หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 256
บทที่ 256
สีหน้าของฉือชั่นขุ่นมัว “หมอของโรงหมอจี้เซิงฝีมือไม่เลว ข้าไปเชิญเอง”
อย่างมากหลังจากนี้เอาหมอผู้นั้นเข้าไปอยู่ในวังองค์หญิงใหญ่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องจะแพร่ออกไป
“รบกวนคุณชายทั้งหลายเฝ้าท่านแม่ทัพของข้าไว้ ข้ารู้ว่ามีคนผู้หนึ่งต้องเก่งกว่าหมอของโรงหมอจี้เซิงแน่ๆ ขอรับ” เฉินกวงขันอาสาไปเชิญคน เขากล่าวคำนี้ทิ้งท้ายไว้แล้วก้าวขาออกวิ่งไปเลย
“เฉินกวงไปเชิญใครกันหรือ” หยางโฮ่วเฉิงถามขึ้น
ห้วงความคิดของจูเยี่ยนมีเงาร่างอรชรสายหนึ่งผุดขึ้นทันใด
ตอนนี้เฉินกวงเป็นสารถีของคุณหนูหลี หรือว่าคนที่เขาอยากเชิญมาคือนาง
การคาดเดานี้ออกจะเหลวไหลอยู่สักหน่อย แต่วีรกรรมที่คุณหนูหลีช่วยรักษาคุณชายคนเล็กของจวนฉางชุนป๋อด้วยเข็มเงินยังโจษขานกันอยู่ภายนอก บางทีนางอาจมีวิชาแพทย์สูงส่งก็เป็นได้
ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด เขารู้สึกว่าเรื่องที่ถ้าเป็นคนอื่นแล้วคงเหลือเชื่อ แต่พอเป็นคุณหนูหลีกลับมีความเป็นไปได้สูง
ชะรอยว่าใต้หล้านี้คงมีคนที่เกิดมาเพื่อทำให้คนอื่นละอายใจที่ตนเองเทียบไม่ได้
“รอดูเถอะ พวกองครักษ์ของถิงเฉวียนยังนับว่าเชื่อมือได้” ฉือชั่นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
ถ้าเชื่อมือไม่ได้ ก็คงไม่มีทางจับผิดเด็กรับใช้เถาเซิงที่ปลอมตัวเป็นหญิงได้คาหนังคาเขา
เฉินกวงวิ่งเต็มเหยียดตลอดทางกลับไปถึงจวนสกุลหลีแล้วขอพบเฉียวเจา
สองวันนี้นางจิตใจไม่ค่อยสงบอยู่พอดี
ไม่รู้ว่าพวกท่านตาสืบสาวราวเรื่องไปถึงที่ใดแล้ว นางซึ่งเป็นคนนอกในสายตาของผู้อื่นอยากรู้ความคืบหน้าบ้างก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน
“คุณหนู เฉินกวงอยากพบท่าน ดูท่าทางร้อนใจน่าดูเจ้าค่ะ” ปิงลวี่เข้ามารายงานด้วยท่าทางเร่งร้อน
“พาเขามาที่นี่”
เฉินกวงเห็นเฉียวเจาก็พูดเสียงกระหืดกระหอบ “คุณหนูสาม รีบไปกับข้าเถอะขอรับ”
“มีเรื่องอะไร”
“ท่านแม่ทัพของข้ากระอักเลือดแล้วขอรับ”
เฉียวเจาลุกพรวดขึ้น จากนั้นรู้ตัวว่าเสียกิริยาไปบ้างจึงไต่ถามเสียงเรียบ “เหตุใดถึงกระอักเลือดได้”
เซ่าหมิงยวนอาจจะเจ็บปวดทรมานเหลือทนจากการโดนพิษไอเย็นเล่นงาน แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นนี้กระมัง
“เป็นฮูหยินของจิ้งอันโหวมอบกล่องไม้แดงใบหนึ่งให้ ในนั้นใส่สารไว้เต็มกล่อง ล้วนเป็นสารที่ท่านแม่ทัพเขียนถึงฮูหยินของตนเมื่อครั้งอยู่แดนเหนือในกาลก่อน ท่านแม่ทัพของข้าเห็นแล้วก็กระอักเลือด…”
“สาร…” เฉียวเจาพูดงึมงำ นางเอ่ยถามอย่างอดใจไม่อยู่ “สารอะไร ท่านแม่ทัพของเจ้าเคยเขียนสารถึงฮูหยินของเขาด้วยหรือ”
แม้ว่าเฉินกวงไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูสามจับจุดสำคัญไม่ถูก แต่ยังคงกล่าวไขความกระจ่างให้ “เคยเขียนแน่นอนขอรับ ทุกเดือนท่านแม่ทัพจะเขียนสารถึงฮูหยินของท่านอย่างน้อยหนึ่งฉบับเสมอ ต่อให้เป็นช่วงการศึกคับขันที่สุดก็ไม่ยกเว้น จนกระทั่งต้นปีนี้ยังเขียนอยู่เลยนะขอรับ น่าเสียดายที่ฮูหยินของท่านไม่เคยตอบสารเลย”
เฉินกวงพูดถึงประโยคหลังแล้วน้ำเสียงก็แฝงรอยตัดพ้อต่อว่าโดยไม่รู้ตัว “ฮูหยินของท่านแม่ทัพก็ใจร้ายเกินไป ถึงท่านแม่ทัพต้องไปแดนเหนือในวันพิธีมงคลไม่อาจอยู่กับฮูหยินได้ แต่นี่มิใช่สิ่งที่เหล่าทหารต้าเหลียงสมควรกระทำหรือ ถ้าทุกคนต่างรั้งอยู่เมืองหลวงเสพสุข เมืองหลวงคงตกเป็นของชาวต๋าจื่อไปนานแล้ว ข้ายังลืมไม่ลงจนถึงตอนนี้ แดนเหนือหนาวเย็นปานนั้น พ่นลมหายใจออกมายังกลายเป็นละอองน้ำแข็ง น้ำหมึกจับตัวแข็งเป็นก้อน ท่านแม่ทัพเขียนอักษรตัวหนึ่งก็ต้องละลายหมึกใหม่…”
สารถีน้อยออกนอกเรื่องไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด
เฉียวเจาขมวดคิ้ว “เลิกพูดได้แล้ว ไปจวนแม่ทัพกัน”
นางไม่อยากเรียกที่นั่นว่า ‘จวนโหว’ เพราะเรียกเช่นนี้จะทำให้นางหวนนึกถึงชีวิตที่เหมือนอยู่ในกรงขังสองปีนั่น รวมถึงความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกที่ไม่อาจสลัดทิ้งไป
ขณะนั่งอยู่บนรถม้า ในหัวสมองของเฉียวเจาครุ่นคิดไม่หยุดว่าที่แท้สองปีนั้นเซ่าหมิงยวนเขียนสารถึงนางตลอด ส่วนสารพวกนั้นโดนฮูหยินของจิ้งอันโหวยึดไว้หมด เพราะอะไรเสิ่นซื่อต้องทำเช่นนี้
ถึงจะมีเวลาอยู่พร้อมหน้ากันน้อยนัก ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกไม่ลึกซึ้งแนบแน่นเท่าบุตรธิดาที่อยู่ข้างกายเสมอ แต่การยึดสารที่บุตรชายเขียนถึงลูกสะใภ้เป็นการกระทำที่พิลึกพิลั่นเกินไป
เฉียวเจาทอดถอนใจ จวนจิ้งอันโหวแปลกประหลาดกว่าที่นางคิดไว้มาก
ไฉนฟื้นคืนชีพมาแล้วต้องพบกับปริศนาไปเสียทุกเรื่องด้วยนะ
เฉินกวงควบขับรถม้าอย่างเร็วรี่ ไม่นานนักก็หยุดจอดกะทันหัน เฉียวเจาต้องรีบยกมือเกาะผนังรถไว้
“คุณหนูสาม ถึงแล้วขอรับ”
ทุกคนรออยู่ด้วยความร้อนรุ่มใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วก็เงยหน้าขึ้นทันที พอเห็นเฉียวเจาเดินตามหลังเฉินกวงก็อึ้งงันไปอย่างสุดระงับ
“เจ้ามาได้อย่างไร” ฉือชั่นขมวดคิ้ว
นับแต่ที่องค์หญิงใหญ่ฉางหรงเปิดโปงความในใจของเขาออกมา ฉือชั่นก็เกิดความรู้สึกไม่อยากเจอเฉียวเจาอย่างปราศจากเหตุผล ครั้นยามนี้พบกันแล้ว เขาทั้งหงุดหงิด ขณะเดียวกันในใจลึกๆ ยังยินดีอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
แล้วความยินดีนี้เองทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งขึ้น เป็นธรรมดาที่จะพูดจาระคายหูถึงขีดสุด
เฉียวเจามองฉือชั่นอย่างพินิจอึดใจหนึ่ง นี่นางไปตอแยอะไรเขาอีกแล้วหรือไร
“เฉินกวงเรียกข้ามาเจ้าค่ะ” เฉียวเจากล่าวคำนี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบจบแล้วเดินไปหาเฉียวโม่ “พี่เฉียว แม่ทัพเซ่าเป็นอย่างไรบ้าง พาข้าไปดูหน่อยสิเจ้าคะ”
เฉียวโม่พยักหน้า “ได้ คุณหนูหลีโปรดตามข้ามา”
ยามเห็นเฉียวเจาเดินตามเฉียวโม่เข้าไปข้างใน ใบหน้าของฉือชั่นเริ่มตั้งเค้าพายุอารมณ์ เขาเลิกคิ้วพลางถามเฉินกวง “คุณหนูหลีรู้จักคุณชายเฉียวตั้งแต่เมื่อไร” เขาไม่เคยเจอสาวน้อยที่หว่านเสน่ห์ไปทั่วเฉกนี้
“เอ่อ…ข้าไม่ทราบขอรับ” เฉินกวงทำไขสือ
จุดยืนต้องชัดเจน ท่าทีต้องแน่วแน่ คุณชายฉือเป็นศัตรูหัวใจของท่านแม่ทัพ เขาไม่พูดอธิบายหรอกนะ
ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้นไปอีกเถอะ
เฉียวเจาซึ่งเดินอยู่ข้างกายเฉียวโม่อดมองสำรวจสีหน้าของเขาไม่ได้
นางเดินอยู่ทางขวามือของเขา เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ เส้นสายโครงหน้านุ่มนวลหากแฝงความคมเข้มไว้ รูปงามไม่เป็นสองรองใคร
เฉียวโม่รับรู้ได้ถึงสายตาของนาง เขาหันไปมองนางอย่างห้ามไม่อยู่
เฉียวเจายิ้มอย่างเปิดเผย “สีหน้าของพี่เฉียวสดชื่นขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าของเฉียวโม่เรียบเฉย “หายป่วยแล้ว สีหน้าย่อมจะสดชื่นเป็นธรรมดา”
เฉียวเจาชะงักฝีเท้า
อันว่าปากคนยาวกว่าปากกา เฉียวโม่ไม่ต่อบทสนทนานี้ เพียงบอกด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “คุณหนูหลีมีวิชาแพทย์สูงส่ง เชิญตรวจอาการให้กวนจวินโหวเถอะ”
เฉียวเจาเม้มปากแน่น
“คุณหนูหลี?”
“ได้ ข้าจะไปตรวจเขา” นางตวัดสายตามองเฉียวโม่แล้วหมุนกายเดินฉับๆ ไปหาเซ่าหมิงยวน
เฉียวโม่นิ่งขึงไป ดวงตาที่มองเขาเมื่อครู่นี้ของคุณหนูหลี แม้ว่าจะกวาดผ่านแวบเดียว แต่ดูเหมือนเขาจะเห็นประกายน้ำวาวๆ ในนั้น
คุณหนูหลีร้องไห้แล้ว?
แต่ว่าเขาอย่างมากก็แค่แสดงท่าทางเย็นชาขึ้นบ้าง นางไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้กระมัง
จะว่าไปแล้วเขาซาบซึ้งใจคุณหนูหลี ทว่าเขายอมรับไม่ใคร่ได้ที่เด็กสาวผู้หนึ่งจะบีบคั้นจนท่านป้าสะใภ้ใหญ่ของเขาเสียสติไปโดยไม่สะทกสะท้านเช่นนี้
ไม่ว่าท่านป้าสะใภ้ใหญ่จะทำเรื่องใดไว้ สมควรรับโทษทัณฑ์อย่างไร นี่ล้วนเป็นเรื่องที่เขากับครอบครัวท่านตาต้องหารือกัน มิใช่ให้คนนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อย่างคุณหนูหลียื่นมือเข้ามายุ่ง
เพียงเพราะความเกี่ยวข้องกับท่านหมอเทวดาหลี่ คุณหนูหลีก็แก้แค้นให้แล้วตอนเขายังไม่ฟื้นสติ ถึงแม้จะมาจากเจตนาดี ก็ออกจะ…ยุ่งไม่เข้าเรื่องเกินไป
คุณชายเฉียวคิดคำนึง ท่าทีของเขาเย็นชาไปบ้างเพื่อจะให้วันหน้าคุณหนูหลีใคร่ครวญให้ดีก่อนทำอะไร ไม่ใช่เรื่องปกติมากหรือ
แม่นางน้อยถึงกับร้องไห้ต่อหน้าเขา แต่ใจเขากลับรู้สึกผิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
นี่มันเรื่องอะไรกันเล่า
เฉียวโม่มองตามแผ่นหลังของเฉียวเจาเงียบๆ เขารำพึงในใจ
คุณหนูหลีจะละม้ายเจาเจาสักเท่าใด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่น้องสาวของข้า
เฉียวเจาอารมณ์ไม่ค่อยดี พอเห็นสภาพของเซ่าหมิงยวนก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีมากขึ้น
ความในใจของเจ้าคนผู้นี้หนักอึ้งปานใดกันแน่ถึงทรมานร่างกายตนจนกลายเป็นเช่นนี้
เดิมทีเขายังต้านทานพิษไอเย็นในตัวได้อีกสองสามปี รอท่านปู่กลับมาขับออกให้พอดี แต่ตอนนี้มันแทรกซึมเข้าสู่หัวใจแล้ว นางจำต้องลงมือเอง
ทว่าคิดจะถอนพิษไอเย็นในหัวใจต้องเปลือยกายท่อนบนน่ะสิ
แม่นางเฉียวทอดอาลัยในชีวิตเสียแล้ว