หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 23
เปล่า ข้าเหนื่อยแล้ว ขอกลับเรือนนะขอรับ ฉือชั่นทำหน้าเฉยเมย
หยุดนะ! องค์หญิงใหญ่ฉางหรงผลักชายงามที่ทุบขาให้นางออก เดินลากชายกระโปรงยาวเฟื้อยระพื้นสีแดงเข้มไปตรงหน้าบุตรชาย
บอกมา ไปเอาภาพวาดอาจารย์เฉียวมาจากใครที่ใด อย่านึกว่าเป็นผลงานของอาจารย์เฉียวทั้งหมดแล้วข้าจะจับสังเกตไม่ได้
ฉือชั่นมองหน้าองค์หญิงใหญ่ฉางหรงนิ่งๆ
นับแต่บิดาล่วงลับไป สายตาที่มารดามองเขามักเป็นการจับผิดมากกว่าเมตตารักใคร่เสมอ
ฉือชั่นพลันรู้สึกหดหู่ท้อใจอยู่บ้าง แต่กลับยิ้มเผล่จนนัยน์ตาคู่งามโค้งลงและกล่าวว่า ในเมื่อถูกท่านแม่จับได้ อย่างนั้นลูกก็ไม่ปิดบังแล้ว ข้าทำภาพวาดที่ท่านสะสมไว้เสียหาย ก็เลยหามาใหม่อีกภาพหนึ่ง อ้อ…อันที่จริงนั่นมิใช่ฝีมือของอาจารย์เฉียว แต่เป็นของปลอมที่ข้าไหว้วานผู้อื่นให้วาดขึ้นตามมีตามเกิด
ดวงหน้าชายหนุ่มประดับรอยยิ้มอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เขาก้าวขาออกเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดฝีเท้าแล้วหันมามอง ที่แท้ท่านแม่ดูไม่ออกหรือนี่ เห็นได้ว่าบางสิ่งบางอย่างมิได้สำคัญมากมายเช่นที่คิดไว้นะขอรับ
รอกระทั่งฉือชั่นลับร่างไปหลังต้นอวี้หลัน องค์หญิงใหญ่ฉางหรงดึงสายตากลับ ย่างเท้าเดินไปทางห้องหนังสือ
ใครๆ ในวังขององค์หญิงใหญ่ล้วนรู้ว่านอกจากคุณชายแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าห้องหนังสือขององค์หญิงใหญ่ นางข้าหลวงตงอวี๋ตบมือ ท่านบุรุษทั้งหลาย กลับไปได้แล้ว
เหล่าชายงามที่นั่งบ้างคุกเข่าบ้างอยู่ในสวนดอกไม้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามตงอวี๋ออกไปอย่างสงบเสงี่ยม
สวนดอกไม้อันกว้างใหญ่ว่างโหรงเหรงไร้ชีวิตชีวาในชั่วอึดใจ
เฉียวเจาก้าวเข้าเรือนชิงซงในจวนสกุลหลีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือ* ปั้นหน้าเคร่งแล้วร้องตวาด เจ้าหลานอกตัญญู! ยังไม่คุกเข่าลงอีกหรือ
เฉียวเจายังตั้งตัวไม่ติด เหอซื่อก็กอดนางไว้ พูดไปร้องไห้ไปกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งว่า ฮูหยินผู้เฒ่า เจาเจาหลงทางไปตั้งนานหลายวัน ไม่รู้จะตกระกำลำบากเพียงใด ในฤดูใบไม้ผลิพื้นเย็น นางทนคุกเข่าไม่ไหวนะ…
เส้นเลือดตรงขมับของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเต้นตุบๆ ที่เห็นลูกสะใภ้เบาปัญญาเฉกนี้ นางบันดาลโทสะกล่าวขึ้นอย่างสุดระงับในที่สุด นิสัยชอบก่อเรื่องของหลานเจามิใช่เป็นเจ้าตามใจจนเหลิงรึ ตอนนี้ยังมีหน้ามาร้องไห้ต่อหน้าข้าอีก! หลีซาน…
หญิงชรายังพูดไม่จบ เฉียวเจาก็ผลักเหอซื่อออกแล้วคุกเข่าลง
ท่าคุกเข่าของเด็กสาวสง่าผึ่งผาย มาตรว่าคุกเข่าอยู่แต่กลับไม่ดูต่ำต้อยสักนิด นางแหงนหน้าอมยิ้มแล้วเอ่ย ท่านย่าสั่งสอนได้ถูกต้อง ล้วนเป็นเพราะหลานดื้อรั้นถึงสร้างปัญหาใหญ่ให้กับตระกูลอย่างนี้ ในช่วงที่หลานเร่ร่อนตกอับอยู่ข้างนอกหลายวันมานี้ คิดอยู่ตลอดว่าคงไม่ได้พบหน้าท่านกับท่านแม่อีกแล้ว ท่านย่ารักใคร่เมตตาลูกหลาน เป็นหลานเองที่อกตัญญูทำให้ท่านต้องเสียใจ…
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ มองดูหลานสาววัยเยาว์ที่คุกเข่ากับพื้นแล้วจู่ๆ ก็ไม่รู้สึกคับข้องใจปานนั้น นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนอ้าปากพูด หลานเจาพบกับเคราะห์ภัยใหญ่คราวนี้กลับรู้ความขึ้นมาก เหอซื่อ เจ้ายังเทียบไม่ได้กระทั่งเด็กผู้หนึ่ง
ก็ข้าสงสารเจาเจานี่เจ้าคะ เหอซื่อกล่าวอย่างกระดากใจ นางแลมองบุตรสาวที่คุกเข่ากับพื้นอย่างปลาบปลื้มใจเต็มเปี่ยม จากนั้นก็เริ่มสงสารที่อีกฝ่ายต้องคุกเข่าบนพื้นที่เย็นเฉียบ
เล่ามาสิ ท่านผู้อาวุโสที่มาส่งเจ้าวันนี้เป็นใครมาจากที่ใด
เหอซื่ออดมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไม่ได้ นางนึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอยากถามว่าเจาเจาหายตัวไปได้อย่างไรมากที่สุด แล้วช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญเคราะห์กรรมอะไรบ้าง คิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะถามเรื่องนี้เป็นอันดับแรก
ด้านเฉียวเจากลับลอบพยักหน้ากับตนเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเป็นผู้มีความคิดอ่านแจ่มแจ้งผู้หนึ่ง นางหายตัวไปอย่างไร เผชิญกับอะไรมาบ้าง เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นความจริงที่ไม่อาจแก้ไขได้แล้ว หากแต่ฐานะของคนที่ส่งนางกลับมาต่างหากที่จะตัดสินชะตากรรมของนางหลังจากนี้
เฉียวเจากล่าวตอบอย่างรวบรัดชัดเจน ท่านผู้อาวุโสนามว่าเจินเฮ่อท่านนั้นแซ่หลี่เจ้าค่ะ เป็นหมอเทวดาที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันออกกระแสรับสั่งแต่งตั้งด้วยพระองค์เองเมื่อหลายปีก่อน
อะไรนะ! เขาคือหมอเทวดาหลี่ที่ฮ่องเต้เอื้อนโอษฐ์ตรัสยกย่องว่าเป็น ‘หมอเทวดากลับชาติมาเกิด’ คนที่พบขุนนางทั้งหลายก็ไม่ต้องคุกเข่าน่ะหรือ
นางจดจำนามเจินเฮ่อของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่หากเอ่ยถึงหมอเทวดาหลี่ นั่นเป็นคำเรียกขานที่โด่งดังกึกก้องขนานแท้ พูดได้เลยว่าคนในวงสมาคมเดียวกับพวกนางในเมืองหลวง ไม่มีผู้ใดไม่รู้เรื่องราวเล่าขานของหมอเทวดาหลี่ เขาคือเทพในหมู่คนที่ใช้เข็มเล่มเดียวพาตัวไทเฮากลับจากประตูผี!
นั่นเป็นหมอเทวดาหลี่ท่านนั้นจริงๆ หรือ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยากจะรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ นางเอ่ยถามซ้ำอีกหนอย่างอดใจไม่อยู่
เฉียวเจาตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง เขาน่าจะไม่จำเป็นต้องหลอกลวงหลานเจ้าค่ะ
จริงของเจ้า หญิงชราพยักหน้า ในเวลานี้ถึงซักไซ้เรื่องที่นางถูกล่อลวงไป
เฉียวเจาย่อมข้ามเรื่องที่พบเจอพวกฉือชั่นสามคนไปโดยไม่เอ่ยถึงและอ้างชื่อหมอเทวดาหลี่แทน
นางพูดจาฉะฉานเป็นจังหวะเนิบนาบนุ่มนวล สุ้มเสียงอ่อนหวานเสนาะหูประหนึ่งน้ำผึ้งหอมหวน บอกเล่าเก้าสิบถึงสิ่งที่ประสบพบเจอมาตลอดหลายวันนี้ ทุกคนในห้องต่างรับฟังกันอย่างเพลิดเพลินเป็นพิเศษ
จวบจนนางเล่าจบแล้วรอบข้างก็ตกอยู่ในความเงียบนานครู่ใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถึงรู้สึกตัว ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบคำหนึ่งแก้ขวย
เมื่อครู่นี้ถึงกับรู้สึกคลับคล้ายฟังเรื่องเล่าอยู่ ข้าต้องอายุมากเกินไปแล้วแน่ๆ!
แค่กๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่งเสียงไอสองที
เพลานี้เองสาวใช้อาวุโสสวมเสื้อกั๊กสีแดงกุหลาบนามชิงอวิ๋นยืนส่งเสียงรายงานอยู่หน้าประตู ฮูหยินผู้เฒ่า คนของจวนตะวันออกมาที่นี่ ขอให้ท่านพาคุณหนูสามไปที่นั่นเจ้าค่ะ
เหอซื่อหน้าซีดอย่างใจเสียทันควัน ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียง นางมองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอย่างวิงวอน
สกุลหลีมีทายาทพร้อมพรั่งบริบูรณ์ ทว่าลูกหลานที่เป็นขุนนางในราชสำนักกลับมีน้อยมาก คนที่รั้งอยู่เมืองหลวงในตอนนี้เป็นครอบครัวของสองพี่น้องสายเลือดเดียวกันพอดี
ครอบครัวของนายท่านใหญ่ผู้เฒ่าอยู่ในจวนตะวันออก ตัวนายท่านใหญ่ผู้เฒ่าลาออกจากราชการแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าแซ่เจียง เป็นธิดาของเชื้อพระวงศ์ มีบรรดาศักดิ์เป็นเซียงจวิน* ส่วนบุตรชายคนโตนามหลีกวงเยี่ยนรั้งตำแหน่งรองเสนาบดีกรมอาญาอยู่ในตอนนี้
ด้านนายท่านรองผู้เฒ่าล่วงลับไปตั้งแต่วัยหนุ่ม ทิ้งบุตรชายไว้สองคน เป็นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเลี้ยงดูอุ้มชูเองกับมือจนเติบใหญ่ บุตรชายทั้งคู่เล่าเรียนเขียนอ่านเก่งกาจ สอบเข้ารับราชการผ่านเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อได้ต่อๆ กัน ปีที่บุตรชายคนโตหลีกวงเหวินได้รับคัดเลือกเป็นทั่นฮวาบัณฑิตเอกขั้นหนึ่ง ทั้งครอบครัวก็เข้าเมืองหลวงมาอาศัยอยู่ในจวนตะวันตกโดยความช่วยเหลือของนายท่านใหญ่ผู้เฒ่า
เดิมทีพวกเขาเป็นพี่น้องแท้ๆ จากวงศ์ตระกูลเดียวกัน หลายปีที่ผ่านมาจวนตะวันตกได้รับความเกื้อหนุนจากจวนตะวันออกโดยตลอด จากจุดนี้เห็นได้ว่าคำพูดของเจียงซื่อมีน้ำหนักเป็นอันมากในจวนตะวันตก
แล้วเผอิญว่าเจียงซื่อก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและธรรมเนียมมากที่สุด
คราใดที่เหอซื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็เข่าอ่อนอย่างห้ามไม่อยู่ คิดคำนึงอยู่ในใจว่า ถ้ายายเฒ่าจวนตะวันออกลงโทษบุตรสาวข้า ข้าจะขอยอมแลกทุกอย่างแล้ว
ท่ามกลางสายตาอ้อนวอนอันแรงกล้าของเหอซื่อ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมีสีหน้านิ่งเฉย นางเหลือบตาขึ้นพลางยื่นมือไปทางสาวใช้นามชิงอวิ๋น ประคองข้าไปจวนตะวันออก
เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งให้สาวใช้อาวุโสประคองเดินออกไปด้วยฝีเท้าไม่เร็วไม่ช้า ส่วนบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนยังคุกเข่ากับพื้น เหอซื่อก็ส่งเสียงเรียกอย่างร้อนใจยกใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ…
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหันหน้ามา เบะมุมปากพลางกล่าวเสียงเรียบๆ โดยไม่เหลียวมองเฉียวเจาบนพื้น หลานเจาร่างกายอ่อนแอ โดนข้าลงโทษคุกเข่าจนเป็นลมไปแล้วมิใช่หรือ เหอซื่อ เจ้ายังไม่รีบพาตัวหลานอกตัญญูผู้นี้ไปอีก จะปล่อยไว้ตรงนี้เอาใส่กระถางตั้งประดับไว้ชมดูหรืออย่างไร
เอ๊ะ? เหอซื่ออึ้งงันไปก่อนจะคิดตามทัน นางกล่าวอย่างลิงโลดใจ เจ้าค่ะๆ ข้าจะพาเจาเจากลับห้องประเดี๋ยวนี้เลย
จวนตะวันออกกับจวนตะวันตกคั่นกลางด้วยตรอกสายหนึ่งเท่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไปถึงที่นั่นในเวลาอันสั้น ไม่นานนักก็ถูกเชิญเข้าไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเห็นอีกฝ่ายเข้ามาก็ขมวดคิ้ว หลานเจาเล่า เหตุใดน้องสะใภ้ไม่พานางมาด้วยกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทำหน้าขรึมลง กล่าวเสียงชิงชังว่า เจ้าเด็กอกตัญญูนั่นไม่เอาไหน ข้าลงโทษให้นางคุกเข่าแค่หนึ่งชั่วยาม นางก็ทนไม่ไหวจนเป็นลมไป เดิมข้าตั้งใจจะพาเจ้าเด็กอกตัญญูมาขอขมาต่อท่านเซียงจวิน ตอนนี้ได้แต่มาด้วยตนเอง เฮ้อ…ท่านเซียงจวินอย่าได้ตำหนิโทษเลยนะ
* เก้าอี้ไท่ซือ เป็นเก้าอี้ไม้แบบโบราณของจีน ด้านหลังมีพนักพิง ด้านข้างมีเท้าแขน นิยมใช้ในหมู่ขุนนางจึงเป็นที่มาของชื่อ เก้าอี้ไท่ซือ ซึ่งเป็นคำเรียกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในอดีต
* เซียงจวิน เป็นบรรดาศักดิ์ที่แต่งตั้งให้กับลูกหลานผู้หญิงของเชื้อพระวงศ์ โดยเรียงลำดับจาก กั๋วฟูเหริน จวิ้นฟูเหริน จวิ้นจวิน เซี่ยนจวิน และเซียงจวิน