หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 196
บทที่ 196
อะไรนะ!
แม่นางเฉียวทำสีหน้างุนงง นึกสงสัยว่าตนได้ยินผิดไป
“ข้าหมายถึงว่าต่อแต่นี้ข้าจะมุมานะเล่าเรียนมากขึ้น พยายามสอบผ่านเป็นจิ้นซื่อให้ได้ในเร็ววันเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้แก่วงศ์ตระกูล จากนั้นจะได้คุ้มครองพวกเจ้า” หลีฮุยกล่าวประโยคนี้จบก็ใบหน้าแดงก่ำ เขาไม่รอดูท่าทีของเฉียวเจาก็ก้าวขาวิ่งออกไปเลย
เฉียวเจาอึ้งงันไปนานครู่หนึ่งถึงเม้มปากยิ้ม
ผ่านไปไม่นานนัก เหอซื่อตาแดงๆ เข้ามา “เจาเจา เจ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว ท่านแม่ ดูสิเจ้าคะ แผลตกสะเก็ดแล้ว” เฉียวเจายื่นหน้าไปให้นางดู
เหอซื่อเห็นแล้วตาแดงยิ่งขึ้น
เพราะบาดแผลตกสะเก็ดกลับทำให้สีเข้มขึ้น ดูสะดุดตามากขึ้นอีก
บุตรสาวของนางโฉมงามดุจบุปผา ยาของหมอเทวดาหลี่จะช่วยให้ใบหน้าของเจาเจาไม่เหลือรอยแผลเป็นได้จริงๆ ใช่หรือไม่
เฉียวเจารับรู้ไปถึงความรักอันลึกซึ้งต่อบุตรสาวของเหอซื่อได้แจ่มชัด ย่อมหักใจให้นางเป็นทุกข์ไม่ได้ สอดมือคล้องแขนนางพลางกล่าว “ท่านแม่วางใจเถอะ ท่านปู่หลี่เป็นใครกันเล่า ท่านเป็นเทวดาเดินดินที่ชุบชีวิตคนได้เชียวนะ กับแค่รอยแผลรอยเดียวเท่านี้จะรักษาไม่ได้หรือเจ้าคะ”
เหอซื่อพยักหน้าหงึกๆ บุตรสาวกล่าววาจาได้มีเหตุผลมาก ฉะนั้นนางอย่าเป็นห่วงโดยใช่เหตุจะดีกว่า
“เจาเจา ยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาที่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะเก็บไว้ให้ข้าใช้นั่นนะ เอ่อ…หยิบมาให้ข้าที”
พอเห็นมารดาทำสีหน้าชอบกล เฉียวเจาบุ้ยใบ้บอกให้ปิงลวี่ไปหยิบค่อยเอ่ยถาม “ท่านแม่จะเอายาขี้ผึ้งไปทำอะไรตอนนี้เจ้าคะ”
เฉียวเจาเคยเอายาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาที่เซ่าหมิงยวนส่งมาให้หลายตลับให้มารดา แต่นางหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่รับไว้
เหอซื่อทำสายตาหลุกหลิก “ก็เก็บไว้ก่อนสิ ยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาไม่เหมือนอย่างอื่น ถึงมีเงินก็ยากจะหาซื้อได้นะ”
เฉียวเจาไม่แยแสถ้อยคำของมารดาสักนิด นางมุ่นคิ้วไต่ถาม “ใครบาดเจ็บหรือเจ้าคะ”
เหอซื่อตัวแข็งทื่อไป
เฉียวเจาไม่รอให้นางพูดกลบเกลื่อนไร้สาระ ย้อนถามด้วยน้ำเสียงมั่นใจมาก “ท่านพ่อ?”
“เปล่า ท่านพ่อเจ้าจะได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรกัน…”
“เพราะข้า?” เฉียวเจาซักถามต่อ
เหอซื่อจนมุม นางยอมรับตามสัตย์จริง “ใช่”
บุตรสาวชาญฉลาดปานนี้ทั้งน่าภาคภูมิใจทั้งน่าเศร้าใจดีแท้
“ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไปดูนะเจ้าคะ”
เฉียวเจาตั้งท่าจะออกเดินไปแต่ถูกเหอซื่อรั้งตัวกลับมา “เจาเจา เจ้าอย่าไปเลย ท่านพ่อจะรู้สึกเสียหน้า เขาไม่อยากให้เจ้ารู้เรื่องมากที่สุด”
“ตกลงว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่เจ้าคะ”
“เรื่องของเรื่องก็คือวันนี้ท่านพ่อเจ้าออกจากที่ว่าการแล้วตรงไปที่ร้านเครื่องประทินโฉมคิดจะซื้อแป้งผัดหน้ากลับมาให้เจ้าสักสองสามตลับ ที่ไหนได้กลับได้ยินสตรีออกเรือนแล้วสองคนกำลังพูดคุยซุบซิบถึงเรื่องที่ลูกแม่เสียโฉมเข้าพอดี ท่านพ่อฟังแล้วย่อมต้องไม่พอใจแน่เลยโต้เถียงกับพวกนาง สตรีสองคนนั้นก็ขาดการอบรมขัดเกลาเหลือเกิน พอโต้เถียงสู้ไม่ได้ถึงกับลงไม้ลงมือ ข่วนหน้าท่านพ่อเจ้าเป็นลายพร้อยเลย ไร้เหตุผลสิ้นดีจริงๆ!”
สามีของนางแสนจะสง่าผ่าเผย สตรีหยาบกระด้างสองคนนั้นรู้จักทะนุถนอมบุรุษรูปงามหรือไม่กันแน่
“…” เฉียวเจาอึ้งงันไปครู่หนึ่ง หลังจากนางสงบจิตใจครู่ใหญ่แล้วจึงถามขึ้น “หนักหนาหรือไม่เจ้าคะ”
พ่อลูกเสียโฉมในเวลาเดียวกัน นี่อยากจะให้เป็นที่โจษขานกันไปทั่วหรือไร
“ไม่ถึงกับหนักหนา แต่ท่านพ่อเจ้าอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย ก็เป็นแผลบนใบหน้านี่นะ เขากลัวคนอื่นเห็นแล้วนึกว่าถูกข้าตีจนถูกครหาว่าเป็นคนกลัวภรรยา” เหอซื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้วชักอารมณ์พลุ่งพล่าน “ข้าเป็นพวกตบตีสามีอย่างนั้นหรือ ถึงได้พูดกันว่าคนเรามักมองแต่เปลือกนอก” ถึงแม้ท่านแม่ของนางชอบข่วนหน้าท่านพ่อบ่อยๆ แต่นางมิได้รับสืบทอดข้อดีนี้มาสักน้อยนิด!
เฉียวเจาพอจะกระจ่างแจ้งแล้วว่าท่านพ่อที่เคารพบาดเจ็บถึงขั้นใด นางตื้นตันใจขณะเดียวกันก็กลั้นยิ้มไม่อยู่ “เช่นนั้นข้าไม่ไปดูแล้ว ท่านแม่ดูแลท่านพ่อให้ดีนะเจ้าคะ”
สองแม่ลูกกำลังสนทนากันอยู่ ปิงลวี่ก็ถือกล่องใบเล็กเข้ามา “คุณหนู ยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาเจ้าค่ะ”
เฉียวเจามองแล้วส่ายหน้า “กล่องนี้เก็บขึ้นก่อน เอากล่องก่อนหน้านี้”
ฉือชั่นทำอะไรพิลึกพิลั่นจับทางไม่ถูกเกินไป เขามอบยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาให้นางสองตลับ ใครจะรู้ว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไร เกิดวันใดพบหน้ากันแล้วเกิดเรื่องขัดใจกัน ด้วยนิสัยอย่างเขาจะทวงของคืนจากนางก็เป็นไปได้ ดังนั้นเก็บไว้ก่อนดีกว่า ส่วนที่เซ่าหมิงยวนให้เฉินกวงนำมาให้กลับสามารถใช้ได้อย่างสบายใจ
ปิงลวี่ก้มหน้ามองยาขี้ผึ้งในกล่องแล้วฉงนใจครามครัน นี่ไม่เหมือนกันหรือ
ทว่าสาวใช้น้อยเชื่อฟังคำสั่งของคุณหนูตนทุกอย่างเสมอ นางยังคงหมุนกายเอาไปเปลี่ยน
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหลายวัน ถึงวันที่เฉียวเจาต้องไปอารามซูอิ่งอีกแล้ว
คนทั่วทั้งจวนตะวันตกล้วนนึกว่าคุณหนูสามจะของดเว้นอีกครา จึงคิดไม่ถึงว่านางจะแต่งกายพร้อมพรักสวมหมวกม่านแพรออกจากเรือนไป
อากาศร้อนมากขึ้นตามลำดับ ระหว่างทางพบคนที่จะไปจุดธูปไหว้พระไม่มากนัก มาตรว่าสองฟากฝั่งของทางเดินขึ้นเขาจะร่มรื่นเขียวขจีไปด้วยแมกไม้ แต่หลังไต่เขาขึ้นไปช้าๆ ทีละก้าวก็ยังคงทำให้เหงื่อซึมเปียกทั้งแผ่นหลัง
ปิงลวี่เอ่ยถามเฉียวเจาอย่างสงสาร “คุณหนู ร้อนหรือไม่เจ้าคะ เช่นนี้ถอดหมวกออกก่อนเถอะ ถึงอย่างไรก็ไม่ค่อยมีคน”
“ไม่เป็นไร” เฉียวเจาหายใจหอบเล็กน้อย นางอาจไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง แต่จะทำให้ผู้อื่นตกอกตกใจไปไยเล่า
เฉินกวงซึ่งเดินอยู่ข้างๆ เฉียวเจาตลอดถามโพล่งขึ้น “คุณหนู ท่านใช้ยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาที่ท่านแม่ทัพของข้ามอบให้หรือไม่ขอรับ”
นับแต่จับเถาเซิงที่ปลอมตัวเป็นหญิงได้คาหนังคาเขา เฉินกวงรู้สึกกดดันอย่างยิ่งยวดฉับพลัน
เขานึกว่าตนทุ่มเทพยายามเพื่อความสุขชั่วชีวิตในวันหน้าของท่านแม่ทัพมากแล้ว ไม่คิดว่ายังมีคนใจเด็ดยิ่งกว่า ถึงกับปลอมตัวเป็นสตรีเข้าไปถึงตัวคุณหนู เช่นนี้มันโกงกันชัดๆ!
เขาต้องทำให้คุณหนูสามแจ่มแจ้งว่าท่านแม่ทัพของเขาต่างหากที่คิดได้รอบคอบรัดกุมที่สุด แล้วก็เป็นคนแรกที่มอบยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาให้ ส่วนคุณชายฉือนั่นเป็นพวกลอกเลียนความคิด
“ไม่ได้ใช้” เฉียวเจาตอบตามความจริง
เฉินกวงได้ยินแล้วใจเสีย ไม่ได้ใช้ของท่านแม่ทัพหรือนี่ ถ้าอย่างนั้นจะมิใช่ใช้ของที่คุณชายฉือมอบให้หรอกหรือ
“แล้วท่านใช้ยาขี้ผึ้งที่ใครที่ใดก็ไม่รู้มอบให้หรือไม่ขอรับ”
เฉียวเจาเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดกลั้น “ไม่ได้ใช้เหมือนกัน”
เฉินกวงฟังแล้วคลายใจลงได้ ค่อยยังชั่ว ตอนนี้ถือว่าเสมอกันอยู่
ท่านแม่ทัพของเขาสงวนท่าทีมากเกินไป เงินหยวนเป่ากับแผ่นทองคำพับที่อ้างชื่อของท่านหมอเทวดามอบให้คุณหนูสามตอนนั้น ล้วนเป็นท่านแม่ทัพชดใช้รถม้าให้นางแท้ๆ น่าเสียดายที่ท่านแม่ทัพไม่อนุญาตให้เขาพูด
เฉินกวงคิดถึงตรงนี้แล้วถอนใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง ในใจเขาไม่สบอารมณ์นัก วันหน้าได้เจอเด็กรับใช้ของคุณชายฉืออีก จะซ้อมสักยกระบายอารมณ์ก็แล้วกัน
“ใครกัน?” ยามนี้เองจู่ๆ เฉินกวงก็เขม็งเกลียวไปทั้งร่าง ชั่วอึดใจเดียวเขาเอาตัวบังเฉียวเจาไว้ข้างหลัง ไม่หลงเหลือท่าทางเฉื่อยชาให้เห็นอีก เขาจ้องเขม็งไปที่จุดหนึ่งนิ่งๆ ไม่ไหวติง
“มีโจรผู้ร้ายหรือ ดักปล้นใช่หรือไม่” ปิงลวี่สองตาเป็นประกายทำท่าทางคันไม้คันมือ
เฉียวเจาสงบนิ่งอย่างมาก นางมองตามสายตาของเฉินกวงไป
พงหญ้าขยับไหวเบาๆ ห่างออกไปหลายจั้ง มีชายหนุ่มร่างสูงเพรียวยืนอยู่
ใต้แสงแดดเจิดจ้า คนผู้นั้นสวมอาภรณ์สีดำดูเคร่งขรึมอันตรายราวกับทำให้อากาศรอบกายเขาเย็นยะเยือกลงมาก กระนั้นรอยยิ้มบางๆ ตรงมุมปากกลับนุ่มนวลดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิ
ดวงตาของเฉินกวงเปล่งประกายคมกล้าวูบหนึ่ง
ท่านสิบสามแห่งกององครักษ์จินหลิน? เขาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จริงสิ วันนั้นเจียงสือซานเป็นสารถีให้คุณหนูสาม หรือว่าวันนี้จะมาแย่งหน้าที่ของเขา?
คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีคนยื้อแย่งกันเป็นสารถีของคุณหนูสามถึงเพียงนี้!
เมื่อคิดได้ว่าตนมีคู่แข่ง สารถีเต็มตัวบางคนตื่นตัวระวังขึ้นมากะทันหันราวกับดื่มยาชูกำลังเข้าไป
เฉียวเจาสืบเท้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง เบือนหน้าไปบอกกับเฉินกวง “ดูแลปิงลวี่ให้ดี ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็มา”
เฉินกวงมองดูเฉียวเจาสาวเท้าเข้าไปหาเจียงหย่วนเฉาทีละก้าวๆ แล้วงุนงงเป็นไก่ตาแตก