หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 188
บทที่ 188
“วันนี้ข้าได้ยินเรื่องน่าแปลกพิสดารเรื่องหนึ่ง พวกเจ้าได้ยินได้ฟังกันบ้างหรือไม่”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินมีบุตรสาวคนหนึ่ง นางทำลายรูปโฉมของคุณหนูตระกูลขุนนางคนหนึ่ง…”
หยางโฮ่วเฉิงจับคอเสื้อด้านหลังของฉือชั่นแล้วพาเดินกลับมา “ฮ่าๆๆ สือซี พวกเรานั่งกันต่อดีกว่า ยังไม่เจอหน้าถิงเฉวียนก็จะกลับแล้ว ข้ายังคิดถึงพิกล”
“ปล่อยมือ!” ฉือชั่นใช้ด้ามพัดเคาะหลังมือหยางโฮ่วเฉิงสุดแรงทีหนึ่ง พูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “หยางเอ้อร์ เจ้าเกิดเสียสติอะไรขึ้นมา ถิงเฉวียนเป็นภรรยาเจ้าหรือไร”
หยางโฮ่วเฉิงหวาดหวั่นสุดใจว่าฉือชั่นจะได้ยินอะไรที่ไม่สมควรได้ยิน เขาหัวเราะแหะๆ ไม่หยุด “ก็ข้ายังไม่มีภรรยามิใช่หรือ สหายรักจึงสำคัญที่สุด ไม่พบพวกเจ้าวันเดียว นานประหนึ่งสามปี…”
“เหลวไหลไร้สาระอะไรของเจ้า!” ฉือชั่นขมวดคิ้วแล้วจู่ๆ ก็เลิกคิ้วขึ้น “ไม่ถูก นี่มีพิรุธ!”
เขาผลักหยางโฮ่วเฉิงออก ย่ำเท้าลงบันไดไปทันที เสียงสนทนาที่ชั้นล่างก็ลอยมาเข้าหู
“ครอบครัวของบุตรสาวขุนนางผู้นั้นกลับรักศักดิ์ศรี ตรงไปเอาเรื่องถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลินเลย”
“ตระกูลใดกันใจกล้าถึงเพียงนี้ น่าจะเป็นขุนนางใหญ่มากกระมังถึงไม่กลัวคนพวกนั้น”
“ใหญ่ที่ใดกัน ดูเหมือนบิดาของคุณหนูคนนั้นจะเป็นแค่อาลักษณ์เล็ก…”
ฉือชั่นใจหล่นวูบ สาวเท้าเร็วรี่ไปที่ข้างๆ คนสองคนซึ่งพูดคุยกันอยู่ เขาหย่อนตัวลงนั่งแล้วเผยรอยยิ้มน่าหลงใหล “พี่ชายทั้งสอง เรื่องที่พวกท่านพูดถึงช่างแปลกใหม่จริงๆ ให้ข้าได้ฟังบ้างสิ”
เขามีรูปโฉมชวนพิศ ต่อให้เป็นบุรุษ แรกเห็นเขาก็ล้วนตะลึงงันไปตามๆ กัน
“พี่ชายท่านนี้เล่าว่ามีบุตรสาวของอาลักษณ์เล็กๆ ผู้หนึ่งถูกทำลายรูปโฉมหรือ ไม่ทราบว่าเป็นอาลักษณ์เล็กๆ คนใดถึงเหยาะแหยะไม่เอาไหนปานนี้นะ กระทั่งบุตรสาวตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้”
“น้องชายพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านอาลักษณ์ผู้นั้นก็ทำเรื่องที่ไม่ง่ายดาย หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับบุตรสาว คนทั้งครอบครัวพากันไปนั่งทวงความชอบธรรมที่หน้าประตูที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน สุดท้ายแม้แต่ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินท่านนั้นยังต้องยอมอ่อนข้อ ให้บุตรสาวไปเยือนถึงจวนเพื่อขอขมาแล้ว”
“ไปเยือนถึงจวน? ข้าได้ยินว่าในสำนักราชบัณฑิตมีอาลักษณ์มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ทราบว่าเป็นตระกูลใดกันหรือ”
ลูกค้าหอสุราสองคนสบตากัน หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “ท่านอาลักษณ์ผู้นั้นรู้สึกว่าจะแซ่หลีกระมัง”
ฉือชั่นลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใด เขาก้าวขาเดินออกไป
หยางโฮ่วเฉิงกับจูเยี่ยนเห็นแล้วรีบไล่ตามไปทันควัน
“สือซี เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ทำอะไรหรือ” ฉือชั่นหมุนตัวขวับ เหยียดยิ้มเยาะๆ “จื่อเจ๋อ ฉงซาน พวกเจ้าสองคนรู้เรื่องมาก่อนแล้วกระมัง”
จูเยี่ยนอ้าปากพูด “ไม่ใช่ พวกข้ารู้แค่ว่าคุณหนูหลีเป็นแผลที่ใบหน้า”
หยางโฮ่วเฉิงพยักหน้าหงึกๆ “ใช่ เรื่องที่ครอบครัวนางไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน พวกข้าเองก็เพิ่งรู้เช่นกัน”
ถ้ารู้แต่แรก เขาคงไม่อยู่ตรงนี้แล้ว
“แล้วพวกเจ้าปิดบังข้าด้วยเหตุใด” ฉือชั่นเลิกคิ้วพลางยิ้มๆ อย่างอ่านความรู้สึกไม่ออก
กระนั้นช่วยไม่ได้ที่สองคนตรงหน้านี้เป็นสหายรักกันมานานหลายปี จึงรู้จักนิสัยเขาดีกว่าใครๆ หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอยพลางพูด “ก็กลัวเจ้าจะหุนหันพลันแล่นไปที่จวนของคุณหนูหลีน่ะสิ”
“สือซี ขณะนี้คุณหนูหลีตกเป็นเป้าโจมตี ตระกูลต่างๆ ล้วนเฝ้าดูอยู่ หากพวกเราบุ่มบ่ามไปเยี่ยมนาง กลับจะทำให้นางยุ่งยากมากขึ้น” จูเยี่ยนพูดสนับสนุนขึ้น
ฉือชั่นหัวร่อเสียงเบา “หึๆ พวกเจ้าคิดมากไป ข้ากับคุณหนูหลีมิใช่ญาติสนิทมิตรสหาย ข้าจะไปที่จวนของนางด้วยเหตุใดกัน”
เขาพูดจบแล้วก็หันหลังจะเดินจากไป แต่ถูกหยางโฮ่วเฉิงเหนี่ยวรั้งไว้สุดแรง “แล้วนี่เจ้าจะไปที่ใดกัน”
“อ้อ ข้าจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ ดูว่าจะได้พบเจอกับคุณหนูเจียงโดยบังเอิญหรือไม่”
หยางโฮ่วเฉิงเกือบล้มทั้งยืน “อย่าเชียวนะ อย่างนั้นพวกเราไปเยี่ยมคุณหนูหลีกันดีกว่า”
ด้วยนิสัยไม่กลัวฟ้ากลัวดินของเจ้าคนผู้นี้ เกิดทำให้คุณหนูเจียงเสียโฉม ถึงตอนนั้นเจียงถังจะไม่เอาชีวิตเข้าแลกกับพวกเขาหรอกหรือ
“สือซี ใจเย็นหน่อย…” จูเยี่ยนเอ่ยเตือนสติ
ฉือชั่นสะบัดคนทั้งสองออก กล่าวเสียงเย็นว่า “ข้าใจเย็นมาก แค่จะออกไปเดินเล่น”
เขาหมุนตัวเดินดุ่มๆ ไปก็เจอกับเซ่าหมิงยวนที่เดินสวนมา
หยางโฮ่วเฉิงกับจูเยี่ยนถอนหายใจโล่งอกไปที ต่างพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “ถิงเฉวียน ห้ามสือซีไว้เร็วเข้า”
ฉือชั่นเห็นว่าเป็นเซ่าหมิงยวนก็แกว่งแขนเร่งฝีเท้าเร็วรี่
แม้เซ่าหมิงยวนไม่รู้ว่าเหตุใดต้องห้ามฉือชั่น ทว่าจูเยี่ยนเป็นคนหนักแน่นมั่นคงมาแต่ไหนแต่ไร เขาพูดถึงเพียงนี้แล้วต้องมีเหตุผลเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงยื่นมือไปจับหัวไหล่ของฉือชั่น
ฉือชั่นไปต่อไม่ได้ก็ปั้นหน้าบึ้งแล้วเอ่ยขึ้น “เซ่าหมิงยวน ปล่อยมือนะ”
หยางโฮ่วเฉิงไล่ตามมาถึง “อย่าปล่อยเด็ดขาด เขาจะไปก่อเรื่อง”
เซ่าหมิงยวนมองไปรอบๆ เห็นคนมองมาด้วยความสนใจใคร่รู้ไม่น้อย เขากล่าวเสียงเรียบๆ “เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุยกัน”
ฉือชั่นถูกลากตัวกลับไปที่ห้องก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “พวกเจ้าสามคนสมองไม่ปกติกระมัง”
เซ่าหมิงยวนไม่แม้แต่จะมองเขา ไต่ถามจูเยี่ยนโดยตรง “เรื่องเป็นอย่างไร”
จูเยี่ยนยิ้มอย่างอ่อนใจ “เมื่อครู่สือซีได้ยินเรื่องที่คุณหนูหลีเสียโฉมเลยจะไปคิดบัญชีกับคุณหนูเจียง”
“ก็บอกว่าข้าจะออกไปเดินเล่น แม่นางน้อยคนนั้นเสียโฉมแล้วเป็นกงการอะไรของข้า”
“เจ้าจะไปคิดบัญชีกับคุณหนูเจียง” หยางโฮ่วเฉิงเถียงกลับอย่างไม่กลัวตาย
เห็นพวกข้าโง่งมรึ!
ฉือชั่นถลึงตามองหยางโฮ่วเฉิงเขม็ง ทั้งที่โกรธจัดกลับยิ้ม “ใช่ ข้ากำลังไม่สบอารมณ์พอดี อยากไปเกี้ยวพาราสีสตรีสูงศักดิ์สักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
หยางโฮ่วเฉิงกลอกตาขึ้น เขาพ่ายแพ้แล้ว เมื่อคนเราสิ้นยางอาย ใต้หล้าก็ไร้ผู้ใดต่อกรได้
หยางโฮ่วเฉิงถอยออกไปด้านข้าง มองไปที่เซ่าหมิงยวนปราดหนึ่ง
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้มีพลังยุทธ์สูงสุดในบรรดาพวกเขาเถอะ ถ้าพูดจาเหลวไหลอีกก็ซ้อมสักยกเป็นอันสิ้นเรื่อง
“เหตุใดรึ เจ้าก็จะห้ามข้าด้วย?” ฉือชั่นมองเซ่าหมิงยวนอย่างท้าทาย
วรยุทธ์ดีแล้วแน่นักหรือ ผักกาดขาวที่เขาเก็บได้โดนคนอื่นเหยียบย่ำแล้วยังไม่ยอมให้เขาบันดาลโทสะ ขืนเป็นเช่นนี้ก็ตัดขาดกันไปเลย!
คุณชายฉือใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าตัดขาดกันออกจะรุนแรงเกินไปสักหน่อย
อืม ดูท่าทีของเซ่าหมิงยวนก่อนก็แล้วกัน
“ข้าเพิ่งได้พบกับคุณหนูหลี” เซ่าหมิงยวนเอ่ยปากพูด
“อะไรนะ!” หยางโฮ่วเฉิงกับจูเยี่ยนสบตากัน จากนั้นหันไปมองฉือชั่นพร้อมกัน
ฉือชั่นยักคิ้ว มุมปากยิ้มน้อยๆ “หือ?”
“บาดแผลบนใบหน้าของคุณหนูหลีสาหัสพอดู เกรงว่าจะมีแผลเป็น”
สายตาของฉือชั่นเย็นเยียบขึ้นทันที
“กระนั้นหมอเทวดาหลี่น่าจะรักษาได้ คุณหนูหลีไม่มีทางเสียโฉม ก็แค่ไม่ค่อยงดงามชวนมองชั่วคราว แต่เป็นเช่นนี้ วันหน้าคุณหนูหลีคงออกจากเรือนน้อยลง แต่กลับหลีกเลี่ยงปัญหาบางอย่างไปได้” เซ่าหมิงยวนพินิจพิเคราะห์อย่างสุขุมไร้อคติ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ กับฉือชั่น “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป”
“เดิมทีข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปดูนาง” ฉือชั่นพูดปฏิเสธอย่างกระดากใจจบแล้วถลึงตาใส่จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงอย่างดุดัน
เจ้าบัดซบสองคนนี้กลัวเขาไปหาคุณหนูหลีแล้วจะสร้างปัญหาให้นางเพิ่มขึ้น ไฉนเซ่าหมิงยวนได้พบหน้านางแล้วกลับมา แต่ละคนกลายเป็นใบ้?
เซ่าหมิงยวนเป็นแม่ทัพเป่ยเจิงผู้ทรงเกียรติ ไปพบเด็กสาวนางหนึ่งเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่
เซ่าหมิงยวนไม่รู้ว่าถูกฉือชั่นค่อนแคะในใจ เขากล่าวต่อว่า “ส่วนทางคุณหนูเจียงนั่น สือซี เจ้าก็ไม่ต้องไปแล้ว ถึงอย่างไรถือสาหาความกับเด็กสาวคนหนึ่งดูไม่ใคร่ดีนัก”
“เช่นนั้นจะแล้วกันไปเท่านี้?” ฉือชั่นยิ้มเย็นๆ
เด็กสาวแล้วมีอันใด เด็กสาวทำให้เขาไม่พอใจ ก็ต้องโดนเขาสั่งสอนอยู่ดี!
“อ้อ ข้าไปพบบิดาของนางแล้ว เจียงถังรับปากข้าว่าจะอบรมสั่งสอนบุตรสาวของเขาให้ดีๆ” เซ่าหมิงยวนกล่าว