หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 186
บทที่ 186
จะว่าลำบากใจก็ไม่ลำบากใจอันใด แค่เด็กสาวผู้หนึ่งเท่านั้น ในเมื่อเป็นคนที่กวนจวินโหวต้องคุ้มครอง เจียงถังไม่จำเป็นต้องล่วงเกินอีกฝ่ายเพราะเรื่องนี้สักนิด
เขาเพียงขบไม่แตกอยู่บ้าง
แม่ทัพหนุ่มยิ้มบางๆ อย่างสุภาพ “เช่นนั้นข้าขอขอบคุณท่านด้วย ไม่รบกวนเวลาปฏิบัติงานของท่านผู้บัญชาการใหญ่แล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนขอรับ”
เจียงถังรีบลุกขึ้นตามไปส่งเซ่าหมิงยวนถึงหน้าประตูด้วยตนเอง จึงพบกับเจียงหย่วนเฉาที่ย้อนกลับมาพอดี
“แม่ทัพเซ่า” เขาเปล่งเสียงทักทาย
เซ่าหมิงยวนพยักหน้า “ใต้เท้าเจียง”
เจียงถังกับเจียงหย่วนเฉายืนอยู่หน้าประตูมองส่งเซ่าหมิงยวนกลับไป
“เจ้าตามข้ามา” เจียงถังดึงสายตาคืนมาแล้วหมุนกายก้าวเท้าเข้าข้างใน
เจียงหย่วนเฉาเดินหลุบตาตามเข้าไป
ทันทีที่ประตูปิด สีหน้าของเจียงถังก็ขรึมลง “สือซาน เรื่องในวันนี้ เจ้าสมควรมีคำอธิบายให้ข้าสักอย่างหรือไม่”
“เป็นข้าทำหน้าที่ได้ไม่ดีเอง ปล่อยให้สกุลหลีก่อความวุ่นวายเอิกเกริกจนชื่อเสียงของหร่านรานต้องเสียหาย…”
เจียงถังโบกมือไปมา “เรื่องนี้กลับไม่เป็นไร บุตรสาวของข้าเจียงถัง คนอื่นจะกล้าติฉินนินทาหรือไร”
ก็มิได้จำเป็นต้องออกเรือนไปกับผู้ที่เอาชื่อเสียงมากินแทนข้าวเสียหน่อย บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขา พอใจอย่างไรก็ทำอย่างนั้น!
เขาเป็นผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินมานานหลายปีเช่นนี้ ประจักษ์แจ้งมานานแล้วว่าบุตรสาวมีชีวิตที่เป็นอิสระได้เพราะเขาอยู่ในตำแหน่งนี้ หากไม่มีเขาเป็นที่พึ่งพิง ต่อให้นางเป็นสตรีชื่อดังอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ก็ยังเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของผู้อื่นอยู่ดี
เจียงถังกลอกตาไปมองหน้าเจียงหย่วนเฉา แววตาแฝงรอยค้นหา “สือซาน ตอนข้าเพิ่งกลับมาถึง ชาวสกุลหลีเอะอะโวยวายว่าเจ้าฉุดแม่นางน้อยคนนั้นเข้าไปในห้อง มีเรื่องเช่นนี้หรือ”
“มีเรื่องเช่นนี้ขอรับ”
“เพราะอะไร”
“ข้าจับได้ว่าคุณหนูหลีคิดจะกระทำเรื่องโฉดเขลา หวั่นใจว่าจะสะสางได้ยากถึงใจร้อนไปชั่วแล่น…”
สายตาหยั่งเชิงของเจียงถังยังเพ่งพิศสีหน้าของชายหนุ่มอยู่ตลอด แต่สีหน้าของเขานิ่งสนิท
“ฮ่าๆ” เจียงถังหัวเราะ “ข้าก็นึกว่าแม่นางน้อยคนนั้นมีอะไรพิเศษต่อเจ้าเสียอีก”
“ท่านพ่อบุญธรรมล้อเล่นแล้ว ในสายตาข้า คุณหนูหลีเป็นสาวน้อยนางหนึ่งเท่านั้นขอรับ”
เจียงถังเผยรอยยิ้มพึงใจในที่สุด “วันนี้กลับเรือนไปพร้อมข้าเร็วขึ้นเถอะ หร่านรานเด็กคนนั้นหัวดื้อ เกรงว่าต้องให้เจ้าเอ่ยปาก นางถึงจะยอมไปขอขมาที่จวนสกุลหลีแต่โดยดี”
“ขอรับ” เจียงหย่วนเฉาลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
เจียงถังลุกขึ้นเดินไปริมหน้าต่างแล้วยืนเอามือไพล่หลัง อ้าปากกล่าวเนิบๆ ว่า “หร่านรานเจ้าลูกคนนี้ถูกข้าตามใจจนเหลิง บางคราก็ชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก”
เจียงหย่วนเฉาเอ่ยยิ้มๆ “หร่านรานมีนิสัยจริงใจตรงไปตรงมา อีกทั้งยังเด็กอยู่ ทั้งหมดนี้มิใช่เรื่องใหญ่อะไร วันหน้าย่อมไม่ทำให้ท่านพ่อบุญธรรมต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นธรรมดา”
เจียงถังหันศีรษะมา เขาดูจะถูกอกถูกใจกับคำแก้ต่างของเจียงหย่วนเฉาอยู่มาก จึงโคลงศีรษะยิ้มๆ พลางกล่าว “หร่านรานไม่เด็กแล้ว เข้าพิธีปักปิ่นมาได้สองปีแล้วนะ”
เขาอมยิ้มมองบุตรชายบุญธรรม เจียงหย่วนเฉาใจกระตุกวูบ
ถ้อยคำนี้ของท่านพ่อบุญธรรมหมายความว่า…
“สือซาน อีกสักพักข้าจะเตรียมการให้พวกเจ้าสองคนหมั้นหมายกันให้เรียบร้อยเสียทีเถอะ”
เขารับปากกวนจวินโหวแล้วว่าจะไม่แตะต้องแม่นางน้อยผู้นั้น ย่อมไม่กลับคำแน่นอน และถึงแม้สือซานจะแสดงทีท่าแล้วว่าไม่มีเรื่องพรรค์นั้น แต่เขายังไม่ค่อยวางใจสักเท่าใด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การหมั้นหมายคือทางออกที่ดีที่สุด
เจียงหย่วนเฉาหน้าเปลี่ยนสี
เจียงถังมองเขาอย่างพินิจ “ว่าอย่างไร ไม่เต็มใจหรือ”
มือที่สอดไว้ใต้แขนเสื้อของเจียงหย่วนเฉากำหมัดแน่น เขาลอบถอนใจก่อนเผยรอยยิ้มที่ไม่ส่อพิรุธให้จับผิดใดๆ ได้ “สุดแท้แต่ท่านพ่อบุญธรรมจะจัดการขอรับ”
“ฮ่าๆๆ” เจียงถังเปล่งเสียงหัวเราะร่า เขาตบไหล่เจียงหย่วนเฉา “ไปเถอะ ข้าจะนำข่าวดีนี้ไปบอกหร่านรานโดยไว นางต้องดีใจแทบแย่เป็นแน่”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเคียงไหล่กันออกไป
เซ่าหมิงยวนก้าวออกจากประตูที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน เดินไปข้างหน้าได้ไม่นานนักก็เห็นเฉินกวงชะโงกศีรษะออกมากวักมือเรียกเขาเป็นพัลวัน
เขาชะงักฝีเท้าแล้วเดินไปหาผู้ใต้บังคับบัญชา
ตรงนั้นมีรถม้าม่านสีเขียวคันเล็กกะทัดรัดจอดอยู่
“ท่านแม่ทัพ คุณหนูหลีอยู่ในนี้”
เฉินกวงพูดจบแล้วก็วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างปราดเปรียว “คุณหนู ท่านแม่ทัพของข้ามาหาท่านขอรับ”
เซ่าหมิงยวนนิ่งงันไป ไม่ถูกต้อง ลำดับขั้นตอนนี้ผิดปกติ
ภายในรถม้านิ่งเงียบ
ครู่หนึ่งต่อมา ม่านประตูถูกเลิกขึ้น เฉียวเจาลงจากรถม้าและพยักหน้าเป็นเชิงทักทายชายหนุ่ม
สายตาของเซ่าหมิงยวนหยุดอยู่ที่แก้มขวาของนางแล้วสะดุ้งโหยงในใจ
เป็นแผลถึงเพียงนี้ คงต้องเสียโฉมแล้วจริงๆ
พอเห็นเขาจ้องแก้มขวาของตนอย่างไม่วางตา เฉียวเจาพลันกะพริบตาเป็นความหมายชัดเจนว่า แม่ทัพเซ่ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ
เซ่าหมิงยวนดึงสายตาคืนมา สะกดความตะลึงพรึงเพริดไว้ พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มนุ่มนวล “คุณหนูหลีอยากพบข้ามีเรื่องอันใดหรือ”
เฉียวเจาตอบไม่ออก นางอยู่ตรงนี้เพราะคิดจะรอเจียงถังออกมา จะได้เอาของในมือให้เขาดู นางรอเซ่าหมิงยวนที่ใดกัน
ฉะนั้นพูดไม่ได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจจริงๆ
นางส่ายหน้า
เฉินกวงอยู่ด้านข้างขยิบตาให้เซ่าหมิงยวนสุดกำลังอย่างร้อนใจ
ท่านแม่ทัพใช้เล่ห์กลอุบายไปกับการทำศึกทั้งหมดใช่หรือไม่ เขาก็บอกแล้วว่าท่านแม่ทัพมาหาคุณหนูหลี ท่านแม่ทัพยังจะถามเช่นนี้ออกมาได้
เขาอุตส่าห์พูดโกหกหน้าตาย นี่มันคุ้มค่าหรือไม่
เมื่อเห็นเฉียวเจาไม่พูดไม่จาเอาแต่ส่ายหน้า เซ่าหมิงยวนจึงตรึกตรองเล็กน้อยก่อนถามขึ้น “คุณหนูหลีขยับปากพูดไม่ไหวใช่หรือไม่”
เฉียวเจาพยักหน้า
เซ่าหมิงยวนชายหางตามองเฉินกวงปราดหนึ่ง
เฉินกวงกล่าวอย่างลุกลน “ข้ามอบยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาให้คุณหนูหลีแล้วขอรับ แต่คุณหนูหลีไม่ใช้ จริงสิ นายท่านใหญ่ชอบกินเป็ดย่างของหอเต๋อเซิ่ง ข้าไปซื้อสักสองสามตัวกลับไปนะขอรับ”
ไม่รอให้เซ่าหมิงยวนอนุญาต เฉินกวงก็ก้าวขาออกวิ่งไปไกลแล้ว
เฉียวเจาดึงสายตาคืนมาเงียบๆ นางนึกในใจ วันนี้ท่านพ่อน่าจะไม่มีแก่ใจกินเป็ดย่างกระมัง
“คุณหนูหลี”
เฉียวเจาสบตากับเซ่าหมิงยวน
สายตาของเขานิ่งเฉยอ่านความรู้สึกไม่ออก หากน้ำเสียงสุภาพดังเดิม “ทางท่านผู้บัญชาการเจียงจะไม่ไปหาเรื่องพวกท่านอีกแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เฉียวเจาเข้าใจทันใด ที่แท้เซ่าหมิงยวนมาเพื่อเรื่องของนางจริงๆ
ดังนั้นเภทภัยในภายหลังที่นางวิตกกังวลก็คลี่คลายลงเช่นนี้แล้วหรือ
เฉียวเจาอดจับแขนเสื้อไม่ได้ ข้างในนั้นมีแผ่นกระดาษที่เตรียมไว้แต่แรกแผ่นนั้น
ดูทีว่าไม้ตายอันนี้สามารถเก็บไว้ใช้วันหน้าแล้วสินะ
ความรู้สึกที่มีคนชิงตัดหน้าแก้ปัญหาให้ก่อนเช่นนี้…แปลกใหม่อย่างยิ่ง
จิตใจที่ตึงเครียดของเฉียวเจาผ่อนคลายลง
“คุณหนูหลี ท่านไม่ต้องเป็นห่วงบาดแผลบนใบหน้า ข้าคิดว่าท่านหมอเทวดาจะต้องมีวิธีแน่”
เฉียวเจาพยักหน้าอีกครั้ง
“เรื่องหนนี้เป็นข้าใคร่ครวญไม่รอบคอบ แต่ข้าไม่มีทหารหญิงอยู่ใต้อาณัติ คงหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ในชั่วครู่ชั่วยาม คุณหนูหลีเห็นว่าอย่างนี้ดีหรือไม่ ท่านให้สาวใช้ที่เชื่อใจได้ฝึกฝนกับเฉินกวงไปก่อน รอข้าโยกย้ายคนมาจากที่อื่นแล้วส่งไปให้ท่านอีกที”
เฉียวเจาพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า
เซ่าหมิงยวนถึงกับเข้าใจความหมายของนางได้ “คุณหนูหลีจะบอกว่าให้สาวใช้ฝึกฝนกับเฉินกวง ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายคนหรือ”
เฉียวเจาผงกศีรษะ
ออกมาข้างนอกมีเฉินกวง ในเรือนมีปิงลวี่ก็เพียงพอแล้ว แม้ท่านปู่หลี่ให้เซ่าหมิงยวนดูแลนาง แต่ขืนเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะพัวพันกับเขามากเกินไป
ที่เคยติดค้างไว้ เขาชดใช้ไม่ได้แล้ว ส่วนนางในตอนนี้ก็ไม่อยากติดค้างใครทั้งสิ้น
“ตกลง ถ้าต้องการอะไร คุณหนูหลีให้เฉินกวงมาหาข้าได้”
เฉียวเจายิ้มตาโค้งด้วยความพึงใจ
จุดนี้เซ่าหมิงยวนกลับไม่เลว เขาเป็นคนไม่พิรี้พิไร
เมื่อบอกในสิ่งที่พึงบอกหมดแล้ว เซ่าหมิงยวนวกกลับมาที่คำถามก่อนหน้านี้ “คุณหนูหลีอยากพบข้ามีเรื่องอันใดหรือ”
เฉียวเจานิ่งงัน “…” ท่านก็พูดไปหมดแล้ว ข้ายังจะมีเรื่องใดอีกได้