หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 25
นายหญิงรองหลิวซื่อเพิ่งกลับไป นายท่านใหญ่หลีกวงเหวินก็กลับมาแล้ว เขาก้าวเข้าเรือนชิงซงด้วยสีหน้าฉงนสงสัย
ท่านแม่ เรียกข้ากลับจากสำนักราชบัณฑิตด้วยเรื่องใดหรือขอรับ
หลีกวงเหวินมีอายุสามสิบกว่า รูปร่างสูงสะโอดสะอง หน้าตาผ่องใสเกลี้ยงเกลาดั่งหยก มองไม่เห็นร่องรอยของผู้เคยต่อสู้แข่งขันอยู่บนเส้นทางการเป็นขุนนางแม้สักกระผีก
ทุกคราที่ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองเห็นบุตรชายคนโตเป็นอย่างนี้ นางทั้งปลื้มปีติทั้งสะท้อนใจ
ในด้านเล่าเรียนศึกษา บุตรชายคนโตมีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างน่าทึ่ง สอบขุนนางได้เป็นทั่นฮวาหนึ่งในสามบัณฑิตชั้นเอกตั้งแต่อายุยังน้อย จากนั้นเข้าสู่สำนักราชบัณฑิตมีอนาคตรุ่งโรจน์ก้าวไกล ประกอบกับรูปลักษณ์ชวนมอง ยามนั้นแม้ว่าความเป็นอยู่ของครอบครัวยังยากลำบาก ก็มีตระกูลสูงศักดิ์มั่งมีไม่น้อยถูกตาต้องใจเขา ตู้ซื่อซึ่งเป็นธิดาของท่านป๋อ* ถึงได้ออกเรือนกับบุรุษต่ำศักดิ์กว่าเช่นเขา
กระนั้นใครจะรู้ว่าบุตรชายคนโตไม่เหมาะจะเป็นขุนนางเลย รายงานตัววันแรกก็ล่วงเกินเบื้องบนแล้ว ถึงมีลูกพี่ลูกน้องในจวนตะวันออกช่วยคุ้มหัวไว้ไม่ถึงกับถูกปลดจากตำแหน่งหรือไล่ออกจากราชการ แต่กลับย่ำอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้าไปที่ใด ต่อมาหลังให้กำเนิดบุตรชายหลีฮุย ตู้ซื่อก็เสียชีวิตจากการคลอดยาก หากมิใช่จับพลัดจับผลูได้แต่งงานใหม่กับเหอซื่อ ดีไม่ดีคงยากจะหาภรรยาได้อีก
แต่ว่าในสายตาของมารดาผู้หนึ่ง บุตรชายมิได้ติดนิสัยละโมบในลาภยศสรรเสริญของพวกขุนนางมาด้วยก็รู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว
ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสยกน้ำชามาให้หลีกวงเหวิน เห็นเขายกขึ้นดื่มแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถึงเอ่ยบอกว่า หลานเจากลับมาแล้ว
หลีกวงเหวินพ่นน้ำชาในปากออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งปรายตามองชิงอวิ๋นที่เม้มปากแอบยิ้มก่อนจะหันมาขึงตาใส่เขา ตื่นตระหนกอะไรไม่เข้าท่า
หลีกวงเหวินยังคงทำหน้างุนงง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่งสายตาบอกชิงอวิ๋น นางก็พาพวกสาวใช้ที่รอรับใช้อยู่ในห้องออกไป
หลานเจาได้ท่านหมอเทวดาผู้โด่งดังลือลั่นพากลับมาส่ง ข้ายับยั้งความคิดของท่านป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้าที่จะส่งตัวนางไปศาลบรรพชนของตระกูลไว้ได้ แต่ถึงกระนั้นชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของหลานเจาสูญสิ้นไปแล้ว เห็นทีว่าวันหน้าคงออกเรือนได้ยาก เจ้าเป็นบิดานางมีความคิดเห็นเช่นไรบ้าง
หลีกวงเหวินหายตกตะลึงแล้วตั้งสติได้ เขากล่าวพึมพำ เลี้ยงดูกันไป
เขากลัวอีกฝ่ายจะไม่วางใจ จึงหยุดคิดเล็กน้อยแล้วพูดต่อท้าย มารดาของนางมีเงินขอรับ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหมดสิ้นคำพูด …
บุตรชายผู้นี้ช่างเถรตรงดีแท้
เมื่อได้ยินบุตรชายกล่าวเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรู้ว่าคงไม่เกิดโศกนาฏกรรมครอบครัวอะไรแล้ว นางคร้านจะมองใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างไร้ประโยชน์ของบุตรชาย จึงโบกมือไล่เขาออกไป
จนกระทั่งรอบข้างเงียบสงบลงในที่สุด ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถึงสั่งกำชับชิงอวิ๋น ไปที่เรือนหยาเหอบอกคุณหนูสามว่าสองวันนี้ไม่ต้องคารวะยามเช้า แล้วก็ไม่ต้องไปสำนักศึกษา อยู่ในห้องว่างๆ ก็คัดลอกพระธรรมเสีย
ชิงอวิ๋นรู้แก่ใจว่าคุณหนูสามคงต้องอยู่อย่างนี้ไปชั่วชีวิตแล้ว ครั้นนึกถึงนิสัยยโสโอหังในกาลก่อนของอีกฝ่าย ในใจนางก็มิบังเกิดความรู้สึกเวทนาสงสารแต่อย่างใด นางขานรับคำหนึ่งแล้วไปบอกความที่เรือนหยาเหอ
การอยู่อาศัยในเมืองหลวงนั้นมิใช่ง่ายดาย จวนตะวันตกมีอาณาบริเวณจำกัดจำเขี่ย นอกจากคุณชายสามหลีฮุยทายาทสืบสกุลรุ่นหลานเพียงผู้เดียวที่มีเรือนพำนักแยกต่างหากเมื่ออายุเต็มสิบสองปี พวกบุตรสาวล้วนอยู่เรือนเดียวกับบิดามารดา
หลีกวงเหวินออกจากเรือนชิงซงกลับไปที่เรือนหยาเหอ ตามปกติเขาจะไปพักผ่อนในห้องหนังสือเป็นนิจ แต่หนนี้กลับตรงดิ่งไปยังเรือนกลาง
ในห้องด้านข้างปีกขวา เหอซื่อกำลังโอบกอดเฉียวเจาพลางเช็ดน้ำตา พอเห็นหลีกวงเหวินเข้ามา แววตาของนางทอประกายยินดีวูบหนึ่งก่อนเดินไปหาพร้อมกล่าว ท่านพี่ เจาเจากลับมาแล้วเจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินไม่เหลือบแลนาง สาวเท้าผ่านข้างกายนางไปที่เบื้องหน้าบุตรสาวเลย
เฉียวเจามองดูอยู่ห่างๆ เห็นสีหน้าเหอซื่อสลดลงวูบเดียวก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางลอบทอดถอนใจ
ในความทรงจำของแม่นางน้อยหลีเจา กลับเห็นว่าบิดาหมางเมินมารดาเป็นเรื่องสมควรดีแล้ว
ท่านพ่อ… นางลุกขึ้นแสดงคำนับต่อหลีกวงเหวิน
เขาดูจะประหลาดใจอยู่พอสมควร จึงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนจะสั่งให้นางลุกขึ้น พิศดูซ้ำๆ แล้วเอ่ยปากพูดว่า กลับมาก็ดีแล้ว วันหน้าประพฤติตัวดีๆ อย่าก่อปัญหาสร้างเรื่องอีก
ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ การพูดโต้ตอบตามธรรมเนียมมารยาทเช่นนี้รับมือง่ายที่สุด เฉียวเจาย่อมไม่หวั่นเป็นธรรมดา
นางดูออกว่าความรู้สึกที่หลีกวงเหวินมีต่อบุตรสาวผู้นี้มาจากความผูกพันทางสายเลือดระหว่างพ่อลูกเพียงประการเดียว ไม่ได้รักใคร่เอ็นดูไปมากกว่านั้นแม้สักส่วนหนึ่ง
แน่นอนว่าเมื่อได้ปะติดปะต่อจากที่แต่ก่อนแม่นางน้อยหลีเจาคอยจ้องหาเรื่องพี่น้องที่เกิดกับภรรยาคนแรกคู่นั้นอย่างไร เฉียวเจาก็ไม่แปลกใจสักนิด
หลีกวงเหวินดูท่าทางไม่คุ้นเคยกับการรั้งอยู่ในห้องนี้นานๆ เขานั่งอยู่ชั่วประเดี๋ยวหนึ่งเห็นภรรยากับบุตรสาวไม่พูดไม่จา ก็ผงกศีรษะเล็กน้อยกับเหอซื่อ อย่างนั้นข้ากลับห้องก่อนนะ
เขานอนในห้องหนังสือมานานแล้ว
เหอซื่อลุกลนอยู่สักหน่อย นี่ท่านพี่จะออกไปแล้วหรือเจ้าคะ
ตอนแรกนางนึกว่าบุตรสาวกลับมาแล้ว สามีต้องมีเรื่องพูดมากมาย นางกำลังเค้นสมองเรียบเรียงถ้อยคำอยู่ ไม่นึกว่าเขาเตรียมจะออกไป
ระหว่างที่นางนิ่งงันเพียงชั่วอึดใจ หลีกวงเหวินก้าวออกนอกประตูไปแล้ว
เหอซื่อเหม่อมองตามแผ่นหลังเขาไปอย่างใจลอยอยู่บ้าง
คู่สามีภรรยาที่เฉียวเจาเคยเห็น บ้างก็รักมั่นกลมเกลียวเฉกท่านปู่ท่านย่า บ้างก็ยกย่องให้เกียรติซึ่งกันและกันเช่นท่านพ่อท่านแม่ นางไม่เคยรู้เลยว่ายังมีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาที่ห่างเหินดั่งคนแปลกหน้าเยี่ยงนี้ด้วย
นางย้อนคิดถึงตนเอง
นางแต่งเข้าจวนจิ้งอันโหวสองปี ว่าไปแล้วนางกับเซ่าหมิงยวนต่างหากคือคนแปลกหน้าอย่างแท้จริง
แต่ทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว กระทั่งความเคืองแค้นเล็กๆ น้อยๆ ก็สลายหายไปพร้อมกับต้นกระบองเพชรมีหนามรอบตัวที่ขว้างออกไปต้นนั้นมากกว่าครึ่ง นางปรารถนาแค่ได้พบหน้าพี่ชายคนโตโดยเร็วที่สุด ถ้าเหตุไฟไหม้ครั้งนั้นมีลับลมคมใน นางก็จะชำระแค้นให้พ่อแม่ญาติพี่น้องอย่างสุดความสามารถ
เฉียวเจาหลุบตาลงเพ่งมองนิ้วมือเรียวยาวของตน
ไม่ว่าเปลือกกายเป็นอะไร นางก็คือเฉียวเจาคนเดิม เฉียวเจาคนที่เป็นหนี้บุญคุณใครก็จะขอทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ติดค้างกันและกันสุดความสามารถ แล้วพระคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูนาง จะหมดสิ้นสูญหายไปเพราะเปลี่ยนมาอยู่ในอีกร่างหนึ่งได้อย่างไร
ต่อให้วันหน้าต้องประสบคลื่นลมแรงบาดผิวปานคมดาบ นางจะไม่พรั่นพรึงเด็ดขาด
เจาเจา เจ้าเป็นอะไรไป เหอซื่อเห็นบุตรสาวมีสีหน้าเลื่อนลอยแล้วใจคอไม่สู้ดี นางรู้สึกอยู่ร่ำไปว่าทันทีที่ไม่ระวัง บุตรสาวก็จะหายตัวไปแล้ว
เฉียวเจากลอกดวงตาดำขลับสุกใสไปมา คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่านแม่ ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ
เหอซื่ออึ้งงันไปแล้วจู่ๆ ขอบตาก็เปียกชื้น นางเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างยากจะควบคุมไว้ได้ จากนั้นหมุนกายแล้วกล่าวขึ้นว่า แม่จะไปสั่งให้เรือนครัวเล็กเตรียมของอร่อยๆ ให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย
นางเดินออกจากห้องอย่างลุกลน ยืนในลานเรือนสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาแอบซับน้ำตา
หลายปีมานี้ บุตรสาวไม่เคยกล่าววาจากับนางอย่างสุภาพนุ่มนวลปานนี้เลย
นายหญิง… สตรีออกเรือนแล้วที่แต่งกายแบบสาวใช้ผู้หนึ่งส่งเสียงเรียกนางเบาๆ
เหอซื่อยิ้มทั้งน้ำตา ฟางมามา ข้าจำได้ว่าหัวสิงโตราดน้ำแดง* เป็นอาหารที่ท่านถนัดที่สุด วันนี้เข้าครัวทำให้เจาเจาสักครั้งเถอะนะ
ฟางมามาลอบรำพึงอย่างสะท้อนใจคำหนึ่งว่า สงสารหัวอกคนเป็นมารดานัก
คุณหนูสามดื้อด้านหัวแข็งตั้งแต่วัยเยาว์ นางดูแคลนชาติตระกูลของมารดา อีกทั้งเพราะเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้นทำให้โกรธเคืองชิงชังมารดาที่ใช้อุบายแต่งเข้ามาเป็นภรรยาคนที่สอง ถึงนางไม่เคยทำสีหน้าดีๆ กับเหอซื่อ แต่เหอซื่อมีบุตรสาวผู้นี้ผู้เดียว ยังคงทะนุถนอมนางประหนึ่งไข่มุกล้ำค่า ทว่าลึกๆ ในใจไหนเลยจะไม่เสียใจ
บัดนี้เท่าที่มองดูอยู่ห่างๆ นางเห็นว่าคุณหนูสามออกไปตกระกำลำบากข้างนอกมาครั้งหนึ่งกลับวางตัวดีขึ้น
ทว่าถึงตอนนี้ความประพฤติดีขึ้นก็สายเกินการณ์ คุณหนูสามโตถึงเพียงนี้ถูกล่อลวงไป ชั่วชีวิตนี้คงจบสิ้นแล้ว
นายหญิงอย่ากล่าวเช่นนี้ ขอเพียงคุณหนูสามไม่รังเกียจ ข้าต่างหากที่ยินดีทำให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ
เหอซื่อเต็มตื้นในใจ นางไปเฝ้าดูที่เรือนครัวเล็กด้วยตนเอง
ไม่ถึงครู่หนึ่งมีสาวใช้มารายงานที่เรือนกลาง คุณหนูสาม พี่ชิงอวิ๋นของเรือนชิงซงมาที่นี่เจ้าค่ะ
ชิงอวิ๋น?
เฉียวเจารับสืบทอดความทรงจำของหลีเจามาแล้วจำเป็นต้องเปิดดูไม่ต่างจากอ่านหนังสือตำรา หลังนิ่งคิดครู่หนึ่งถึงนึกออกว่าเป็นสาวใช้อาวุโสข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง เหล่าเจ้านายทั่วทั้งจวนตะวันตกยังต้องให้เกียรตินางอยู่หลายส่วน จึงสั่งให้สาวใช้เชิญนางเข้ามา
* ป๋อ คือหนึ่งในบรรดาศักดิ์ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เชื้อพระวงค์หรือขุนนางชั้นสูง เรียงตามลำดับดังนี้ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน
* หัวสิงโตราดน้ำแดง หรือหมูก้อนราดน้ำแดง เป็นอาหารขึ้นชื่อชนิดหนึ่งของจีน ทำจากหมูสับปรุงรสปั้นเป็นก้อนกลมแล้วนำไปทอดก่อนราดด้วยซอสน้ำแดง บางตำรับยัดไข่นกกระทาไว้ด้านในด้วย