หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 254
บทที่ 254
เซ่าหมิงยวนล้มลงตรงหน้าเซ่าซียวน สร้างความตะลึงพรึงเพริดครั้งใหญ่ให้แก่หนุ่มน้อยวัยสิบสี่ปีผู้นี้
เขาเกลียดชังพี่ชายผู้นี้เสมอมา เพราะทุกคราที่มารดาเอ่ยถึงพี่รองก็จะหัวเสียอย่างมาก บางคราถึงขั้นโมโหจนร่ำไห้ แต่จุดที่ทำให้เขาเกลียดชังมากที่สุดคือพี่รองสังหารพี่สะใภ้รอง
พี่สะใภ้รองเป็นสตรีที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็นมา โฉมงามฉลาดเฉลียวราวกับว่าไม่มีเรื่องใดที่นางไม่ล่วงรู้ กระทั่งเขาสอนนางยิงธนู นางก็เรียนรู้ได้เร็วมาก
พี่สะใภ้รองไม่เพียงเรียนยิงธนูได้เก่ง ยังอ่อนโยนใจดี เวลาเขาฝึกวิชายุทธ์ได้รับบาดเจ็บ นางจะทำแผลให้เขาอย่างเอาใจใส่ ทั้งยังมอบน้ำมันมวยสรรพคุณดีให้เขา พี่สะใภ้รองแสนดีเฉกนี้จนเขารู้สึกว่าไม่มีสตรีคนใดเทียบนางได้อีกแล้ว แต่กลับถูกพี่รองปลิดชีวิตกับมือ
เขาสุดปัญญาจะอภัยให้พี่ชายที่เป็นอย่างนี้ได้!
ถึงกระนั้น แม้ว่าวีรกรรมความกล้าหาญต่างๆ เหล่านั้นของพี่รองจะได้ยินคนในจวนเอ่ยถึงน้อยมาก แต่เขาได้ยินจากข้างนอกนับครั้งไม่ถ้วน
คนรุ่นราวคราวเดียวกันจำนวนมากยังหันมาให้ความสนใจเขาเพราะเขาเป็นน้องชายของเซ่าหมิงยวน
พี่รองที่เก่งกาจอย่างนี้ถึงกับกระอักเลือดจนหมดสติได้?
เซ่าซียวนตกตะลึงถึงขีดสุด จนกระทั่งพวกหยางโฮ่วเฉิงพยุงเซ่าหมิงยวนเข้าห้องไปแล้ว เขายังดึงสติคืนมาไม่ได้ดังเดิม
“น้องสาม…” เซ่าจิ่งยวนเค้นเสียงเรียกอย่างยากเย็น
เซ่าซียวนเพิ่งหลุดจากภวังค์ก็เห็นพี่ชายคนโตหน้าตาบวมปูดเขียวช้ำแล้วตกใจยกใหญ่ “พี่ใหญ่ หน้าท่านเป็นอะไรไป ชนกับกำแพงหรือขอรับ”
เซ่าจิ่งยวนพูดไม่ออก หน้าชนกำแพงจะเป็นเช่นนี้หรือ “กลับ…กลับจวน…”
“แต่ว่าพี่รองสลบไปแล้ว” เซ่าซียวนประคองพี่ชาย ท่าทางละล้าละลังอยู่บ้าง
เซ่าจิ่งยวนกลอกตาขึ้น ฝืนกำลังพูดว่า “ขืนไม่กลับจวนอีก ข้าก็จะสลบเหมือนกัน…”
เซ่าซียวนกุลีกุจอประคองเขาไว้พลางตะเบ็งเสียงเรียก “ใครก็ได้รีบมาช่วยประคองพี่ใหญ่ข้าที!”
พวกองครักษ์ในลานเรือนมองมาทางนี้แวบหนึ่งด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม แต่ไม่มีคนใดปริปาก
เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีมีเรือนกายผอมบาง เขารู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับลงมาบนบ่าแล้วชักร้อนใจ “ใครช่วยไปตามสารถีให้สักหน่อยก็ได้”
ยังคงไม่มีคนสนใจเขา
ถึงเวลานี้ เด็กหนุ่มถึงตระหนักได้ว่าศักดิ์ฐานะคุณชายสามของจวนจิ้งอันโหวหาได้มีความสลักสำคัญอันใดไม่จริงๆ
เซ่าซียวนขอบตาแดงเรื่อด้วยความคับข้องหมองใจ เขารวบรวมเรี่ยวแรงกำลังทั้งหมดในตัวลากเซ่าจิ่งยวนเดินออกไปข้างนอก หากในใจยังอดฉงนฉงายไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไรพี่รองย้ายเข้าจวนพระราชทานมิใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ ตกลงว่าเพราะอะไรถึงกลายเป็นเช่นนี้
เซ่าซียวนกับพี่ชายนั่งรถม้ากลับถึงจวนจิ้งอันโหว พอเสิ่นซื่อเห็นสภาพของบุตรชายคนโตแล้วแทบสิ้นสติ นางทางหนึ่งเรียกคนไปเชิญหมอ ทางหนึ่งพูดต่อว่าต่อขานสามี
“ข้าบอกแล้วว่าให้ส่งพ่อบ้านไปสักคนก็สิ้นเรื่อง แต่ท่านโหวจะให้พวกเขาสองพี่น้องไปให้ได้ ทีนี้เป็นอย่างไรเล่า จิ่งยวนโดนเจ้าเดรัจฉานนั่นทุบตีจนกลายเป็นเช่นนี้ นี่มิใช่จะเอาชีวิตเขารึ! ใครก็ได้ไปบอกให้คุณชายรองกลับจวน บอกว่าเป็นคำสั่งข้า!”
นางคาดเดาได้ว่าหลังเซ่าหมิงยวนเห็นของในกล่องต้องทรมานใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าเดรัจฉานนั่นถึงกับกล้าลงไม้ลงมือกับเซ่าจิ่งยวนอย่างหนักหน่วงถึงเพียงนี้
เซ่าซียวนเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว “ท่านแม่ พี่ใหญ่ไม่ได้โดนพี่รองทำร้ายขอรับ”
“ไม่ได้โดนเจ้าลูกอกตัญญูนั่นทำร้าย แล้วยังเป็นผู้ใดได้อีก”
เซ่าซียวนตอบไม่ออก
พี่รองกระอักเลือดก่อน จากนั้นก็หมดสติ เขาตกใจเกินไป ในห้วงความคิดล้วนเป็นเรื่องของพี่รองกับพี่สะใภ้เลยจำไม่ได้ว่าพี่ใหญ่ถูกใครทำร้ายกันแน่
“ว่าอย่างไรเจ้าลูกโง่ เจ้ายังจะปกป้องเดรัจฉานนั่นหรืออย่างไร”
“ข้าไม่ได้ปกป้องพี่รอง…”
เสิ่นซื่อยิ้มเยาะ นางเอ่ยกับจิ้งอันโหว “ท่านโหว ข้าอดทนไม่พูดมาโดยตลอด หลายเดือนก่อนเจ้ารองเคยทำร้ายเจ้าสาม แต่เจ้าสามปิดบังไว้ให้”
เซ่าซียวนเบิกตากว้าง “ท่านแม่ ท่านรู้ได้อย่างไรขอรับ”
เสิ่นซื่อถลึงตาใส่เขา “ข้าเป็นนายหญิงปกครองเรือนในนี้ เจ้าถูกคนทุบตีจะไม่รู้ได้หรือ”
ชะรอยจะรู้สึกว่าบุตรชายคนเล็กยังอายุน้อย เสิ่นซื่อจึงไม่ใส่ใจมากนัก ทว่าเซ่าซียวนนั้นรู้สึกหนาวเหน็บใจ
ท่านแม่ถึงกับส่งคนมาเฝ้าดูข้าไว้หรือนี่
เด็กหนุ่มในวัยนี้จะหงุดหงิดกับเรื่องนี้มากที่สุด ไฟโทสะปะทุขึ้นในใจเขาทันควัน เขาทำคอแข็งกล่าวขึ้น “ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็ไม่ได้โดนพี่รองทำร้าย ท่านพ่อ ท่านไม่รู้หรอกว่าพี่รองเห็นของที่ท่านแม่มอบให้ก็กระอักเลือด ซ้ำยังหมดสติด้วยขอรับ”
เซ่าจิ่งยวนเห็นมารดากับน้องชายคนที่สามถกเถียงกันด้วยเรื่องนี้ เขาส่งเสียงพูดแทรกขึ้นคำหนึ่งด้วยความลำบาก “เป็นคุณชายฉือของวังองค์หญิงใหญ่ที่ชกต่อยข้า…”
จิ้งอันโหวกลับไม่แยแสสักนิดว่าบุตรชายคนโตพูดอะไร เขาหน้าเปลี่ยนสี คว้าข้อมือของเซ่าซียวนไว้ “พี่รองของเจ้ากระอักเลือดแล้ว?”
“ขอรับ สีหน้าพี่รองไม่สู้ดีเลย ขาวๆ ซีดๆ”
จิ้งอันโหวปล่อยมือบุตรชายคนเล็ก หันไปมองภรรยาด้วยสายตาเคร่งขรึม “เจ้ามอบอะไรให้เจ้ารองกันแน่!”
เสิ่นซื่อเลิกคิ้วขึ้น “เพื่อลูกอกตัญญูคนหนึ่ง ท่านโหวถึงกับพูดจากับข้าเยี่ยงนี้หรือ”
กระอักเลือดสลบไปแล้ว?
หึๆ ช่างดีเหลือเกินจริงๆ!
นางว่าแล้วเชียว พอเจ้าคนเนรคุณนั่นเห็นสารพวกนั้นจะเฉยเมยไม่รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อยได้จริงๆ หรือ นางอยากให้เขาทรมานใจเหมือนตายทั้งเป็น!
“ข้าถามเจ้าว่าเจ้ามอบอะไรให้เจ้ารองกันแน่” จิ้งอันโหวสืบเท้าเข้าไปจับหัวไหล่ของภรรยา
เซ่าจิ่งยวนกับเซ่าซียวนตะลึงลาน
ตลอดหลายปีมานี้ที่ท่านพ่อกลับเมืองหลวงมาพักรักษาตัว ไม่เคยพูดเสียงดังกับท่านแม่มาก่อน ต่อให้ท่านแม่เย็นชาใจร้ายกับบุตรชายคนรองที่ท่านพ่อลำเอียงรักมากที่สุด ท่านก็ไม่ใช้น้ำเสียงและสีหน้าดุดันกับท่านแม่เฉกเช่นในขณะนี้
“เป็นสาร…” เซ่าซียวนไม่ค่อยกระจ่างแจ้งนักว่าเหตุใดพี่รองเห็นสารพวกนั้นแล้วถึงกลายเป็นเช่นนั้น แต่เขากลัวบิดามารดาจะขัดแย้งกันมากขึ้น จึงลุกลนอ้าปากบอก
“สาร? สารอะไร” สุ้มเสียงของจิ้งอันโหวเย็นเยียบ มือที่วางอยู่บนไหล่ของเสิ่นซื่อสั่นเทาไม่หยุด เห็นได้ว่าข่มความโกรธไว้
ที่ผ่านมาจิ้งอันโหวไม่เคยบันดาลโทสะใส่นาง ดังนั้นในใจเสิ่นซื่อหาได้กลัวเกรงไม่ แต่ด้วยโดนหักหน้าต่อหน้าบุตรชายทั้งสองกับลูกสะใภ้คนโต นางถึงกล่าวอย่างไม่พึงใจ “ข้ายึดสารที่เจ้าลูกอกตัญญูคนนั้นเขียนถึงเฉียวซื่อไว้ เหตุใดรึ ท่านโหวจะหย่ากับข้าเพราะเรื่องนี้หรือไม่เล่า”
“เจ้าพูดอีกครั้งสิ”
“พูดอีกครั้งแล้วจะมีอันใด ข้ามอบสารที่เจ้ารองเขียนถึงเฉียวซื่อไปให้เขาตอนนี้มิได้หรือไร ใครจะรู้ว่าบุตรชายที่ยืนหยัดท้าฟ้าดินของท่านจะอ่อนแอเพียงนี้ แค่เห็นก็กระอักเลือดเสียแล้ว”
เสียงเพียะดังก้องกังวานขึ้น จิ้งอันโหวสะบัดฝ่ามือตบหน้าเสิ่นซื่อเต็มแรงจนนางเซล้มไปนั่งบนเก้าอี้
“ท่านแม่!”
“ท่านตบหน้าข้า?!” เสิ่นซื่อกุมแก้มถามอย่างชิงชัง
จิ้งอันโหวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง “เสิ่นซื่อ! เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน”
เขาเคยกุมกำลังทหารในมือ เป็นแม่ทัพเป่ยเจิงที่บัญชาการกองทัพนับพันนับหมื่น ถึงแม้ร่างกายทรุดโทรมจากการตรากตรำอยู่ที่แดนเหนือเป็นเวลานาน จึงต้องกลับเมืองหลวงเพื่อพักฟื้น แต่เขาไม่ใช่บุรุษไม่เอาไหนพรรค์นั้น
เขาอดทนให้อภัยภรรยาทุกอย่างเป็นเพราะอะไรเล่า แค่เพราะรู้สึกผิด ไม่อาจหักใจทำให้นางต้องโศกเศร้าเสียใจเท่านั้นเอง
เพียงปรารถนาว่านางจะเอ็นดูสงสารหมิงยวนมากขึ้นบ้าง
บัดนี้ดูไปแล้วเขาทำผิดมหันต์อย่างไม่น่าอภัย
ความผิดหวังระคนโกรธเกรี้ยวในดวงตาของจิ้งอันโหวทิ่มแทงใจเสิ่นซื่ออย่างรุนแรง พาให้ถ้อยคำเหล่านั้นซึ่งนางคิดว่าสองสามีภรรยารู้ดีแก่ใจกันเอง และไม่ตั้งใจจะบอกกล่าวให้พวกบุตรชายรับรู้ไปชั่วชีวิตนี้ก็หลุดออกจากปาก “ข้าทำให้ท่านโหวผิดหวังหรือ แล้วท่านโหวเล่า ท่านโหวเคยทำให้ข้าผิดหวังมาแต่แรก ครั้งนั้นที่ท่านพูดไว้ว่าให้เกียรติยกย่องกันและกัน รักใคร่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ผลสุดท้ายเป็นเพียงเรื่องน่าขัน บุตรชายคนรองของข้าตายไปนานแล้ว เขาตายไปนานแล้ว!”
เสิ่นซื่อไม่สนใจว่าเซ่าจิ่งยวนกับเซ่าซียวนตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว นางพูดด้วยน้ำเสียงคับแค้น “ท่านโหวบอกข้าสิ เซ่าหมิงยวนในตอนนี้เป็นมารหัวขนที่ท่านไปอุ้มกลับมาจากที่ใดกันแน่”