หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 247
บทที่ 247
“นายหญิงใหญ่ของจวนเสนาบดีกรมอาญาฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ” เจียงหย่วนเฉากวาดสายตาอ่านข่าวที่ส่งมารายงานเขาบนโต๊ะหนังสือแล้วทำท่าครุ่นคิด
พอกลับมายังเมืองหลวงที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกตาหลังจากไปนานหลายปี สถานการณ์ของที่นี่นับวันยิ่งอ่านไม่ออกมากขึ้นทุกที
เจียงหลินที่เขาส่งไปสืบข่าวที่เมืองเป่ยติ้งประมือกับคนของอีกกลุ่มอำนาจหนึ่งที่สอดแนมอยู่ในหอคณิกาอยู่ลับๆ หลายครั้งหลายหน จนบัดนี้ยังไม่มีฝ่ายใดยอมถอยหลังสักก้าว งานสืบสวนจึงชะงักงันไร้ความคืบหน้า
ส่วนเรื่องที่บุตรชายคนเล็กของจวนฉางชุนป๋อโดนคนลอบทำร้ายในหอคณิกาซึ่งเดิมทีสืบสวนได้ง่ายดายสุดจะกล่าว หากน่าแปลกคือร่องรอยทุกอย่างล้วนหายไปหมดสิ้น ส่งผลให้องครักษ์จินหลินผู้ช่ำชองสันทัดในเชิงนี้ไม่รู้จะเริ่มสืบเสาะจากที่ใด
ก่อนหน้านี้ไม่นานมีข่าวลือว่าภรรยาที่จากไปแล้วมาเข้าฝันกวนจวินโหวว่าพี่ชายโดนเสือขนสีขาวกินแพร่ออกมา เห็นชัดว่ามีคนวางแผนการอยู่ ผลปรากฏว่านี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน นายหญิงใหญ่ของจวนเสนาบดีกรมอาญาผู้ถูกชี้เป็นนัยๆ ในข่าวลือก็ฟั่นเฟือนไปแล้ว
หรือจะพูดในอีกทางหนึ่งคือนายหญิงใหญ่ผู้นั้นปองร้ายคุณชายเฉียวจริงๆ
สกุลเฉียว กวนจวินโหว…
เจียงหย่วนเฉาเหยียดนิ้วมือเรียวยาวลากไปตามพื้นโต๊ะกลับไปกลับมาเขียนเป็นตัวอักษรหลายตัวนี้
เขามีลางสังหรณ์อยู่ลึกๆ คล้ายว่าปริศนาทั้งหมดกับคนสองกลุ่มนี้ยิ่งมายิ่งโยงใยกันแน่นหนาขึ้น
แล้วตัวสำคัญในเรื่องนี้มีผู้ใดบ้าง
เซ่าหมิงยวนแม่ทัพเป่ยเจิงเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไร้ข้อกังขา เฉียวโม่บุตรชายที่โชคดีรอดชีวิตของสกุลเฉียวเป็นตัวสำคัญเฉกเดียวกัน
ยังมี…ภาพสาวน้อยน้ำตานองหน้าในชุดสีเรียบๆ ผุดขึ้นในห้วงความคิดของชายหนุ่มโดยพลัน
แน่นอนว่านางมิได้หลั่งน้ำตาเพื่อเขา
เหตุการณ์ในวันแห่ศพฮูหยินของกวนจวินโหวนั้นยังติดตรึงในความทรงจำ เด็กสาวน้ำตาไหลรินวิ่งไล่ตามขบวนแห่ ในสายตาของนางมีคนเพียงผู้เดียวคือ…เฉียวโม่
เขาเลิกส่งคนเฝ้าดูเด็กสาวผู้นั้น ทว่าบุคคลในตำแหน่งสำคัญเยี่ยงกวนจวินโหวกลับเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กององครักษ์จินหลินจับตาดูอย่างใกล้ชิด
คุณหนูหลีพบปะข้องแวะกับกวนจวินโหวอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งนางยังเคยไปเป็นแขกที่จวนเสนาบดีกรมอาญาอีก…
เจียงหย่วนเฉาเขียนคำว่า ‘หลี’ บนโต๊ะโดยไม่รู้ตัว จากนั้นแบมือปิดไว้
เขาสามารถคิดได้หรือไม่ว่าคุณหนูหลีก็เป็นหนึ่งในตัวสำคัญ
แค่ว่าตอนนี้เขายังคิดไม่ออกว่าอะไรเป็นห่วงโซ่ที่เชื่อมต่อนางกับคนพวกนี้ไว้ด้วยกันอย่างสมเหตุสมผลที่สุด
เจียงหย่วนเฉาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วถอนใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง
เด็กสาวผู้นี้มีความพิเศษอันใดกันแน่นะ เขาคิดไปถึงนางคราใด เพราะอะไรในใจมักบังเกิดความเคว้งคว้างสับสนอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะสลัดความรู้สึกพิลึกชอบกลนี้ทิ้งไป
เขาเป็นคนที่ใกล้จะหมั้นหมายแล้ว คิดเรื่องไร้สาระเหล่านี้ไปเป็นการหาเรื่องกลุ้มใจโดยใช่เหตุเท่านั้นเอง
ฝ่ายเฉียวเจานั้นได้ฟังที่เฉินกวงกลับมารายงานในเช้าวันต่อมาแล้วเผยรอยยิ้มจางๆ
แต่เฉินกวงกลับอึดอัดคับใจอยู่บ้าง เขารวบรวมความกล้าเอ่ยถามนาง “คุณหนูสาม นายหญิงใหญ่ของเสนาบดีกรมอาญาท่านนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
มาตรว่ามีคนจบชีวิตด้วยน้ำมือเขาไม่น้อย ทว่านั่นล้วนเป็นชาวต๋าจื่อสมควรตายทั้งนั้น ขืนให้ใครรู้ว่าองครักษ์คนสนิทของแม่ทัพเป่ยเจิงผู้ทรงเกียรติปลอมเป็นผีไปหลอกสตรีนางหนึ่ง เช่นนี้ออกจะน่าขายหน้าอยู่สักหน่อย
“นางน่าจะตกใจกลัวจนเป็นบ้ากระมัง” เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตั้งแต่เริ่มต้นแพร่ข่าวลือเรื่องเสือขนสีขาวออกไป นางเดินแผนมาทีละก้าวๆ ก็เพื่อรอคอยให้ผลลัพธ์ออกมาในรูปนี้
จิตใจคนสามารถเข้มแข็งอย่างมาก แล้วก็สามารถอ่อนแออย่างมากด้วยเช่นกัน สำหรับผู้เป็นหมอ โดยเฉพาะหมอที่ได้รับตำราพิสดารเล่มนั้นจากท่านปู่หลี่ นางแจ่มแจ้งดีกว่าใครๆ ว่าเมื่อคนเราป่วยทางใจก็จะเกิดภาพหลอนขึ้น
เฉียวเจาไม่สงสารเหมาซื่อ และไม่สำนึกเสียใจที่บีบคั้นอีกฝ่ายจนฟั่นเฟือน นี่เป็นราคาที่เหมาซื่อต้องจ่ายจากการทำร้ายพี่ชายนาง
คนที่เสียสติไปแล้วผู้หนึ่ง เป็นไปได้เก้าในสิบส่วนที่จะบอกความลับซึ่งปกติซุกซ่อนอยู่ในใจไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ออกมา
ไม่ว่านางหรือเซ่าหมิงยวนล้วนอยู่ในฐานะคนนอก หมายจะสืบสาวให้ลึกลงไปอีกขั้นหาใช่เรื่องง่ายดายปานนั้น ด้วยเหตุนี้มิสู้มอบให้เป็นหน้าที่ของพวกท่านตาจะดีกว่า
เมื่อพวกท่านตารู้ว่าเหมาซื่อวางยาพิษพี่ใหญ่จะต้องสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เช่นนั้นไม่ว่าเบื้องหลังเหมาซื่อยังมีคนอื่นอีกหรือไม่ เริ่มสืบหาจากภายในก็สะดวกกว่ามากแล้ว
นี่เป็นอุบายยิงธนูทีเดียวได้นกสองตัว บีบคั้นให้เหมาซื่อเสียสติเป็นการลงโทษ ขณะเดียวกันก็ใช้ความวิกลจริตของเหมาซื่อทำให้พวกท่านตาออกโรง
“ตกใจกลัวจนเป็นบ้า?” เฉินกวงทำหน้าม่อย “เช่นนี้ไม่ใคร่จะดีหรือไม่ขอรับ”
เฉียวเจามองเขาปราดหนึ่ง “ไม่ดีตรงใดรึ”
“ข้าเป็นบุรุษอกสามศอก หลอกสตรีนางหนึ่งให้ตกใจกลัวจนเป็นบ้าไปแล้ว…”
เฉียวเจายิ้มอย่างไม่เห็นพ้องด้วย “ไม่ใช่เจ้าที่หลอกนางจนเสียสติ เป็นข้าต่างหาก”
“เอ๊ะ?”
“เจ้าปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเท่านั้น ฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกผิด”
เฉินกวงแทบน้ำตารินอาบสองแก้ม คุณหนูสามพูดปลอบคนเก่งจริงๆ แต่นางไม่รู้สึกผิดอยู่ในใจเลยหรือ
สุดท้ายเฉินกวงจึงอดไต่ถามออกมามิได้
เฉียวเจาทำหน้าหลากใจ “ข้าจะรู้สึกผิดอะไรกัน ก็ข้าอยากหลอกนางให้เสียสตินี่นา”
เฉินกวงพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ “…” จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชาตินี้ไม่อยากตบแต่งภรรยาแล้ว ทำฉันใดดี
“เฉินกวง เจ้าไปที่หอชุนเฟิงที ถามท่านแม่ทัพของเจ้าว่าข้าอยากไปเยี่ยมคุณชายเฉียว จะสะดวกหรือไม่”
“ขอรับ” สารถีน้อยที่เริ่มขวัญเสียเพราะแม่นางเฉียวขานตอบเสียงดังกังวานจบ ถึงฉุกใจขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ค่ายทหาร
จบกันๆ คุณหนูหลีน่ากลัวถึงเพียงนี้ สร้างแรงกดดันให้เขามากกว่าตอนท่านแม่ทัพมอบหมายภารกิจทำศึกเสียอีก
ท่านแม่ทัพ ข้าอยากกลับบ้านแล้ว!
เฉินกวงวิ่งแล่นไปบอกความที่หอชุนเฟิงโดยไม่กล้าชักช้าแม้สักชั่วอึดใจ
“คุณหนูหลีอยากไปเยี่ยมคุณชายเฉียวหรือ” เซ่าหมิงยวนมุ่นคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ด้วยเหตุใดหลังคุณหนูหลีเตะหน้าแข้งเขาครานั้น ทั้งที่ไม่เจ็บไม่คันกลับทำให้เขาบังเกิดความคิดอยากหนีห่างไปไกลๆ ไม่ข้องเกี่ยวกับเด็กสาวผู้นั้นไปมากกว่านี้อีก
เขาก็บอกไม่ชัดเจนว่าเพราะอะไรถึงมีความรู้สึกเฉกนี้ ทว่าเขาสังหรณ์ใจได้รางๆ ว่าการเลือกทางนี้จึงจะถูกต้อง
นี่คือสัญชาตญาณในการรับรู้ถึงอันตรายซึ่งบ่มเพาะขึ้นจากการออกรบนับครั้งไม่ถ้วน และช่วยให้เขารอดตายได้หลายครา
แม้นยามนี้มิได้อยู่ในสมรภูมิ แต่ใช้การได้ดุจเดียวกัน
เฉินกวงเห็นท่านแม่ทัพทำท่าจะปฏิเสธ เขารีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าปฏิเสธเด็ดขาดนะขอรับ”
“หือ?” เซ่าหมิงยวนไม่เข้าใจเหตุผล
เฉินกวงเจ้าหนุ่มผู้นี้ติดตามเขามานานหลายปี นี่เพิ่งเป็นสารถีของคุณหนูหลีไม่กี่วันก็เห็นนางดีกว่าเขาแล้วหรือไร
“ท่านแม่ทัพ ข้าหวังดีต่อท่านนะขอรับ ท่านไม่รู้หรอกว่าคุณหนูสามน่ากลัวเพียงใด”
เซ่าหมิงยวนถอนใจเอ่ย “ว่ามา คุณหนูหลีทำเรื่องอะไรอีกแล้ว”
เฉินกวงเล่าเรื่องที่เฉียวเจาสั่งการให้เขาทำตั้งแต่ต้นจนจบ สุดท้ายพูดลงความเห็นว่า “คุณหนูสามน่ากลัวเหลือเกิน ท่านแม่ทัพจะทำการใดต้องใคร่ครวญให้ดีก่อนนะขอรับ”
ถ้าเกิดท่านแม่ทัพปฏิเสธแล้วคุณหนูสามไม่พอใจขึ้นมา แล้วหลอกท่านแม่ทัพจนเป็นบ้าไปด้วยจะทำเช่นไร
“เจ้าบอกว่าคุณหนูหลีตั้งใจหลอกเหมาซื่อให้ตกใจจนเสียสติตั้งแต่แรก?”
“ใช่ขอรับ ไม่รู้ว่าเวลานี้เหมาซื่อเป็นอย่างไรกันแน่”
“เฮ้อ…ฟั่นเฟือนไปแล้ว จวนเสนาบดีขังนางเอาไว้ ให้คำอธิบายกับคนภายนอกว่าพักฟื้น” เซ่าหมิงยวนที่ได้รับข่าวคราวจากช่องทางอื่นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
เฉินกวงน้ำตาคลอ “ดังนั้นจะตอแยกับคุณหนูสามไม่ได้ขอรับ”
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลง เพ่งมองนิ้วมือขาวจัดอมสีเขียวจางๆ ของตนพลางเอ่ย “เฉินกวง เจ้าบอกว่าเมื่อคืนคุณหนูหลีให้ภาพวาดเจ้าภาพหนึ่ง คนในภาพละม้ายคล้ายคลึงกับฮูหยินของข้าทุกประการ?”
“ใช่ขอรับ คล้ายมากจริงๆ คล้ายกว่าที่ท่านวาดเป็นอันมาก” เขายังพอจดจำใบหน้าฮูหยินของท่านแม่ทัพที่อยู่บนกำแพงเมืองตอนนั้นได้บ้าง
“นางไม่น่าจะเคยเห็นฮูหยินของข้า”
“คุณหนูสามบอกว่าเคยเห็นขอรับ จะอย่างไรต่างก็อยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน”
เซ่าหมิงยวนมองเฉินกวงนิ่งๆ
ไม่ นางโกหก