้ได้ปรุโปร่ง ถึงใจกล้าเพียงนี้กระมัง
คนใจกล้าไม่น่ากลัว คนที่อ่านเหตุการณ์ได้ปรุโปร่งก็ไม่น่ากลัว แต่คนที่ใจกล้าแล้วยังอ่านเหตุการณ์ได้ปรุโปร่งต่างหากที่ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้า
ชั่วขณะนี้ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินผู้ยิ่งใหญ่ที่กระทั่งสมุหราชเลขาธิการคนปัจจุบันยังต้องให้เกียรติสามส่วน กลับต้องคับอกคับใจอยู่หลายส่วนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ช่างเถิด สะสางเรื่องนี้ให้ยุติลงก่อนชั่วคราว รอวันหน้าทุกคนลืมเลือนกันไปแล้ว ค่อยหาโอกาสเล่นงานคนครอบครัวนี้ก็ยังไม่สาย
เจียงถังเป็นผู้ที่โอรสสวรรค์ไว้วางพระทัยมากที่สุดได้ย่อมต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ครั้นแน่ใจแล้วว่าคนในครอบครัวนี้เป็นพวกคนเท้าเปล่าไม่กลัวคนสวมรองเท้า ถูกปลดจากตำแหน่งก็ไม่หวั่น เขาจึงเปลี่ยนจากท่าทีก้าวร้าวคุกคาม มากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อาลักษณ์หลีล้อเล่นแล้ว คนที่ถูกจับเข้าคุกหลวงของกององครักษ์จินหลินล้วนเป็นขุนนางทุจริตและโจรผู้ร้าย จะเป็นที่ที่ใต้เท้าหลีไปได้อย่างไรกัน อีกอย่างข้าเป็นถึงผู้บัญชาการมีหรือจะไม่แยกแยะส่วนรวมส่วนตนเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเห็นว่าเช่นนี้ดีหรือไม่ ประเดี๋ยวข้าออกจากที่ว่าการก็จะให้บุตรสาวไปเยือนที่จวนเพื่อขอขมา ถือเป็นการรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาวท่านแล้วนะ”
เจียงถังค่อนข้างอวบอ้วน พอพูดเสียงสุภาพอ่อนนุ่มขึ้นก็ไม่หลงเหลือท่าทีทรงอำนาจของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินให้เห็นแม้สักกระผีก อีกทั้งสีหน้าแววตาแลดูเมตตาปรานีอยู่หลายส่วนด้วยซ้ำไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพยักหน้าหงึกหงัก
คุณหนูเจียงไปขอขมาถึงที่จวนได้ อย่างน้อยวันหน้าใครจะรังแกคนของสกุลหลีล้วนต้องชั่งน้ำหนักให้ดีๆ ไปอีกนาน
ระยะหนึ่ง
ส่วนว่าเจียงถังจะล้างแค้นหรือไม่นั้นเป็นเรื่องภายหลัง คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกต้องอยู่ให้มีศักดิ์ศรี ถ้ามัวห่วงถึงวันข้างหน้าแล้วต้องก้มหัวเพื่อความอยู่รอดไปวันๆ จะมีความหมายอันใด
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลอบถอนใจแผ่วเบาเฮือกหนึ่ง
นางทำได้ที่ดีสุดเท่านี้แล้ว หญิงชรายังเข้าใจคติที่ว่ารามือแต่พอดีอยู่ ถึงอย่างไรจะดึงพวกลูกหลานติดร่างแหกันหมดไม่ได้
พอเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพยักหน้า เจียงถังก็หยักยิ้ม “สือซาน พาพวกท่านฮูหยินผู้เฒ่าไปส่งที่ประตู”
“ฮูหยินผู้เฒ่า เชิญทางนี้ขอรับ” เจียงหย่วนเฉาผายมือ
เฉียวเจาซึ่งยืนเงียบๆ อยู่ข้างกายท่านย่าโดยตลอดพลันสืบเท้าก้าวหนึ่งไปยืนเบื้องหน้าเจียงถัง
การกระทำของนางเหนือความคาดหมายของทุกคน เจียงหย่วนเฉาขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ แต่หวั่นเกรงว่าบิดาบุญธรรมจะจับพิรุธได้ เขารีบปรับสีหน้าเป็นปกติทันใด ยืนหลุบตาลงราวกับมิใช่กงการอะไรของตน
เจียงถังมองเฉียวเจาอย่างพินิจแล้วไต่ถาม “ว่าอย่างไร แม่นางน้อยยังมีเรื่องใดอีกหรือ”
เฉียวเจาผงกศีรษะน้อยๆ แน่นอนว่าจะกลับไปเช่นนี้ไม่ได้ ไม่งัดเอาของที่ทำให้เจียงถังต้องใส่ใจอย่างแท้จริงออกมา หรือจะรอให้เขาตามมาคิดบัญชีภายหลังในวันหน้ากันเล่า