หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 226
บทที่ 226
“ท่านหมอหลวงจางโปรดหยุดฝีเท้าก่อน” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วรั้งตัวหมอหลวงจางไว้ “เรื่องที่จวนฉางชุนป๋อยกขึ้นมาในวันนี้มิใช่เรื่องเล็กน้อย ท่านหมอหลวงจางได้โปรดอยู่ที่นี่เป็นพยาน จะได้คืนความยุติธรรมให้แก่หลานสาวของข้าด้วย”
ฮูหยินของฉางชุนป๋อโกรธเกรี้ยว “ฮูหยินผู้เฒ่า ถึงเวลานี้แล้วพวกท่านยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ หากเป็นเช่นนี้พวกเราคงได้แต่ไปพบกันที่หน้าประตูที่ว่าการแล้ว”
ทันทีที่สตรีนางหนึ่งไปพบเจ้าหน้าที่ทางการในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ไม่ว่าท้ายที่สุดจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้หรือไม่ แต่ชื่อเสียงก็ต้องย่อยยับป่นปี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น
“ฮูหยินอย่าเพิ่งร้อนใจ พวกเราทั้งสองครอบครัวมิสู้นั่งลงพูดคุยกันให้เข้าใจแจ่มแจ้งก่อนค่อยว่ากันอีกที เรื่องนี้ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกัน…”
“เข้าใจผิด? แม้แต่ท่านหมอหลวงยังได้ยินชัดถนัดถนี่ ยังจะมีอะไรเข้าใจผิดได้อีก ฮูหยินผู้เฒ่ากล้าเรียกคุณหนูสามของจวนท่านออกมายืนยันกันต่อหน้าหรือไม่ ถ้าเป็นความเข้าใจผิดจริงๆ พวกข้าจะขอขมาต่อนางเอง”
มาถึงขั้นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรู้ว่าหากขัดขวางไม่ให้หลานสาวออกมาอีกนั้นทำไม่ได้แล้ว มีแพทย์หลวงเป็นพยาน ถึงไม่ยอมให้หลานสาวมาพบพวกเขาก็หยุดยั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนไม่อยู่
“เหอซื่อ เจ้าไปเรียกหลานเจามา”
ลูกสะใภ้คนโตกลับทำสีหน้าไม่ดีอย่างมาก
“เหอซื่อ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งใจดิ่งวูบกะทันหัน
“ฮูหยินผู้เฒ่า…” เหอซื่อที่พูดจาคล่องแคล่วว่องไวมาแต่ไหนแต่ไรอึกอักครู่หนึ่งถึงปริปากบอก “เจาเจาออกจากเรือนไปแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ”
ถ้อยคำนี้ดังขึ้น หญิงชราหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ส่วนฮูหยินของฉางชุนป๋อพูดเยาะหยัน “คงไม่กลับมาแล้วแน่นอน นางตัวดีนั่นจะต้องกลัวความผิดจนไม่กล้ากลับเรือน”
“หุบปาก!” เสียงทุ้มห้าวของบุรุษดังขึ้น
ฮูหยินของฉางชุนป๋อเห็นว่าเป็นหลีกวงเหวินที่เอ่ยปาก นางอึ้งไปครู่หนึ่งถึงกล่าว “เหตุใดรึ บุตรสาวท่านประทุษร้ายผู้อื่นได้ แต่ไม่ยอมให้ครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายทวงความชอบธรรมหรืออย่างไร”
สีหน้าของหลีกวงเหวินสงบนิ่ง “ข้อแรกบุตรสาวคนรองของข้าไม่มีทางเป็นคนร้าย ข้อสองถ้าข้ามีบุตรชายถูกสตรีนางหนึ่งตีแทบปางตาย ซ้ำยังเป็นในสถานที่อย่างหอคณิกาอีก ข้าอับอายยังแทบไม่ทัน ไหนเลยยังจะพูดย้ำซ้ำซากหนแล้วหนเล่าอีกเล่า”
“ท่าน…”
“อย่ามาท่านๆ ข้าๆ พวกเรามิได้สนิทชิดเชื้อกันสักหน่อย อันว่าตัวตรงไม่กลัวเงาเอียง อยากเจอบุตรสาวคนรองของข้าเพื่อถามให้รู้เรื่องมิใช่หรือ เช่นนั้นก็รออยู่ที่นี่เลย เอะอะโวยวายมีประโยชน์อันใด” หลีกวงเหวินพูดตอกกลับฮูหยินของฉางชุนป๋อตรงๆ แล้วเอ่ยกับเหอซื่อ “ไปตามตัวเจาเจากลับมา”
เหอซื่อมองเขาด้วยสีหน้าเลื่อมใส สามีของนางยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ บุตรสาวของเขากับนางจะก่อเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไรเล่า!
“ไปสิ”
เหอซื่อถึงดึงความคิดคืนมาแล้วหมุนกายออกไปอย่างรีบร้อน
รอเมื่อไปถึงข้างนอก เหอซื่อถึงตีศีรษะของตนเอง
แย่แล้ว เมื่อเช้าตอนเจาเจาออกจากเรือนบอกแค่ว่าไปเดินเที่ยว นางไม่ได้ถามอย่างละเอียด แล้วตอนนี้จะไปตามหาตัวที่ใดล่ะ
แต่พอเป็นเรื่องของบุตรสาว เหอซื่อมักหัวไวขึ้นมาอย่างหาได้ยาก นางขบคิดชั่วครู่ก็ก้าวขาเดินไปตรงซุ้มประตูวงเดือน กวักมือเรียกอาจูที่ยืนเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ตรงนั้นมาหาแล้วออกคำสั่ง “อาจู เจ้าน่าจะรู้ว่าคุณหนูของพวกเจ้าไปที่ใดกระมัง รีบไปเรียกนางกลับมา บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นในเรือน”
“เจ้าค่ะ”
เหอซื่อจ้องมองแผ่นหลังของอาจูแล้วฉุกคิดอะไรขึ้นได้ สาวเท้าเร็วรี่ไล่ตามไป “อาจู”
อาจูหยุดฝีเท้า
เหอซื่อกัดริมฝีปากกล่าวว่า “ถ้าเกิดว่า…ข้าหมายความว่าถ้าเกิดนะ เรื่องวันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจาเจา เจ้าบอกนางให้ซ่อนตัวดีๆ อย่ากลับมาเด็ดขาด”
ด้วยนิสัยของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกับสามี หากเจาเจาก่อเรื่องจริงๆ มีความเป็นไปได้ถึงแปดหรือเก้าในสิบส่วนที่จะให้เจาเจารับผิดชอบ
แต่เหอซื่อนั้นไม่เหมือนกัน นางขอแค่บุตรสาวของนางอยู่รอดปลอดภัย ต่อให้เจาเจากระทำความผิดใหญ่หลวงกว่านี้ก็ยังเป็นบุตรสาวของนางวันยังค่ำ ใครคิดจะมอบตัวเจาเจาออกไป เว้นแต่ต้องข้ามศพนางไปก่อน
อาจูพยักหน้า “นายหญิงวางใจได้ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”
อาจูรุดไปถึงหอชุนเฟิงอย่างเร่งร้อนกลับไม่พบใคร
องครักษ์ที่อยู่ในหอชุนเฟิงเห็นนางมีสีหน้าร้อนรนก็เอ่ยถามทันที “ไม่ต้องร้อนใจ คุณหนูหลีไปที่จวนของท่านแม่ทัพของพวกข้า ข้าจะพาเจ้าไปหานาง”
เอ่อ…เฉินกวงเคยกำชับกำชาพวกเขาไว้ว่าขอแค่เป็นคนหรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณหนูหลี จะต้องให้ความสำคัญรองลงมาจากท่านแม่ทัพเพียงนิดเดียว
องครักษ์น้อยที่เข้าใจอะไรๆ ได้ดีรีบพาอาจูไปที่จวนกวนจวินโหวโดยไม่รอช้า
ห้องส่วนตัวริมถนนชั้นสองของหอชุนเฟิง หยางโฮ่วเฉิงที่นั่งข้างหน้าต่างมองออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมายพลันเบิกตากว้างส่งเสียงเรียก “สือซี จื่อเจ๋อ พวกเจ้ามาดูเร็วเข้า นั่นเป็นสาวใช้ที่จื่อเจ๋อซื้อให้คุณหนูหลีในตอนนั้นมิใช่หรือ”
ฉือชั่นกับจูเยี่ยนมองไปพร้อมกัน
“หนนี้ข้าจำไม่ผิดคนกระมัง น่าแปลก ไฉนสาวใช้ของคุณหนูหลีเดินตามบุรุษวัยฉกรรจ์ผู้หนึ่งไป”
“นั่นน่าจะเป็นองครักษ์ของถิงเฉวียน” จูเยี่ยนกล่าว
เสียงแกรกดังขึ้น ฉือชั่นวางจอกสุราลง
จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงได้ยินเสียงก็หันไปมอง
“เรื่องผิดสามัญต้องมีเลศนัย ตามไปดูสักหน่อย”
หยางโฮ่วเฉิงมองตามแผ่นหลังของฉือชั่นที่จากไปแล้วลูบปลายคางอย่างไม่เข้าใจ เขาพูดพึมพำว่า “จะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เกินไปสักหน่อยหรือไม่”
“ไปเถอะ” จูเยี่ยนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
มิใช่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เพียงทว่ายามที่คนคนหนึ่งเฝ้าคิดแต่จะก้าวเข้าไปในชีวิตของคนอีกคนหนึ่งก็จะหาเหตุผลได้ร้อยแปดพันประการ
พวกเขาติดตามอยู่ด้านหลังอาจู เดินไปได้ไม่นานนัก องครักษ์ที่นำทางอาจูอยู่ข้างหน้าก็หยุดฝีเท้า
“ที่แท้เป็นคุณชายทั้งสามนั่นเอง” องครักษ์ระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอย
ถูกจับได้ง่ายดายปานนี้ เจ้าเซ่าหมิงยวนนั่นฝึกฝนองครักษ์พวกนี้เป็นสุนัขล่าสัตว์กระมัง ว่าแล้วเชียวว่าสมควรตามเขาไปอยู่ที่แดนเหนือ!
หยางโฮ่วเฉิงบังเกิดอารมณ์ชั่วแล่นอยากเกาะขาเซ่าหมิงยวนอีกแล้ว
เยือกเย็นไว้ๆ เมื่อครู่ดื่มสุรามากเกินไปสักนิด
จูเยี่ยนยิ้มเก้อๆ
ส่วนฉือชั่นหน้าไม่เปลี่ยนสี เขาไต่ถามด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “นี่พวกเจ้าจะไปที่ใดกันหรือ”
“เอ่อ…แม่นางผู้นี้จะไปหาคุณหนูหลี ข้าจึงพานางไปขอรับ”
“นางมาหาเจ้านายของนาง เพราะอะไรเจ้าต้องเป็นคนพาไปด้วยล่ะ” ฉือชั่นฟังประโยคนี้แล้วไม่ชอบใจอยู่บ้าง
สาวใช้ของแม่นางน้อยนั่นกับคนของเซ่าหมิงยวนคุ้นเคยกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไร
เขานึกแล้วว่าเถาเซิงเจ้าคนเบาปัญญานั่นเลี้ยงเสียข้าวสุก!
อีกด้านหนึ่ง เถาเซิงผู้มีเงามืดฝังลึกในใจหลังจากปลอมตัวเป็นสตรี แล้วยังโดนเฉินกวงเล่นงานอย่างหนักหน่วงส่งเสียงจามทีหนึ่ง เขาบ่นอุบอิบ “มีใครคิดถึงอีกแล้วหรือ”
องครักษ์ได้ยินคำกล่าวของฉือชั่นก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เพราะคุณหนูหลีกับท่านแม่ทัพของข้ากลับไปที่จวนด้วยกัน…”
“กลับไปที่ใดนะ” ฉือชั่นหุบยิ้ม
เซ่าหมิงยวนถึงกับพาแม่นางน้อยนั่นไปพบบิดามารดา?
“จวนกวนจวินโหวขอรับ”
“อ้อ” ฉือชั่นลอบถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็สะดุ้งวาบ
ไม่ถูกต้องสิ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองเช่นนี้มิสู้ไปพบบิดามารดายังจะดีกว่า!
เซ่าหมิงยวนหนอเซ่าหมิงยวน คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสหายรักที่แสร้งวางท่าเคร่งขรึมเป็นนิจจะเป็นคนเยี่ยงนี้เองหรือนี่!
“ไป ไปดูที่จวนถิงเฉวียนกัน พวกเรายังไม่ได้ดื่มสุราฉลองขึ้นเรือนใหม่เลยนะ” พูดถึงท้ายประโยค มุมปากของฉือชั่นก็เหลือเพียงรอยยิ้มเยาะๆ
อาจูที่มองดูเหตุการณ์อยู่ตลอดลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง นางเอ่ยเร่งองครักษ์ให้รีบไปที่จวนกวนจวินโหว จากนั้นกระซิบบอกที่ข้างใบหูของเฉียวเจา “คุณหนู เกิดเรื่องขึ้นที่เรือน เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาพยักหน้าเป็นเชิงว่ารู้แล้ว นางกล่าวล่ำลาเซ่าหมิงยวนด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ระหว่างทางกลับ อาจูรีบรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนให้เฉียวเจารับทราบอย่างละเอียดลออ