หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 222
บทที่ 222
ขณะที่คนของหอปี้ชุนกำลังชุลมุนวุ่นวาย ในลานกว้างของหอชุนเฟิง ต้นฉำฉาออกดอกสะพรั่ง แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาบังใบกางกั้นแสงแดดแจ่มจ้าไว้ นำพาความเย็นสบายและเงียบสงบมาสู่ผู้ที่สนทนาอยู่ใต้ต้นไม้
“คุณหนูหลีมาหาข้ามีเรื่องใดหรือ”
เฉียวเจาฟังแล้วชักไม่สบอารมณ์อย่างไร้สาเหตุ
นางมาหาเขาย่อมต้องมีเรื่องแน่นอน แต่เหตุใดคนผู้นี้กล่าววาจาได้น่าหมั่นไส้เช่นนี้นะ
นางไม่มีเรื่องใดก็มาไม่ได้หรือ ที่นี่คือหอสุรา หรือนางมาดื่มสุราไม่ได้?
“ข้าได้ยินว่าเมื่อวานแม่ทัพเซ่ารับตัวพี่เฉียวไปยังจวนของท่านแล้วหรือ”
เฉียวเจาเรียก ‘พี่เฉียว’ ไม่ขาดปากย่อมต้องมีเหตุผลอยู่
ด้วยศักดิ์ฐานะของนางในยามนี้ อยู่ต่อหน้าเซ่าหมิงยวนเรียกพี่ชายว่า ‘คุณชายเฉียว’ อาจจะเหมาะสมกว่าอย่างไร้ข้อกังขา ทว่าเช่นนี้จะเป็นการวางตัวห่างเหินกับพี่ชายไปโดยปริยาย
ยามอยู่กับเขานางเรียก ‘พี่เฉียว’ บ่อยๆ นานวันเข้าก็จะทำให้เขารู้สึกว่านางกับพี่ชายสนิทกันมากโดยไม่รู้ตัว เพียงเท่านี้วันหน้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ชาย หรือนางอยากพบพี่ชายก็จะดูเป็นเรื่องถูกต้องสมควรดีแล้ว
“อื้อ เป็นเช่นนั้นจริง”
“แล้วท่านป้าสะใภ้ใหญ่ของพี่เฉียว แม่ทัพเซ่าตั้งใจจะจัดการอย่างไรเจ้าคะ”
คนที่บังอาจทำร้ายพี่ชายนาง ไม่ว่าเป็นผู้ใด นางก็ไม่คิดจะปล่อยไปเช่นนี้
กระนั้นคนตรงหน้าผู้นี้มีความสามารถเหลือเกิน นางยังไม่ทันลงมือก็ชิงตัดหน้ารับพี่ใหญ่ออกจากจวนเสนาบดีก่อนก้าวหนึ่ง มาตรว่าอย่างนี้จะรับรองความปลอดภัยในวันหน้าของพี่ใหญ่ได้ แต่หากเขาคิดจะทำอะไรเหมาซื่อ นางกลับไม่ล่วงรู้ อย่างนั้นจะตกเป็นฝ่ายรับแล้ว
“เรื่องนี้ข้าอยากรอให้ร่างกายของพี่เฉียวโม่ดีขึ้นบ้างค่อยถามความเห็นของเขา”
จวนเสนาบดีโค่วกับเฉียวโม่มีความสัมพันธ์กันแบบที่ตัดไม่ตายขายไม่ขาด ฉะนั้นจะจัดการกับเหมาซื่อเช่นไรกันแน่ สำหรับเซ่าหมิงยวนแล้วต้องถือความคิดของเฉียวโม่เป็นสำคัญ
หากพี่ชายภรรยาเห็นแก่หน้าญาติพี่น้องในตระกูลท่านตาไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต สิ่งที่เขาทำได้ก็คือปกป้องให้พี่ชายภรรยาปลอดภัยหลังจากนี้ และเคารพความคิดเห็นของอีกฝ่าย
“ข้าได้ยินเฉินกวงพูดว่าคนที่ซักถามเด็กรับใช้เป็นมือฉมังด้านการสอบปากคำที่อยู่ใต้อาณัติแม่ทัพเซ่า ไม่ทราบว่าได้ล้วงความจากปากเด็กรับใช้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่ของพี่เฉียวถูกผู้อื่นบงการหรือไม่”
“ข้าเคยถามแล้ว เด็กรับใช้คนนั้นบอกทุกอย่างที่บอกได้จนหมด ส่วนว่าถูกผู้อื่นบงการหรือไม่ เด็กรับใช้ไม่น่าจะรู้เรื่อง”
เฉียวเจาเม้มปาก นางเหลือบตาขึ้นสบตากับเขาพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ถ้าอย่างนั้นหลังจากพี่เฉียวพักอยู่ในจวนท่านแม่ทัพเซ่า ท่านคงรับรองความปลอดภัยของเขาได้กระมัง”
เซ่าหมิงยวนมองนางอย่างพินิจ เขารู้สึกไม่วายว่าความเอาใจใส่ที่เด็กสาวตรงหน้ามีให้พี่ชายภรรยานั้นต้องมีเหตุผลมากกว่าที่นางเคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ กระนั้นสายตากระจ่างใสเปิดเผยของนางทำให้เขาไม่อาจคิดไปในทางอื่นได้อีก
“ข้าจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด” เซ่าหมิงยวนกล่าวตอบนางเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เฉียวเจาก็แย้มยิ้มพริ้มพราย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะได้ลองทุ่มสุดตัวดูสักตั้ง เล่นงานเหมาซื่อก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
ส่วนว่าพี่ใหญ่จะรามือไม่เอาผิดกับเหมาซื่อเพราะคำนึงถึงญาติพี่น้องคนอื่นของตระกูลท่านตาหรือไม่ เอ่อ…เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับนางแล้ว
“ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพที่ขึ้นเรือนใหม่”
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนเรียบเฉยมาก ราวกับว่ามิได้รู้สึกอันใดกับเรื่องย้ายเรือนสักน้อยนิด “แค่เก็บของออกมา ยังไม่ได้ย้ายเข้าเรือนใหม่จริงๆ”
ถึงยังไม่ได้ย้ายเข้าไปจริงๆ แต่เขาเริ่มพำนักในจวนกวนจวินโหวเป็นประจำแล้ว
ทั้งที่พอตกดึกจวนกวนจวินโหวอันกว้างใหญ่จะเงียบเหงาวังเวงและไม่มีชีวิตชีวาเท่าไร เขากลับรู้สึกสบายใจมากกว่าพักในจวนจิ้งอันโหวที่อยู่อาศัยมานานหลายปีแห่งนั้น
“ข้าอยากไปเยี่ยมพี่เฉียว ไม่ทราบว่าแม่ทัพเซ่าสะดวกหรือไม่”
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “สะดวกแน่นอน วันหน้าคุณหนูหลีอยากพบพี่ชายภรรยาข้าล้วนมาได้ทุกเวลา”
“ขอบคุณแม่ทัพเซ่ามากเจ้าค่ะ”
“คุณหนูหลีอยากจะไปตอนนี้เลยหรือไม่”
“ตอนนี้ได้ก็ดีเจ้าค่ะ” เฉียวเจาพยักหน้าแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ นางทำทีไต่ถามขึ้นตามสบาย “แม่ทัพเซ่า คนภายนอกพากันพูดว่าเหตุผลที่ท่านรับพี่เฉียวออกมาเพราะฝันถึง…”
นางรู้สึกว่าพูดคำว่า ‘ภรรยาท่าน’ กับเซ่าหมิงยวนออกจะแปลกๆ อย่างไรชอบกล
เขากลับพูดตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฝันถึงภรรยาข้า”
“เอ่อ…นางมาเข้าฝันท่านจริงๆ หรือเจ้าคะ”
เซ่าหมิงยวนมองนางอย่างหลากใจ เขารู้สึกว่าคุณหนูหลีไม่คล้ายคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องเช่นนี้เป็นพิเศษ
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นเพียงใด ก็มีไม่กี่คนที่กล้าถามเขาตรงๆ
ชั่วขณะนี้เซ่าหมิงยวนมิได้รู้สึกโกรธเคือง หากที่มากกว่าคือฉงนใจ
หรือว่าสตรีล้วนมีจิตใจซับซ้อนเยี่ยงนี้ พอเขานึกว่าตนอ่านนิสัยใจคอของสตรีผู้หนึ่งได้ปรุโปร่ง แต่แท้ที่จริงสตรีนางนี้ยังมีด้านอื่นๆ อีกมากที่ยังไม่ล่วงรู้
เขาลอบสะท้อนใจว่านี่ไม่เหมือนกับสหายทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาพวกนั้นเลยสักนิด
มิหนำซ้ำเด็กสาวผู้นี้ยังเบิกนัยน์โตกลมโตสุกใสทั้งคู่มองเขา แพขนตายาวเป็นแพกระพือขึ้นลง ผิดแผกไปจากท่าทางนิ่งเฉยเยือกเย็นตามปกติของนางเป็นอันมาก
เซ่าหมิงยวนกล่าวยิ้มๆ “ย่อมต้องจริงเป็นธรรมดา”
“เรื่องพรรค์นี้ฟังดูแล้วเหลือเชื่ออยู่สักหน่อยเจ้าค่ะ” เฉียวเจาพูดพึมพำ
“คนใกล้ชิดเข้าฝันก็มิใช่เรื่องที่พบได้น้อย”
“คนใกล้ชิด?” แม่นางเฉียวจับจุดสำคัญได้แล้ว
เซ่าหมิงยวนหน้าร้อนผ่าวๆ อยู่บ้าง แต่เขาไม่แสดงท่าทางให้เด็กสาวเบื้องหน้ามองออกได้แม้แต่น้อย “ภรรยาย่อมนับเป็นคนใกล้ชิด”
เขากับเฉียวซื่อเคยพบหน้ากันครั้งเดียว แม้เขากับนางเป็นสามีภรรยากัน แต่ยังไม่ทันบังเกิดความรักต่อกันก็อยู่กันคนละภพ ความรู้สึกที่เขามีต่อนางจึงเป็นความรู้สึกผิดมากกว่า
จะเรียกขานคำว่า ‘ภรรยารัก’ ติดปากก็ออกจะเสแสร้งจอมปลอมเกินไป
แม่นางเฉียวชักสีหน้าบึ้ง ใครเป็นคนใกล้ชิดของท่านกัน พิลึกคนจริงเชียว!
“อดีตภรรยาขอให้ท่านดูแลพี่เฉียวหรือ”
เซ่าหมิงยวนนิ่งงันไป ไฉนยังถามต่ออีก วันนี้คุณหนูเฉียวแปลกไปบ้าง
ถึงกระนั้นก็ตามที เขายังคงกล่าวตอบ “ใช่ ภรรยาที่จากไปบอกกับข้าว่านางไม่วางใจให้พี่ชายพำนักอยู่ในเรือนท่านตา หวังว่าข้าจะรับพี่ชายของนางมาอยู่ใกล้ๆ คอยดูแล เช่นนี้นางถึงจะหมดห่วง…”
สายตาแฝงนัยลึกล้ำของเด็กสาวทำให้เซ่าหมิงยวนหยุดเว้นจังหวะแล้วถามขึ้น “คุณหนูเฉียวมีอะไรหรือ”
“หึๆ” เฉียวเจาเห็นท่าทางเจ้าคนผู้นี้พูดโกหกได้เป็นตุเป็นตะแล้ว นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเซ่าหมิงยวนเป็นคนเช่นนี้
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เชิญแม่ทัพเซ่าพาข้าไปเยี่ยมพี่เฉียวเถอะ ได้ยินว่าเขาสลบไสลไม่ได้สติตลอด ข้าไม่ใคร่วางใจ”
“อื้อ”
ทั้งคู่ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูหลัง เฉินกวงซึ่งรออยู่หน้าประตูเดินเข้ามาหา
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะกับเขา “ส่งคุณหนูหลีไปที่จวนกวนจวินโหว”
“ได้เลย…” เฉินกวงชะงักกึกแล้วกล่าวเสียงหลง “ที่ใดนะขอรับ”
“จวนกวนจวินโหว” เซ่าหมิงยวนขมวดคิ้ว เจ้าหนุ่มทึ่มคนนี้เป็นสารถีมานานระยะหนึ่งแล้ว ไฉนยิ่งมายิ่งไร้ไหวพริบ
“อะ ฮ่าๆๆ ข้าจะไปเตรียมรถม้าประเดี๋ยวนี้เลยขอรับ” เฉินกวงลุกพรวดขึ้น
สวรรค์ ข้าอุตส่าห์กังวลใจแทนท่านแม่ทัพ ติงว่าท่านชักช้าเรื่อยมา ที่แท้เป็นห่วงโดยใช่เหตุ
ฮึ…ปลอมตัวเป็นสตรีแฝงกายเข้าเรือนคุณหนูสามจะนับมีฝีมืออะไรกัน ทำให้คุณหนูสามเป็นฝ่ายไปที่เรือนของตนต่างหากถึงเรียกว่าเก่งกาจจริง!
ท่านแม่ทัพของข้าเก่งกาจเหลือเกิน
เฉินกวงครวญเพลงพลางขับม้าไปตลอดทาง ปิงลวี่ในรถม้าทำหน้าง้ำหน้างอ “คุณหนู ท่านอย่าห้ามข้า ข้าจะเย็บปากของเฉินกวงไว้เสีย”
ถนนจากหอชุนเฟิงไปจวนกวนจวินโหวกว้างขวางราบเรียบ เฉียวเจานั่งอย่างมั่นคงอยู่บนรถม้า คิดคำนึงว่าวันหน้าอยากพบกับพี่ชายก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความคิดอีก พาให้อารมณ์ผ่อนคลายลงมากอย่างช่วยไม่ได้