หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 252
บทที่ 252
เฉินกวงเปิดประตูย่างเท้าเข้าไปก็เห็นเซ่าหมิงยวนนั่งอยู่ริมหน้าต่างเงียบๆ
เขาหันข้างให้เลยมองเห็นสีหน้าไม่ถนัดตาในชั่วขณะ แต่กลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดห้อมล้อมอยู่ทั้งสี่ทิศอย่างไร้สาเหตุ
“ท่านแม่ทัพ…” เฉินกวงนึกเสียใจที่เข้ามาโดยพลัน
หัวหน้าหน่วยหลอกลวงข้านี่นา นี่เรียกว่าไม่เป็นไรหรือ
เซ่าหมิงยวนเบือนหน้ามา สายตาเขาจับอยู่ที่ตัวเฉินกวง พูดเอื่อยๆ “เข้ามาสิ”
เฉินกวงเดินเข้าไปหาอย่างอืดอาดยืดยาด เขากลั้นใจเรียกขานคำหนึ่ง “ท่านแม่ทัพ”
“มีเรื่องหรือ”
“ท่านแม่ทัพ ข่าวลือข้างนอก ท่านได้ยินแล้วหรือยังขอรับ”
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนเรียบเฉย “เจ้ายังได้ยินแล้ว ข้าจะไม่ได้ยินรึ”
เฉินกวงลอบถอนใจโล่งอก ที่แท้ท่านแม่ทัพไม่พอใจเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นเขามาถูกเวลาแล้ว
“เจ้ามาที่นี่เพื่อถามเรื่องนี้? เฉินกวง นับแต่เจ้าเป็นสารถีของคุณหนูหลี นับวันก็ยิ่งว่างงานมากขึ้นจริงๆ”
เฉินกวงฟังแล้วใจหล่นดังตุบ แย่แล้ว ท่านแม่ทัพอารมณ์เสียมากจริงๆ!
สารถีน้อยรีบพูดแสดงความภักดี “ท่านแม่ทัพ ข้าไม่ได้อยู่ว่างไม่มีการงานใดขอรับ เป็นเพราะคุณหนูสามได้ยินข่าวแล้วเหมือนกัน”
ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ดูท่าทางจะอับอายอยู่หลายส่วน
เพราะอะไรเด็กสาวผู้หนึ่งถึงรู้เรื่องพรรค์นี้ได้ว่องไวนัก
“เจ้าบอกคุณหนูหลีหรือ”
เฉินกวงสะท้านเยือก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในห้องถึงเย็นถึงเพียงนี้ “ไม่ใช่ข้านะขอรับ เป็นสาวใช้ของคุณหนูสามได้ยินมาจากข้างนอก”
อันที่จริงเขาคิดแล้วก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าสาวใช้ข้างกายคุณหนูสามนามว่าอาจูผู้นั้นเป็นคนสุภาพเรียบร้อยแท้ๆ ไฉนถึงปากมากเช่นนี้ได้
“อ้อ” เซ่าหมิงยวนคิดๆ แล้วรู้สึกว่าตนมีท่าทีเกินกว่าเหตุไปบ้าง
ในเมื่อเขาโกหกบิดาไปแล้วก็ไม่คิดจะใส่ใจสายตาของคนภายนอก
แล้วความคิดเห็นของเด็กสาวผู้หนึ่ง เขายิ่งไม่สมควรใส่ใจ
“ท่านแม่ทัพวางใจได้ ข้าถามคุณหนูสามแทนท่านแล้วขอรับ” เฉินกวงรีบกล่าวปลอบ
“ถามอะไร” เซ่าหมิงยวนบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นทันควัน
เฉินกวงลดสุ้มเสียงลงพูดเอาหน้า “ข้าถามคุณหนูสามว่าโรคของท่านรักษาได้หรือไม่ คุณหนูสามบอกว่าลองดูได้ ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “หันหลังไป”
เฉินกวงหมุนกายอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก พลันรู้สึกถึงพลังมหาศาลระลอกหนึ่งแผ่ซ่านมาก เขาก็ถูกเซ่าหมิงยวนถีบออกจากประตูห้องแล้ว
เขาครางโอยเสียงหนึ่ง ล้มคว่ำอยู่บนพื้นในท่าสุนัขกินอาจม เบื้องหน้าสายตาคือรองเท้าสีดำหุ้มข้อสามคู่
เขาแหงนหน้าขึ้นทีละน้อย สิ่งที่สะท้อนเข้าคลองจักษุคือดวงหน้าหล่อเหลาน่าหลงใหลของฉือชั่น ด้านข้างคือจูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิง
ฉือชั่นย่อตัวลง “ท่านแม่ทัพของเจ้าบันดาลโทสะแล้วหรือ”
สารถีน้อยพยักหน้าอย่างเหลอหลา
ฉือชั่นหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่งแล้วสาวเท้าเดินเข้าไป
เฉินกวงอึ้งงันยิ่งกว่าเดิม “…” นึกว่าเมื่อครู่คุณชายฉือจะพยุงข้าลุกขึ้น คิดมากไปเองดังคาด!
พวกฉือชั่นย่างเท้าเข้าห้องก็เห็นคนบางคนนั่งเหยียดแผ่นหลังตรงสีหน้าบึ้งตึง
ฉือชั่นอดชอบใจไม่ได้ “ถิงเฉวียน เรื่องใดกันทำให้เจ้าฉุนเฉียวถึงเพียงนี้”
ฮ่าๆๆ ถึงกับพูดว่าเซ่าหมิงยวนหมดน้ำยา? พอคิดถึงข่าวซุบซิบนี้แล้วอยากทุบพื้นหัวร่องอหาย
เซ่าหมิงยวนไม่พูดไม่จา เพียงตวัดสายตามองเขาปราดหนึ่ง
ฉือชั่นขยับไปใกล้อย่างไม่รู้จักที่ตาย “มันเป็นอย่างไรกันแน่ บอกมาให้ฟังสิ พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ พี่น้องก็สมควรมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน เจ้าพบเจอเรื่องยากลำบากอะไร อย่าแบกรับไว้คนเดียว”
จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงลูบจมูกพร้อมกัน
พี่น้องเยี่ยงนี้ มีไปก็เท่านั้น
“ถิงเฉวียน พวกข้าได้ยินเสียงเล่าลือบางอย่างก็เลยมาดูสักหน่อย” จูเยี่ยนเอ่ยบอก
“เรื่องเล็กๆ ไม่สลักสำคัญอันใด” เซ่าหมิงยวนกล่าว
“อย่างนั้นก็ดี”
ด้านฉือชั่นกลับไม่ยอมจำนน เขายิ้มพรายเหล่ตามองเซ่าหมิงยวน “ถิงเฉวียน บอกมาตามตรง ตกลงเจ้ามีน้ำยาหรือไม่”
เซ่าหมิงยวนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เรียวคิ้วเลิกขึ้นน้อยๆ ยามไต่ถามอย่างสงบเยือกเย็น “เจ้าหวังให้ข้ามีหรือว่าไม่มีเล่า”
ฉือชั่นอ้าปากค้างหุบไม่ลงเป็นนาน
คนซื่อตรงบทจะไร้ยางอายขึ้นมาก็เอาเรื่องจริงๆ!
“อีกสามวันข้าจะย้ายเข้าเรือนใหม่แล้ว” เซ่าหมิงยวนบอกข่าว
หยางโฮ่วเฉิงยิ้มอวดไรฟันขาวทั้งปาก “ดีเหลือเกิน เจ้าควรย้ายมานานแล้ว จวนหลังนั้นของเจ้าน่ะอยู่แล้วยังไม่สบายใจเท่าโรงเตี๊ยม”
จูเยี่ยนพยักพเยิดตาม
“วันนั้นอย่าลืมมาดื่มสุรา ตอนนี้ข้ายังมีงานบางอย่างต้องทำ ไม่รั้งตัวพวกเจ้าไว้ล่ะ”
เมื่อเซ่าหมิงยวนกลับถึงจวนจิ้งอันโหวแล้วเอ่ยถึงเรื่องย้ายเรือนต่อหน้าบิดามารดา
จิ้งอันโหวหลากใจอยู่บ้าง “รีบร้อนเช่นนี้?”
เสิ่นซื่อโมโหทันที “ย้ายเรือน?! ข้ารู้เจ้ารำคาญที่ต้องมาคารวะข้าทั้งเช้าเย็น ฉะนั้นถึงคิดจะย้ายออกไปอยู่อย่างอิสระตามสบายใช่หรือไม่”
“ท่านแม่คิดมากไปแล้วขอรับ”
เสิ่นซื่อแค่นเสียงเยาะ “ข้าคิดมากไป? ไม่อย่างนั้นเจ้าร้อนรนย้ายออกไปเช่นนี้ด้วยเหตุใดกัน เจ้าลูกอกตัญญู อยู่แดนเหนือตั้งนานหลายปีถึงเพียงนั้น เพิ่งกลับมาไม่กี่วันก็ทนอยู่เรือนไม่ไหวแล้ว!”
“ท่านแม่ จวนกวนจวินโหวเป็นคฤหาสน์ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ บัดนี้ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย หากไม่ย้าย เกรงว่าพระองค์จะไม่พอพระทัยนะขอรับ”
ได้ยินเซ่าหมิงยวนเอ่ยอ้างถึงฮ่องเต้ เสิ่นซื่อจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ก็ไม่เป็นการดี นางกล่าวอย่างชิงชัง “ถ้าอย่างนั้นก็สุดแท้แต่เจ้าแล้วกัน”
สามวันให้หลัง
จิ้งอันโหวเอ่ยถามเสิ่นซื่อ “ฮูหยิน วันนี้เจ้ารองย้ายเข้าจวนกวนจวินโหว เจ้าเตรียมสิ่งของสำหรับการขึ้นเรือนใหม่ไว้แล้วหรือยัง”
“เตรียมแล้ว เรื่องเล็กๆ พวกนี้ท่านโหวจะต้องเอาใจใส่เช่นนี้ไปด้วยเหตุใด หรือข้าเป็นคนไม่รอบคอบถึงเพียงนั้น” เสิ่นซื่อถามเสียงเรียบ
จิ้งอันโหวยิ้มอย่างกระดากใจ “ข้าแค่ถามไปเรื่อยเปื่อย”
บุรุษปกครองเรือนนอก สตรีดูแลเรือนใน ตามหลักแล้วเขาไม่พึงถามคำนี้ เพียงแต่เขาแจ่มแจ้งดีว่าท่าทีของฮูหยินตนต่อบุตรชายคนรองเป็นอย่างไร ถึงถามมากขึ้นคำหนึ่งอย่างอดใจไม่อยู่
“ท่านโหววางใจได้ ของขวัญที่ข้าเตรียมให้เจ้ารองต้องทำให้เขาดีใจอย่างแน่นอน” เสิ่นซื่อพูดเป็นนัยๆ ชวนให้ขบคิด
นางตระเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ที่ยากลืมเลือนไปชั่วชีวิตไว้ให้เซ่าหมิงยวนชิ้นหนึ่ง แค่รอชั่วขณะที่เปิดออกมาให้เขาได้ ‘ดีใจ’
วันนี้จวนกวนจวินโหวคึกคักอย่างหาได้ยาก มิใช่แค่พวกฉือชั่นที่มาเยือน เซ่าจิ่งยวนและเซ่าซียวนก็อยู่พร้อมหน้า รวมถึงเฉียวโม่ที่ร่างกายเป็นปกติดีแล้ว ทุกคนนั่งล้อมวงร่วมโต๊ะกัน กระทั่งเฉินกวงยังขอลาหยุดกับเฉียวเจารุดมาร่วมความครึกครื้นโดยเฉพาะ
หลังชนจอกไปสามรอบ เซ่าจิ่งยวนเอ่ยปากขึ้น “น้องรอง ยินดีกับเจ้าด้วย ได้เป็นเจ้าของจวนทั้งหลังตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น ทำให้พี่ชายอิจฉายิ่งนัก”
ฉือชั่นได้ยินแล้วขมวดคิ้วตลอด ถ้อยคำนี้ของซื่อจื่อจวนจิ้งอันโหวฟังดูแล้วแฝงความริษยาไว้จางๆ
เซ่าหมิงยวนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ช้าเร็วพี่ใหญ่ก็ต้องมีวันนี้เหมือนกันขอรับ”
“เอ่อ…จริงสิ กล่องไม้แดงผูกผ้าไหมสีแดงใบนั้นเป็นของที่ท่านแม่สั่งให้ข้านำมาให้เจ้าเป็นการขึ้นเรือนใหม่ ท่านกำชับให้ข้าบอกกล่าวเจ้าสักคำ พอได้ดื่มสุราก็เกือบลืมไปเสียแล้ว”
เซ่าหมิงยวนมองไปทางกล่องไม้แดงที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ท่านแม่มอบของขวัญให้เขาหรือนี่
“เป็นของอะไรรึ ยังต้องเก็บไว้ในกล่องไม้แดงชั้นดีด้วย” ฉือชั่นลุกขึ้นไปหยิบกล่องไม้แดงมาถือไว้ในมือแล้วกะประมาณน้ำหนัก “ไม่นับว่าหนัก ถิงเฉวียน ข้าเปิดดูนะ”
นางปีศาจผู้นั้นมิใช่คนดิบดีอะไร ใจจืดใจดำกับถิงเฉวียนเป็นที่สุด ทว่าเขากลับอยากดูว่ามันคืออะไร
“อื้อ” เซ่าหมิงยวนไม่คัดค้าน
เสิ่นซื่อมอบของขวัญให้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเซ่าหมิงยวน ในความคิดเขา อย่างมากก็เป็นของล้ำค่ามีราคาทว่าไร้ความจริงใจใดๆ สักอย่าง
ฉือชั่นเปิดกล่องไม้แดงออกแล้วอึ้งไปอย่างสุดระงับ เขากล่าวพึมพำ “ไฉนมีสารมากมายอย่างนี้”