หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 240
บทที่ 240
นายหญิงรองหลิวซื่ออดกลั้นหายใจไม่ได้
นางนึกแล้วเชียวว่ากระทั่งเจ้าโง่ปัญญาอ่อนของจวนฉางชุนป๋อผู้นั้นยังกลายเป็นที่ตลกขบขันครั้งใหญ่ของชาวเมืองหลวงแล้ว มีหรือคุณหนูสามจะปล่อยให้คนร้ายตัวจริงได้อยู่เป็นสุข
หลีเจี่ยวกัดริมฝีปาก ข้อนิ้วมือเริ่มขาวซีด
หรือว่าน้องสามบอกกับหลีซานแล้วจริงๆ
“เป็นใครหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งวางถ้วยน้ำชาลงแล้วนั่งตัวตรง
สายตาของเฉียวเจาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของหลีเจี่ยว นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า “ก็คือพี่เจี่ยวเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งปัดถ้วยล้มจนน้ำชาหกใส่ตัวทันที
นายหญิงรองหลิวซื่ออ้าปากกว้างแล้วลืมหุบ
เหอซื่อลุกพรวดขึ้นยืน “ใครนะ!”
“เป็นพี่เจี่ยวเจ้าค่ะ คนที่เข้าไปในหอปี้ชุนแล้วทำร้ายบุตรชายคนเล็กของฉางชุนป๋อบาดเจ็บจริงๆ คือพี่เจี่ยว”
ทุกคนมองไปทางหลีเจี่ยว
“ไม่…ไม่ใช่ข้า” ใบหน้าของหลีเจี่ยวประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวเขียวสลับกันไป นางมองเฉียวเจาพร้อมกับน้ำตาไหลพรากๆ “น้องเจา เจ้าพูดจาส่งเดชได้เช่นไรกัน”
ต่อให้หลีซานได้ยินจากน้องสามก็ไม่มีหลักฐานใดๆ เรื่องนี้นางไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด อย่างมากใช้ความตายบังคับให้น้องสามยืนอยู่ข้างเดียวกับนางก็แล้วกัน ขอเพียงผ่านด่านนี้ไปได้ นางเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องกับน้องสามต้องฟื้นฟูดังเดิมไม่ช้าก็เร็ว แต่ถ้าให้ท่านย่ารู้เรื่องที่นางทำไว้ต่างหากถึงจบเห่โดยสิ้นเชิง
ดวงตาของเฉียวเจาที่มองไปทางหลีเจี่ยวแฝงรอยเอือมระอา ถึงขั้นนี้แล้วยังปฏิเสธเสียงแข็งได้ ความหน้าหนาชั้นนี้ นางขอยอมศิโรราบให้เช่นกัน
เฉียวเจาคร้านจะเปลืองน้ำลาย นางกล่าวเสียงเรียบ “คนพเนจรผู้นั้น ข้าให้เฉินกวงตามหาจนพบแล้ว ท่านกล้ายืนยันกับเขาซึ่งๆ หน้าหรือไม่เล่า”
หัวสมองของหลีเจี่ยวอึงอลไปวูบหนึ่ง
คนพเนจร? หลีซานเจอตัวเขาได้อย่างไร
แตกตื่นไม่ได้ ดีไม่ดีหลีซานอาจจะลวงข้าอยู่ก็เป็นได้
“ยังมีเส้นทางกลับจวนของท่าน ตรอกที่คนเทถังส้วมเดินเข้าออก…”
ข้อเท็จจริงที่เผยออกมาทีละอย่างทำลายความเด็ดเดี่ยวที่จะปฏิเสธเสียงแข็งให้ถึงที่สุดของหลีเจี่ยวลงอย่างราบคาบ
นางถอยกรูดๆ สุดท้ายก็ล้มลงนั่งกับพื้นปิดหน้าร่ำไห้ “น้องเจา ข้าสำนึกผิดแล้ว ทีแรกข้าตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะไปขอโทษเจ้าเป็นการส่วนตัว เจ้า…เจ้าต้องบีบคั้นข้าจนตายให้ได้ใช่หรือไม่”
“ที่แท้เป็นเจ้าจริงๆ!” เหอซื่อเต้นผางๆ ด้วยความเดือดดาล “เจ้าเกือบทำให้เจาเจาต้องตาย ยังมีหน้าร้องไห้อีก ข้าจะตบเจ้าให้ปากฉีกเลยคอยดู!”
“เหอซื่อ เจ้าสงบสติอารมณ์ก่อน” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเพ่งมองหลีเจี่ยวด้วยแววตาเครียดขรึม “เจี่ยวเอ๋อร์ เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่”
หลีเจี่ยวกล่าวเสียงปนสะอื้น “เมื่อวานข้าเห็นน้องเจาออกจากเรือนแล้วไม่ค่อยวางใจถึงได้ตามไป ปรากฏว่าพลัดหลงเข้าไปในหอคณิกา จากนั้นก็พบกับจย่าซู”
“เจ้าตามน้องเจาไปทำอะไร”
“ข้า…ข้าเป็นห่วงว่านางอายุยังน้อยจะถูกคนหลอกลวง…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งขมวดคิ้ว “น้องเจาของเจ้าออกไปข้างนอกมีสาวใช้กับเฉินกวงติดตามไปด้วย จะถูกหลอกลวงอะไรได้”
เมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัว หลีเจี่ยวไม่กล้าดึงเฉินกวงเข้ามาพัวพัน นางกลอกตาไปมาแล้วกล่าว “ข้าเห็นน้องเจาดื่มชาอยู่กับบุรุษแปลกหน้าโดยไม่ตั้งใจเลยกลัวนางถูกคนล่อหลอก…”
ในเมื่อคุณชายของวังองค์หญิงใหญ่ก้าวออกมาเป็นพยานให้หลีซานต่อหน้าธารกำนัลได้ เห็นได้ว่าเขากับนางพบเจอกันมิใช่ครั้งสองครั้ง นางพูดเช่นนี้ย่อมไม่มีพิรุธ
“ถึงอย่างนั้นเจ้าไม่ควรบุ่มบ่ามเข้าไปในหอคณิกา และยิ่งไม่ควรใช้น้องเจาของเจ้าเป็นแพะรับบาป เจี่ยวเอ๋อร์ เจ้าทำให้ท่านย่าผิดหวังแล้ว”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านต้องลงโทษนางให้เข็ดหลาบ นางใจไม้ไส้ระกำเช่นนี้ กระทั่งน้องสาวแท้ๆ ยังให้ร้ายถึงตาย” เหอซื่อโกรธสุดจะทน อยากจะปรี่เข้าไปตบหน้าหลีเจี่ยวแรงๆ สองฉาดให้หายแค้นใจจะขาด แต่พอเห็นสีหน้าเรียบเฉยของบุตรสาวก็ฝืนข่มใจไว้
หลีเจี่ยวเดินเข่าเข้าไปซบขาฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “ท่านย่า ท่านลงโทษข้าเถอะ เป็นข้าเองที่ถูกผีสางดลใจชั่ววูบ ข้าสมควรตาย ข้าควรจะขอโทษน้องเจาแต่แรก มิใช่รอจนวันนี้…”
นางร้องไห้รำพันคร่ำครวญ น้ำตาไหลพรั่งพรูชะแป้งผัดหน้าหนาเตอะหลุดออก เผยให้เห็นรอยคล้ำใต้ตาชัดเจนดูแล้วน่าสงสารอย่างมาก
สองมือของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสั่นระริกไม่หยุด นางยื่นมือออกไปจะลูบศีรษะหลานสาวโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ชะงักค้างกลางอากาศแล้วตกลงข้างตัวอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคน ไฉนถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้นะ
หญิงชราเพียรทบทวนความทรงจำ
ถึงแม้ในใจนางลำเอียงรักหลานสาวสายเลือดภรรยาเอกที่กำพร้ามารดาแต่วัยเยาว์ไปบ้าง แต่มิได้ปฏิบัติอย่างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเกินไป อย่างน้อยนางไม่เคยต้องเอ็ดว่าเจี่ยวเอ๋อร์รังแกใคร หรือทำให้ใครต้องกล้ำกลืนฝืนทน
แน่นอนว่าแต่ไรมาหลานสาวคนโตประพฤติตนเป็นคนใจกว้างรู้ความที่สุด และไม่เคยรังแกใคร
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองดูหลานสาวที่ร่ำไห้อย่างน่าเวทนาแล้วช้ำใจสุดจะกล่าว
นางไม่ถือสาที่เด็กสาวจะดื้อรั้นไปสักนิดหรือซุกซนไปสักหน่อย ด้วยนิสัยเหล่านี้ล้วนไม่เป็นผลร้ายต่อส่วนรวม หากแต่คุณธรรมต่างหากจึงสำคัญที่สุด
ทว่าหลานสาวคนโตของนางกลับละทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
สิ่งที่หลานสาวคนโตละทิ้งไป มิใช่ร้องไห้แล้วจะปล่อยให้ผ่านไปได้ ไม่เช่นนั้นวันหน้ายังจะมีเภทภัยร้ายแรงกว่านี้รออยู่
“เจี่ยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าร้องไห้อีกเลย ลุกขึ้นเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวอย่างอ่อนล้า
หลีเจี่ยวซึ่งคุกเข่าอยู่กับพื้นลอบยินดี นางรู้อยู่แล้วว่าท่านย่ายังคงรักและเอ็นดูนาง ขอแค่ก้มหัวยอมรับผิดก็จะอภัยให้นาง
“เจี่ยวเอ๋อร์ ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องออกนอกเรือนแล้ว”
“ท่านย่า?” หลีเจี่ยวหน้าถอดสีไปถนัดตา ท่านย่าหมายความว่าอะไร หรือจะกักตัวนางไว้กัน
นายหญิงรองหลิวซื่อโคลงศีรษะอย่างสะท้อนใจ คุณหนูรองของจวนตะวันออกล่วงเกินคุณหนูสาม ด้วยเหตุนี้ต้องถอนตัวออกจากแวดวงสตรีสูงศักดิ์ของเมืองหลวง บัดนี้คุณหนูใหญ่ล่วงเกินคุณหนูสามก็ต้องถอนตัวออกมาเฉกเดียวกัน
จุๆ นางทำนายเหตุการณ์ได้แม่นยำดุจเทพเซียน สายตาเฉียบแหลมดั่งเข็มโดยแท้!
“เจี่ยวเอ๋อร์ หรือเจ้าอยากให้วันใดวันหนึ่งพบเจอกับบุตรชายคนเล็กของจวนฉางชุนป๋อแล้วเขาจำหน้าเจ้าได้ ตอนนี้เขามิได้ปัญญาอ่อนแล้ว”
หลีเจี่ยวสะท้านเยือกไปทั้งสรรพางค์กาย
“เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้วพอดี หลังจากนี้อยู่ในเรือนปักเสื้อคลุมเจ้าสาว ท่านย่าจะหารือกับท่านพ่อเจ้ามองหาคู่ครองดีๆ นอกเมืองหลวงให้เจ้าโดยเร็วที่สุด”
“นอกเมืองหลวง?” หลีเจี่ยวเพียงรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ นางกอดฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งร้องไห้ฟูมฟายอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านย่า ข้าหักใจไปจากท่านไม่ได้ ข้าไม่อยากจากท่านไป…”
ท่านพ่อเป็นแค่อาลักษณ์ในสำนักราชบัณฑิตผู้หนึ่ง จะหาคู่ครองดีๆ อะไรได้จากนอกเมืองหลวง
หากเป็นอย่างที่ท่านย่าพูดจริง ชีวิตของนางย่อยยับโดยสิ้นเชิงแล้ว!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยื่นมือไปดึงนางลุกขึ้น “เรื่องนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว เหตุการณ์ในหอปี้ชุนนั่นจะกลายเป็นคดีปริศนา จวนฉางชุนป๋อไม่มีทางยอมรับได้ เจ้ารั้งอยู่ในเมืองหลวง ทันทีที่พวกเขาเจอตัวเจ้า ผลลัพธ์ที่ตามมาจะยิ่งเลวร้ายจนไม่กล้าคิด เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ เรื่องในวันนี้จงเก็บเป็นความลับไว้จนวันตาย ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่นับคนผู้นั้นเป็นชาวสกุลหลีอีก”
หลีเจี่ยวหมดสิ้นแรงใจ นางกลับห้องล้มตัวลงนอนบนเตียงไม่ลุกขึ้นตลอดทั้งวัน
ด้านเฉียวเจากลับถึงห้องแล้วกลับพรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง กุมถ้วยน้ำชาดอกไม้ด้วยสองมือดื่มอย่างละเลียด
หลีเจี่ยวเก็บตัวอยู่กับเรือนเตรียมออกเรือนไปนอกเมืองหลวง หลีเจียวก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้สกุลหลีน่าจะนับได้ว่าสงบสุขชั่วคราวกระมัง ไม่นำพาเภทภัยใดๆ มาให้นางอย่างคาดไม่ถึงอีก
อืม เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะได้คิดบัญชีกับเหมาซื่อที่วางยาพิษทำร้ายพี่ใหญ่เสียที!
หมู่นี้ข่าวที่เล่าลือกันครึกโครมมากที่สุดในเมืองหลวงมีสองเรื่อง หนึ่งคือภรรยาที่จากไปแล้วมาเข้าฝันกวนจวินโหว ท่านแม่ทัพในเสื้อคลุมสีขาวรับจึงตัวพี่ชายภรรยากลับจวนกลางดึก
อีกหนึ่งคือคุณชายเสเพลเที่ยวหอคณิกาหวิดสิ้นชีพ คุณหนูหลีซานใช้เข็มเงินพิสูจน์ความบริสุทธิ์
เดิมทีข่าวที่สองดังกระหึ่มจนกลบข่าวแรกไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดข่าวลือใหม่ที่ดึงข่าวแรกกลับมาอยู่ในความสนใจของชาวเมืองอีกคราหนึ่งกะทันหัน