หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 258
บทที่ 258
เซ่าหมิงยวนจับผ้าห่มแน่นขึ้น
เฉียวเจากล่าวเสียงเนิบนาบ “ข้าขอเตือนแม่ทัพเซ่าสักคำ ถ้าท่านปัดโดนเข็มเงินข้างใต้อกหลุดออกก็จะกลับไปหมดสติดังเดิมอีกครั้ง”
เซ่าหมิงยวนก้มหน้าโดยไม่ทันคิด เขาไม่รู้สึกว่ามีเข็มเงินอยู่บนตัว เพราะขณะนี้อวัยวะภายในทุกส่วนล้วนกำลังเจ็บปวดอยู่
เห็นเหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผากเขา เฉียวเจาลอบถอนใจเบาๆ
ที่แท้เขายังรู้จักเจ็บ
นางนึกว่าได้เจอกับคนที่หนังทองแดงกระดูกเหล็ก พิษไอเย็นแทรกซึมเข้าหัวใจยังมีกำลังวังชาแย่งผ้าห่มกับนาง
“ท่านแม่ทัพเป็นคนป่วย ข้าเป็นหมอ ในเวลาอย่างนี้ ในสายตาของหมอไม่แบ่งชายหญิง หวังว่าแม่ทัพเซ่าจะเข้าใจได้เจ้าค่ะ”
โกหก!
เฉินกวงที่นั่งยองๆ อยู่หน้าประตูแอบแย้งขึ้นในใจ เมื่อครู่เขาปลดสายคาดเอวของท่านแม่ทัพ คุณหนูสามยังเอ็ดใส่เขาอยู่เลย ตอนนี้ถึงกับโกหกท่านแม่ทัพว่าไม่แยกแยะชายหญิง
“อาการจากพิษไอเย็นของข้าเคยเชิญท่านหมอมาตรวจหลายคน พวกเขาล้วนหมดทางจะรักษาได้” เซ่าหมิงยวนบอกกล่าว
แดนเหนืออากาศหนาวจัด หมอที่นั่นย่อมช่ำชองเรื่องโรคภัยที่เกิดจากความหนาวเย็นมากกว่าหมอทางเมืองหลวง เรื่องที่พวกเขายังบอกว่าสุดปัญญา คุณหนูหลีสามารถทำได้หรือ
อีกอย่างถึงคนป่วยในสายตาผู้เป็นหมอจะไม่แยกแยะชายหญิง แต่เขาไม่ใช่หมอ เขาเป็นคนป่วย…
เขาไม่อยากให้วันหน้าพบหน้าคุณหนูหลีก็จะคิดถึงเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนในวันนี้
“แต่หมอเหล่านั้นล้วนมิใช่ข้าเจ้าค่ะ” เฉียวเจาเห็นเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง สุดท้ายก็ใจอ่อนลงหลายส่วน นางพูดอ้อนวอน “พิษไอเย็นในตัวท่านแทรกซึมเข้าชีพจรหัวใจ จะประวิงเวลาอีกไม่ได้ หรือว่าท่านไม่ถนอมร่างกายของตนเลยสักนิดเจ้าคะ”
เห็นเซ่าหมิงยวนยังไม่ปริปาก เฉียวเจาเน้นเสียงหนักขึ้น “มีชีวิตอยู่ไม่ถึงหนึ่งปี ท่านก็ไม่แยแสหรือ”
“ข้า…” เซ่าหมิงยวนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
แยแสหรือไม่? ใครบ้างเล่าจะไม่แยแสชีวิตตน
แต่บางครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่แบกรับมาตลอดหลายปีนี้ เขารู้สึกอ่อนล้าเหลือประมาณ
เฉียวเจาหลุบตาลง “ในเมื่อแม่ทัพเซ่าไม่แยแส แต่อย่างไรก็ต้องมีบางคนห่วงใยท่าน ฉะนั้นเพื่อไม่ให้คนที่ห่วงใยท่านต้องเสียใจ แม่ทัพเซ่าอย่าดึงดันจะดีกว่านะเจ้าคะ”
เฉินกวงพยักหน้าแรงๆ คุณหนูสามพูดได้ดีเหลือเกิน หากท่านแม่ทัพล้มลง พวกเขาจะทำอย่างไร
ติดตามท่านแม่ทัพถึงจะมีเนื้อกิน ได้สู้รบ ดื่มสุราฤทธิ์แรงที่สุด หาความสุขกับหญิงสาวแสนงาม…เฮ้อ เรื่องหลังสุดยังไม่เป็นความจริงเลย!
เซ่าหมิงยวนคลายมือออกเงียบๆ
เฉียวเจาโยนผ้าห่มแพรที่เกะกะขวางทางไว้ด้านข้าง เห็นเข็มตรงใต้อกชายหนุ่มยังไม่หลุดหล่น เรียวคิ้วงามคลายออก นางโน้มตัวไปฝังเข็มเล่มที่สอง
เข็มเงินถูกปักถี่ๆ เรียงวนรอบทรวงอกของชายหนุ่ม เฉียวเจาพูดอธิบาย “วันนี้จะไล่พิษไอเย็นที่แทรกเข้าหัวใจให้ออกไปอยู่ที่จุดอื่นก่อน”
นางอยู่ใกล้มาก ทั้งประสาทสัมผัสของผู้ฝึกยุทธ์ยังเฉียบไว เซ่าหมิงยวนรับรู้ถึงลมหายใจของเด็กสาวที่พ่นรดใส่หน้าอกได้ชัดเจน ยังมีปลายผมที่ไล้ผ่านผิวเนื้อทีแล้วทีเล่า
ร่างกายของเขาเย็นเฉียบจึงรู้สึกถึงไออุ่นจากปลายนิ้วของเด็กสาวได้มากขึ้น
เซ่าหมิงยวนไม่เปล่งเสียงพูด เบนสายตาออกอย่างกระดากกระเดื่อง
เขามองปราดเดียวก็เห็นเฉินกวงตรงหน้าประตูยกมือกุมสองแก้มพลางชำเลืองมองมาด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจแล้วอดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้
อื้อ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนานแล้ว อีกเดี๋ยวฝึกซ้อมกับเฉินกวงก็ได้
เฉียวเจาฝังเข็มเล่มสุดท้ายแล้วคลายใจลงได้เล็กน้อย ตั้งท่าจะพูดก็เหลือบเห็นสองหูของเซ่าหมิงยวนแดงก่ำ นางนิ่งงันไปอย่างช่วยไม่ได้
คนผู้นี้…อายอยู่หรือ
เดิมทีในใจของแม่นางเฉียวสงบนิ่งเฉย ครั้นประจักษ์ได้ว่าเซ่าหมิงยวนกำลังขัดเขิน ซ้ำเบื้องหน้ายังเป็นแผงอกกว้างล่ำสันก็หน้าร้อนผะผ่าวอย่างไร้สาเหตุ นางเลื่อนสายตาลงล่างก็มองเห็นกล้ามเนื้อท้องครัดเคร่งเป็นมัดๆ ของชายหนุ่มทันใด
เพราะอะไรตรงนี้เป็นเช่นนี้นะ ดูแตกต่างจากสตรีถึงเพียงนี้
นิสัยอยากรู้อยากเห็นกำเริบขึ้น เฉียวเจาลืมความตะขิดตะขวงใจ นิ่งมองอย่างเผลอตัวไปชั่วขณะ
เซ่าหมิงยวนกลั้นหายใจ ตัวแข็งเกร็งไปหมด อุ้งมือมีเหงื่อซึมออกมาในชั่วอึดใจ
คุณหนูหลี นาง…มองอะไรอยู่
ว่าแล้วเชียว เช่นนี้มันน่ากระอักกระอ่วนใจเกินไปแล้ว!
เซ่าหมิงยวนอดขุ่นเคืองตนเองไม่ได้ที่เมื่อครู่นี้มิได้ยืนกราน ทว่าเสี้ยวเวลาที่หมิ่นเหม่เฉกนี้ แม้แต่อากาศรอบตัวยังละม้ายมีเปลวไฟที่มองไม่เห็นไหลวนอยู่ ทำให้เขาไม่กล้าผลีผลามอ้าปากพูด
แสร้งทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แม่ทัพเซ่าคิดคำนึงในใจ แต่ว่า…คุณหนูหลีมองดูเป็นเวลานานเกินไปแล้วหรือไม่
เหงื่อบนหน้าผากซึมออกมามากขึ้นๆ จนไหลหยดลงบนหน้าท้องพอดี ประหนึ่งเม็ดฝนวสันต์อันซุกซนหยดลงกระทบผืนดินแข็งกระด้างหลังผ่านฤดูหนาวที่เย็นเยือกยาวนาน ปลุกสรรพสิ่งที่หลับใหลอยู่ให้สะดุ้งตื่นขึ้น
เฉียวเจาหลุดจากภวังค์ ในใจนางนึกกระดาก ทว่าไม่แสดงออกทางสีหน้าใดๆ “อื้อ พิษไอเย็นไม่แพร่กระจายมาถึงตรงนี้”
เซ่าหมิงยวนเงียบงัน นานครู่ใหญ่แม่ทัพหนุ่มจึงเอ่ยปากถาม “จะเสร็จได้เมื่อไรหรือ”
“ยังต้องรออีกประเดี๋ยว แม่ทัพเซ่าอย่าเพิ่งพูด รอเล็บของท่านเปลี่ยนเป็นสีเขียวก็ดึงเข็มออกได้”
เซ่าหมิงยวนรู้สึกได้ว่าความเย็นที่วนเวียนอยู่ตรงกลางอกบรรเทาลงมาก เขาจึงกะพริบตาเป็นเชิงว่า ‘เข้าใจแล้ว’
แม่นางเฉียวเลื่อนสายตาไปตรงกล้ามเนื้อท้องของแม่ทัพหนุ่มอีกครา
ฉะนั้นตรงนั้นคงจะแข็งๆ ใช่หรือไม่
เซ่าหมิงยวนเหลือบตาขึ้นมองเหนือศีรษะให้รู้แล้วรู้รอด เขาอดคิดมากไม่ได้อยู่ร่ำไป ต้องเป็นเขาที่ตื้นเขินเกินไปแน่นอน ไม่อาจเข้าใจถึงเมตตาจิตตามประสาผู้เป็นแพทย์ของคุณหนูหลี
เวลาล่วงผ่านไปอย่างเชื่องช้า สำหรับเซ่าหมิงยวนแล้วแต่ละเค่อๆ ล้วนยาวนานเป็นพิเศษ ส่วนคนอื่นๆ ที่รออยู่นอกห้องก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“ตกลงว่าคุณหนูหลีช่วยถอนพิษไอเย็นให้ถิงเฉวียนด้วยวิธีใดกันแน่ นานปานนี้แล้วไฉนยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย” หยางโฮ่วเฉิงเป็นคนใจร้อน เขายืนอยู่ตรงระเบียงยาวชะเง้อชะแง้ไปทางประตูห้องบ่อยๆ
“เลิกบ่นได้แล้ว น่ารำคาญ” ฉือชั่นพูดเสียงกระด้าง
แม่นางน้อยนั่นทำอะไรอยู่ข้างใน นางถอนพิษให้เซ่าหมิงยวนได้จริงๆ หรือ ฮึ มีอะไรถึงให้ใครรบกวนไม่ได้ ข้าไม่ได้พูดพล่ามแบบหยางเอ้อร์สักหน่อย!
ขณะทุกคนที่รออยู่ข้างนอกคิดกันไปต่างๆ นานา พลันได้ยินคนส่งเสียงรายงาน “ท่านโหวมาแล้ว”
ท่านโหว?
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปก็เห็นบุรุษวัยกลางคนเรือนกายผ่ายผอมผู้หนึ่งสาวเท้าเข้ามา
พวกฉือชั่นสบตากันไปมา
จิ้งอันโหวมาได้อย่างไรกัน
ชั่วพริบตาเดียวจิ้งอันโหวก็เดินมาถึงใกล้ๆ
“ท่านโหว” ต่อให้เป็นฉือชั่นที่นิสัยไม่อยู่กับร่องกับรอย เมื่อพบจิ้งอันโหวแล้วยังคงกล่าวทักทายอย่างให้เกียรติมากในฐานะบิดาของเซ่าหมิงยวน
จอนผมสองข้างของจิ้งอันโหวมีผมขาวแซมประปราย ดวงตาสีดำสนิทแฝงแววเจนโลก เขาพยักหน้าเป็นการทักทายตอบพวกเขาแล้วถามไถ่ขึ้น “หมิงยวนล่ะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
“ถิงเฉวียนอยู่ในห้องนั้นขอรับ หมอกำลังรักษาอาการให้อยู่”
จิ้งอันโหวย่างเท้าไปทางหน้าประตูห้องสองก้าว
“หมอฝังเข็มอยู่ เวลานี้เกรงว่าไม่เหมาะจะรบกวนขอรับ” ฉือชั่นเปล่งเสียงบอก
“ไม่รู้ว่าเป็นหมอที่เชิญมาจากที่ใดหรือ”
หยางโฮ่วเฉิงได้ยินแล้วลอบร้อนใจแทนเฉียวเจา เผอิญเขาไม่มีปฏิภาณไหวพริบอะไรเลยมองไปทางฉือชั่นอย่างช่วยไม่ได้
“เป็นหมอที่องครักษ์ของถิงเฉวียนเชิญมาขอรับ” ฉือชั่นตอบคำถามของจิ้งอันโหวแบบเลี่ยงๆ ได้อย่างแยบคาย
อายุยังน้อยก็กระอักเลือดเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเอาการอยู่ จิ้งอันโหวยังไม่วางใจดุจเก่า เขาซักถามต่อ “องครักษ์ที่เชิญหมอมาล่ะ”
“เอ่อ…เป็นลูกมือให้ท่านหมออยู่ในห้องขอรับ”
หยางโฮ่วเฉิงแอบชูนิ้วโป้งให้ฉือชั่น
ฉือชั่นกลับกลอกตาขึ้น
จะชูนิ้วโป้งด้วยเหตุใด ดูทีท่านี้ของจิ้งอันโหวแล้วต้องรอต่อไปแน่ ประเดี๋ยวเห็นแม่นางน้อยออกมาจากห้องของเซ่าหมิงยวน นั่นต่างหากถึงจะสนุกครึกครื้นกันล่ะทีนี้