หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 213
บทที่ 213
ทำตามที่ได้รับไหว้วานสุดความสามารถ?
หมอเทวดาหลี่ไหว้วานให้เขาดูแลคุณหนูหลี แล้วก็ไหว้วานคุณหนูให้คอยห่วงใยเอาใจใส่พี่เฉียวโม่ เอ่อ…เหตุใดรู้สึกเหมือนว่ามีเขาคนเดียวที่เป็นลูกเลี้ยงไม่มีใครรักนะ เซ่าหมิงยวนคิดอย่างอิจฉาแกมเศร้าใจ
เขากวาดตามองใบหน้าของเฉียวเจาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ยังไม่แสดงความยินดีกับคุณหนูหลีที่รูปโฉมกลับมาเป็นดังเดิมแล้ว”
“อ้อ ขอบคุณเจ้าค่ะ” แม่นางเฉียวกล่าวขอบคุณ นางคิดๆ แล้วถามขึ้น “แม่ทัพเซ่าเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าข้าหายดีหรือ”
เซ่าหมิงยวนพูดอะไรไม่ออก “…” ถ้ายอมรับแล้วจะเป็นอย่างไรหรือไม่นะ
มุมปากของเฉียวเจากระตุกริกๆ นางค้านจะถือสาหาความกับเขา เอื้อมมือปลิดลูกองุ่นผลหนึ่งมาหมุนคลึงเล่นในมือ “แม่ทัพเซ่าน่าจะได้ยินแล้วกระมังว่าเมื่อวานมีมือสังหารสองคนดักทำร้ายพี่เฉียวต่อๆ กัน เฉินกวงปลอมตัวเป็นมือสังหารคนแรก ส่วนมือสังหารคนที่สองทำให้ข้าคาดไม่ถึงเป็นอันมาก ข้าขบคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นใครคนใดหมายเข่นฆ่าพี่เฉียวให้สิ้นชีพ…”
นางพูดไปได้ครึ่งๆ กลางๆ พลันสังเกตเห็นสีหน้าของชายหนุ่มผิดปกติไปบ้าง นางหยุดปากแล้วมองเขา “แม่ทัพเซ่า?”
เซ่าหมิงยวนดึงความคิดคืนมา
“หรือแม่ทัพเซ่ามีความในใจอะไรอยู่”
“หามิได้ แค่มีเรื่องหนึ่งอยากบอกคุณหนูหลี”
“น้อมรับฟังเจ้าค่ะ” ใต้ระแนงเถาองุ่น เด็กสาวในชุดเรียบง่ายหมุนคลึงลูกองุ่นห่ามจัดเล่นในมือ นางประสานสายตากับแม่ทัพหนุ่มอย่างเปิดเผยขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
ฝ่ายเซ่าหมิงยวนกลับรู้สึกกดดันอยู่หลายส่วนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาชั่งใจครู่หนึ่งถึงเอ่ยปากขึ้น “มือสังหารคนที่สอง…ข้าเป็นคนส่งไปเช่นกัน”
เฉียวเจาบีบมือแรงขึ้นจนลูกองุ่นแตกมีน้ำใสๆ พุ่งกระเด็นทันที
“แม่ทัพเซ่าจะบอกว่ามือสังหารชุดสีเทาโหดเหี้ยมเลือดเย็นที่ไล่ล่าพี่เฉียวให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนและได้รับความตกใจจนล้มป่วยไปคนนั้น ท่านเป็นคนส่งไปเช่นกันหรือ” เฉียวเจาถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“อื้อ” เซ่าหมิงยวนพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์ เขาอดชำเลืองหางตามององุ่นที่พบจุดจบอย่างน่าอนาถไม่ได้
“เหตุใดแม่ทัพเซ่าต้องทำเช่นนี้” เฉียวเจาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดออกมาเช็ดนิ้วมืออย่างเชื่องช้า
“เช่นนี้จะดูสมจริงมากกว่า คุณหนูหลีอยากให้ผู้บงการเบื้องหลังคิดว่าผู้มีอำนาจฝ่ายอื่นคิดปองร้ายพี่เฉียวโม่มิใช่หรือ มีมือสังหารโผล่มาสองคนจะกวนน้ำให้ขุ่นยิ่งขึ้น การจะค้นพบความจริงก็ทำได้ยากขึ้น อีกอย่างเมื่อการปรากฏตัวของมือสังหารคนที่สองเป็นเรื่องไม่มีใครล่วงรู้ ท่าทีของพวกเขาจึงสมจริงมากขึ้น อย่างนี้ก็จะไม่ส่อพิรุธ…” เซ่าหมิงยวนพูดแจกแจงอย่างฉาดฉานตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ไปจนถึงคาดคำนวณใจคน เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเขามองเหตุการณ์ในครานี้เป็นการปฏิบัติการทางทหารงานหนึ่งไปเสียแล้ว
เฉียวเจาขยำผ้าเช็ดหน้า ข่มอารมณ์ชั่ววูบอยากปามันใส่หน้าคนบางคนไว้ นางไต่ถามเสียงเรียบ “พูดจบแล้ว?”
เซ่าหมิงยวนกระแอมกระไอทีหนึ่งแล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบหนึ่งคำ
“แม่ทัพเซ่าคิดอ่านได้รอบคอบรัดกุมมาก ทว่าไฉนไม่บอกกล่าวให้ข้ารู้ล่วงหน้าสักคำ”
นางมิได้อยู่ที่นั่นเสียหน่อย ยังต้องมีท่าทีสมจริงอันใดด้วยหรือ
“อันว่าไม่ลงมือก็ช่าง แต่ถ้าจะลงมือย่อมต้องมั่นใจว่าไม่มีทางพลาดเด็ดขาด…”
“นี่มิใช่การออกรบ” เฉียวเจาหน้าบึ้งพูดโต้กลับ
รู้หรือไม่ว่านางเป็นห่วงจนหลับไม่สนิทตลอดราตรี แล้วคนที่นอนไม่เต็มอิ่มยังดื่มชากับเขาอย่างอารมณ์เย็นได้เช่นนี้มิใช่ง่ายดายแล้ว
“ขออภัย ข้าผิดไปแล้ว”
หา? เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ ยอมรับผิดง่ายๆ เช่นนี้ คนผู้นี้ยังมีหลักการอยู่สักนิดหรือไม่
เห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมีสีหน้าอ่อนละมุนลง เซ่าหมิงยวนลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
การพูดจาวิสาสะกับสตรีช่างยุ่งยากเหลือเกิน ยามเกิดข้อขัดแย้งกัน คำขอขมาใช้ได้ผลกว่าพูดด้วยเหตุผลดังคาด
“แล้วคนที่โผล่มาขัดขวางมือสังหารชุดสีเทาผู้นั้นล่ะ เป็นคนที่แม่ทัพเซ่าจัดเตรียมไว้เช่นกันหรือ” อีกฝ่ายก็ขอโทษแล้ว แม่นางเฉียวไม่มีเหตุผลที่จะติดใจเอาความโดยไม่รามือ นางหันเหไปถามปัญหานี้
“มิใช่ เดิมทีข้าเตรียมคนไว้แล้ว แต่ยังไม่ทันออกโรง คนผู้นั้นก็ปรากฏตัวแล้ว” เซ่าหมิงยวนมองนางแวบหนึ่ง “เขาเป็นองครักษ์จินหลิน”
“องครักษ์จินหลินช่วยพี่เฉียวไว้หรือ” เฉียวเจาอึ้งงันไป
โลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน เรื่องต่างๆ มากมายล้วนวางแผนได้ไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ครานี้ดีล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าผู้บงการเบื้องหลังการวางยาพิษพี่ใหญ่จะรู้เท่าทันสายสนกลในของเรื่องนี้จริงๆ ก็แม้แต่นางยังจะเสียกระบวนหมดแล้ว!
“พี่เฉียวโม่เป็นหลานชายของอาจารย์เฉียว เขามาขออาศัยอยู่ที่จวนเสนาบดีเพราะเกิดเหตุไฟไหม้เรือน จึงเป็นที่จับตามองของชาวเมืองหลวงแต่แรก ถ้าหากเกิดเรื่องกับเขาจะต้องก่อคลื่นลมขึ้นเป็นแน่ ดูทีว่าองครักษ์จินหลินไม่ต้องการเห็นสถานการณ์เช่นนี้บังเกิดขึ้นถึงได้ยื่นมือเข้าช่วย”
ฉือชั่นเคยบอกกับเขาว่าโอรสสวรรค์พระองค์นี้นับวันยิ่งรังเกียจเรื่องวุ่นวายมากขึ้นทุกที แล้วองครักษ์จินหลินซึ่งเป็นพระเนตรพระกรรณของโอรสสวรรค์ย่อมต้องปฏิบัติตามพระประสงค์ของเจ้าเหนือหัว
“คุณหนูหลี ถ้าเค้นถามจากปากเด็กรับใช้ได้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษพี่เฉียวโม่ ท่านตั้งใจจะทำอย่างไร”
เฉียวเจาอ้าปากพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แน่นอนว่าต้องให้คนผู้นั้นได้รับการลงโทษ”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง เขาสบตากับนางตรงๆ พลางถาม “ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนในจวนเสนาบดีเล่า”
คนเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องของพี่เฉียวโม่ ส่วนคุณหนูหลีจริงๆ แล้วเป็นเพียงคนนอก หากยื่นมือยุ่งเช่นนี้เป็นไปได้ว่าจะเป็นฝ่ายเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
“ไม่สำคัญว่าเป็นผู้ใด เมื่อให้ร้ายคนอื่นก็สมควรได้รับการลงโทษ” เฉียวเจาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ญาติพี่น้องอะไรกัน? คนที่ใกล้ชิดผูกพันกันและอยู่เคียงข้างกันไม่ว่ายามรุ่งเรืองหรือตกอับต่างหากถึงจะเป็นญาติพี่น้อง พวกที่แทงข้างหลังเช่นนั้นนับเป็นญาติพี่น้องประสาใดกัน ใครก็ตามที่ทำร้ายพี่ใหญ่ นางจะให้คนผู้นั้นต้องได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน!
“แม่ทัพเซ่าตั้งใจจะทำอย่างไรเล่า” เฉียวเจาย้อนถาม
ในสายตาคนภายนอก เซ่าหมิงยวนมีความสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ใกล้ชิดมากกว่านาง
“ย่อมต้องไต่ถามความเห็นของพี่เฉียวโม่ก่อนค่อยว่ากัน”
“ที่แม่ทัพเซ่ากล่าวก็ถูกต้อง”
ใต้เถาองุ่น เขากับนางสนทนาโต้ตอบกันไปมา บรรยากาศก็กลมเกลียวขึ้นทีละน้อย
เฉินกวงมองดูอยู่ไกลๆ ดีใจจนออกนอกหน้า
“เจ้ายิ้มอะไร” ปิงลวี่ถาม
“ไม่ได้ยิ้มอะไร” เฉินกวงรีบหุบยิ้ม เอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง
ถ้าเกิดสาวใช้น้อยผู้นี้ดูออกว่าเขามีเจตนาจับคู่ท่านแม่ทัพกับคุณหนูสามแล้วคอยทำลายจะทำฉันใด จะให้นางจับได้ไม่ได้!
“สติไม่ดีรึ” ปิงลวี่กลอกตาขึ้น แต่จู่ๆ ก็ยิ้มหน้าบาน “ไฉนข้าดูท่านแม่ทัพกับคุณหนูของข้าสมกันมากนะ เฉินกวง เจ้าเห็นเป็นเช่นไร อุ๊ย ถ้าทั้งสองได้ครองคู่กันคงดีเหลือเกิน แม้แต่หมวกฟางแม่ทัพเซ่าก็ยังสานเป็น ภายภาคหน้าย่อมไม่ปล่อยให้คุณหนูของข้าต้องลำบากเป็นแน่”
เฉินกวงนิ่งขึงไป
ประเดี๋ยวก่อน ท่านแม่ทัพสานหมวกฟางตั้งแต่เมื่อไรกัน เหตุใดเขาไม่รู้เรื่อง
ที่สำคัญกว่าคือ…สายตาของเฉินกวงจับอยู่ที่ตัวปิงลวี่ เขาพลันรู้สึกว่าสาวใช้น้อยชวนมองขึ้นไม่น้อย
เมื่อครู่นี้เขาระมัดระวังเกินไป ไปๆ มาๆ ที่แท้เป็นสหายร่วมรบนั่นเอง!
เฉินกวงกำลังยิ้มกับตนเองอยู่ หางตาเหลือบไปด้านหน้าโดยไม่ตั้งใจ เขาตกใจฉับพลัน
นั่นมิใช่คุณชายฉือหรือ เขามาได้อย่างไรกัน
เฉินกวงผลักปิงลวี่ไปด้านข้างอย่างลุกลน “เจ้ารีบไปบอกพวกท่านแม่ทัพให้ซ่อนตัวโดยไว ข้าไปสกัดคุณชายฉือไว้”
“อื้อ” ปิงลวี่เห็นเฉินกวงตื่นตระหนกก็พลอยไม่มีสติไปด้วย ถึงกับวิ่งไปบอกกล่าวเซ่าหมิงยวนกับเฉียวเจาจริงๆ
เฉินกวงสาวเท้าเร็วรี่เข้าไปขวางทางฉือชั่น เขาก้มหน้าหลุบตาเอ่ยว่า “คุณชายฉือ เมื่อครู่ท่านแม่ทัพเพิ่งออกไปทางประตูหลังแล้วขอรับ”
“มาผิดจังหวะเช่นนี้?” ฉือชั่นโบกพัดไปมา เขายื่นมือไปใช้พัดเชยคางเฉินกวงขึ้นกะทันหัน “ประเดี๋ยว ไฉนข้าคุ้นๆ หน้าเจ้า”
“ฮ่าๆๆๆ ข้าน้อยเป็นองครักษ์ประจำตัวท่านแม่ทัพ คุณชายฉือย่อมรู้สึกคุ้นหน้าแน่นอนขอรับ”
ฉือชั่นหรี่ตาลงแล้วแจ่มแจ้งในบัดดล “ไม่ถูก เจ้าคือสารถีคนนั้นของคุณหนูหลี!”