หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 259
บทที่ 259
ภายในห้อง เฉียวเจาลุกขึ้นกะทันหัน
เซ่าหมิงยวนตาเป็นประกาย รู้สึกคล้ายว่าจะหมดทุกข์หมดโศกแล้ว
ในที่สุดก็เสร็จเสียที!
แม่นางเฉียวเดินไปข้างโต๊ะรินน้ำถ้วยหนึ่ง จากนั้นถือมันไว้ด้วยสองมือกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
เซ่าหมิงยวนอึ้งงัน “…” เพราะอะไรถึงมีเด็กสาวอย่างนี้
แม่นางเฉียวดูจนพอใจแล้วก็วางท่าสุขุมมาก นางพูดปลอบใจเขา “แม่ทัพเซ่าไม่ต้องร้อนใจ”
เซ่าหมิงยวนหลับตาลง
ลองให้คนอื่นมาเปลือยกายท่อนบนต่อหน้าสตรีที่ไม่นับว่าคุ้นเคยกันนางหนึ่งดูสิ ไม่ร้อนใจก็แปลกแล้ว
ไม่สิ ถึงคุ้นเคยกันก็ไม่ได้!
ยังดีที่เวลานี้มีข่าวลือว่าข้าหมดน้ำยาแพร่กระจายอยู่ข้างนอก คุณหนูหลีคงจะคิดเช่นนี้เช่นกันกระมัง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แม่ทัพหนุ่มอดรู้สึกโชคดีไม่ได้ ทว่าหลังจากนั้นก็ชักฉงนใจตงิดๆ
หรือว่าเป็นเพราะอย่างนี้ คุณหนูหลีถึงทำตัวตามสบายได้เฉกนี้
เซ่าหมิงยวนพลันคับอกคับใจขึ้นมาอีก
“ได้แล้ว” เฉียวเจาวางถ้วยน้ำลงแล้วยื่นมือไปจับมือเซ่าหมิงยวน
เขาอยากดึงมือคืนตามสัญชาตญาณแต่กลับถูกจับแน่นขึ้น
“อย่ายุกยิก” เด็กสาวมีสีหน้าเคร่งขรึม นางพูดสั่งสอน “ตอนนี้ท่านเป็นคนป่วย ไม่เชื่อฟังคำพูดของหมอได้เช่นไร”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบหลุบตาลง
เฉียวเจาหยิบเข็มเงินส่องประกายแวววาวเล่มหนึ่งขึ้นและเอ่ยเตือน “เอาเข็มแทงเข้าไปในเล็บค่อนข้างเจ็บ แต่นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เพราะต้องเจาะเอาพิษไอเย็นที่แทรกเข้าหัวใจออกมาถึงจะดึงเข็มรอบอกท่านออกได้”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่า ‘เข้าใจแล้ว’
“เช่นนั้นข้าจะเริ่มแล้วนะ ห้ามขยับเด็ดขาด ถ้าเจ็บจนทนไม่ไหว…” เฉียวเจานิ่งคิดแล้วหยิบผ้าสะอาดผืนหนึ่งในแขนเสื้อขยำเป็นก้อนกลมยัดใส่ปากชายหนุ่ม “อื้อ เท่านี้ก็เรียบร้อย”
เซ่าหมิงยวนซึ่งมีผ้ายัดปากอยู่ทำสีหน้าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
เขาไม่เคยทนเจ็บเช่นใดมาบ้าง เข็มแทงเข้าเล็บจะสักเท่าไรกันเชียว คุณหนูหลีทำเช่นนี้เหมือนเด็กน้อยเกินไปจริงๆ
กระนั้นไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด ส่วนลึกในใจของเขามีกระแสอุ่นผ่าวๆ ไหลรินผ่าน
เฉียวเจาชายตามองเขาพลางกล่าวเสียงเรียบ “แม่ทัพเซ่าอย่านึกว่าความเจ็บเช่นนี้ไม่นับว่ามีอะไร สิบนิ้วเชื่อมใจ เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าบาดแผลจากดาบหรือกระบี่อีก”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าน้อยๆ เป็นคำรบที่สองบ่งบอกว่า ‘น้อมรับคำสั่งสอน’
“เฉินกวง ช่วยหยิบผ้านุ่มๆ อุ่นๆ มาให้ข้าสักสองผืน”
“ได้ขอรับ!” เฉินกวงลุกขึ้นยืนอย่างคึกคักราวกับดื่มยาชูกำลัง เขาเดินเลี้ยวเข้าไปด้านหลังฉากกั้นเอาผ้าเนื้อนุ่มสะอาดผืนหนึ่งชุบน้ำร้อนจนเปียกชุ่ม บิดจนแห้งแล้วนำไปให้เฉียวเจา
นางใช้มือหนึ่งจับนิ้วมือของเซ่าหมิงยวน อีกมือหนึ่งถือเข็มเล็งตรงปลายนิ้วระหว่างเนื้อกับเล็บแล้วแทงลงไป
ถึงเคยประสบผ่านการเข่นฆ่านองเลือดในสมรภูมิมาแล้ว เฉินกวงยังเบือนหน้าหนีอย่างทนดูไม่ได้
ทว่าสีหน้าของเซ่าหมิงยวนเรียบเฉย แววตาไร้รอยกระเพื่อมไหว
ยามเข็มเงินแทงลงมา กล้ามเนื้อทั้งสรรพางค์กายของชายหนุ่มเขม็งตึงในพริบตา แต่นิ้วมือไม่สั่นกระตุกแม้เพียงนิด
เฉียวเจาตวัดสายตามองเขาอย่างอดใจไม่อยู่
คนป่วยเยี่ยงนี้ช่างทำให้หมอเบาแรงจริงๆ
เพื่อย่นเวลาที่เซ่าหมิงยวนต้องเจ็บปวดทรมาน เฉียวเจาลงมืออย่างว่องไว ไม่นานนักก็เจาะเลือดให้เขาครบทั้งสิบนิ้ว
หยดโลหิตซึมออกมาจากซอกเล็บช้าๆ เพิ่งจับตัวกันก็กลายเป็นน้ำแข็งสีแดงคล้ำเกาะอยู่ตรงปลายนิ้ว
“ผ้านุ่มๆ” เฉียวเจายื่นมือไปโดยไม่เงยหน้าขึ้น เฉินกวงรีบวางผ้าผืนหนึ่งบนมือนาง
เด็กสาวก้มหน้าเอาผ้าอุ่นจัดบรรจงเช็ดคราบเลือดบนปลายนิ้วชายหนุ่มออกอย่างถี่ถ้วน
เซ่าหมิงยวนมองนางเงียบๆ
“เสร็จแล้ว” เฉียวเจาผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นโยนผ้าเนื้อนุ่มกลับไปที่มือเฉินกวง นางช้อนตาขึ้นมองเขา “รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
แม่ทัพเซ่าที่มีผ้าอุดปากอยู่กะพริบตาปริบๆ
ตกลงว่าเอาผ้าออกได้หรือยัง
เฉียวเจาคลายยิ้มยื่นมือไปหยิบผ้าออก นางโน้มตัวไปพลางบอกเสียงนุ่มนวล “ข้าดึงเข็มออกให้ท่าน”
ปลายผมของนางไล้ผ่านแผงอกอีกครา เขารู้สึกจั๊กจี้อยู่บ้าง
เซ่าหมิงยวนไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีผู้หนึ่งถึงเพียงนี้มาก่อน เขามองเห็นใบหูสมส่วนได้รูปของนางรวมถึงไรขนเล็กละเอียดบนนั้นได้อย่างชัดเจน ยังมีต่างหูทรงดอกติงเซียงขนาดเล็กตรงติ่งหูด้วย
ต่างหูดอกติงเซียงทำด้วยเงิน เรียบง่ายจนชวนให้ทอดถอนใจ
เซ่าหมิงยวนอดคิดไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้ข้ามอบเงินหยวนเป่าหนึ่งกล่องกับแผ่นทองคำพับหนึ่งหีบให้คุณหนูหลีไม่ใช่หรือ หรือว่าจะน้อยเกินไป
อืม ค่ารักษาของหนนี้ต้องมอบให้เป็นก้อนโตมากขึ้นจึงจะดี
พอปลายนิ้วนุ่มนิ่มอุ่นร้อนของเด็กสาวแตะลงบนผิวกาย เซ่าหมิงยวนก็แข็งเกร็งไปทั้งตัว
เฉียวเจาเหลือบตาขึ้นมองเขา พลางพูดปลอบว่า “ครั้งนี้ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกหัวหมุนคว้าง ดูเหมือนว่าความคิดอ่านช้าลงกว่าปกติอย่างมาก แต่ถ้อยคำที่ดังอยู่ข้างใบหูนั่นแจ่มชัดสุดจะเปรียบว่า ‘ครั้งนี้ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ’
จากวัยเด็กสู่วัยแรกรุ่นจนมาถึงทุกวันนี้ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในลานฝึกยุทธ์ของจวนโหวก็ใช้เวลาอยู่กลางสนามรบที่แดนเหนือ ทว่าไม่มีสักคนหนึ่งเคยพูดกับเขาว่า ‘เจ็บอยู่บ้าง อดทนสักนิด’ หรือ ‘ครั้งนี้ไม่เจ็บแล้ว…’
นี่เขาถึงกับได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของเด็กสาวที่ยังไม่เติบใหญ่เต็มที่นางหนึ่ง
กว่าเซ่าหมิงยวนจะดึงความคิดคืนมา เฉียวเจาก็ดึงเข็มเงินออกหมดแล้ว นางรับผ้านุ่มสะอาดอีกผืนหนึ่งจากมือเฉินกวงมาเช็ดหน้าอกของเขา
เซ่าหมิงยวนเพียงรู้สึกว่าพอผ้าอุ่นจัดผืนนั้นสัมผัสกับตัวเขาละม้ายมีไฟแผดเผาอยู่ เขาพูดเสียงพร่า “เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนคุณหนูหลี ให้เฉินกวงทำเถอะ”
คราวนี้เฉียวเจามิได้ทักท้วง นางคืนผ้าเนื้อนุ่มให้เฉินกวงพร้อมพูดกำชับ “เช็ดตัวให้แม่ทัพเซ่าซ้ำๆ จนกระทั่งผิวเป็นสีแดงเรื่อๆ ค่อยสวมอาภรณ์”
“ขอรับ” เฉินกวงไม่กล้าพูดออกมาซึ่งหน้า ได้แต่ลอบถอนใจด้วยความเสียดายไม่หยุด เขารับผ้ามาเช็ดตัวเซ่าหมิงยวนอย่างเชื่อฟัง
ฝ่ายเฉียวเจาเดินไปล้างมือที่ด้านหลังฉากกั้น
รอเมื่อนางย้อนกลับมาอีกที เซ่าหมิงยวนก็สวมเสื้อตัวบนเรียบร้อย
แม่นางเฉียวไล่สายตาลงล่างไปหยุดอยู่ตรงหน้าท้องของเขาอย่างห้ามไม่อยู่ นางรำพึงในใจ อืม สวมอาภรณ์แล้วมองไม่ออกโดยสิ้นเชิง
ครั้นสังเกตเห็นจุดที่สายตาของนางจับจ้องอยู่ เซ่าหมิงยวนพลันหน้าร้อนผ่าวตามสัญชาตญาณ เขากระแอมกระไอเสียงหนึ่งก่อนกล่าว “วันนี้ต้องขอบคุณคุณหนูหลีเป็นอันมาก”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ใบหน้าของเฉียวเจาประดับรอยยิ้ม จับความรู้สึกใดๆ ที่ผิดแผกไปไม่ออก
เซ่าหมิงยวนลอบละอายใจ คุณหนูหลีต่างหากคือผู้เป็นหมออย่างแท้จริง ถึงสงบเยือกเย็นเช่นนี้ ส่วนเขากลับยึดติดกับธรรมเนียมชายหญิงต่างกัน ช่างน่าละอายที่ตนเองเทียบไม่ได้โดยแท้
“คุณหนูหลี วันนี้ทำให้ท่านเสียเวลาไปไม่น้อย ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ข้าให้เฉินกวงรีบส่งท่านกลับไปจะดีกว่า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างงามเป็นการขอบคุณในวันหน้าอย่างแน่นอน”
เฉียวเจาเลิกคิ้วขึ้น คนผู้นี้ถึงฝั่งแล้วถีบหัวเรือส่งเร็วเกินไปแล้วกระมัง นางยังไม่ทันหยุดพักหายใจก็จะไล่คนแล้วรึ “แม่ทัพเซ่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขอบคุณ วันพรุ่งนี้ข้ายังต้องมาอีก”
“ยังต้องมาอีก?” เซ่าหมิงยวนใจหล่นวูบ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่รางๆ
เฉียวเจาผงกศีรษะ “ถูกต้อง แม่ทัพเซ่าคงไม่ได้นึกว่าครั้งเดียวก็จะถอนพิษไอเย็นได้แล้วกระมัง วันนี้แค่ขับพิษส่วนที่แทรกเข้าหัวใจออกมาเท่านั้น ทว่าพิษไอเย็นฝังลึกอยู่ในตัวท่าน อารมณ์พลุ่งพล่านเพียงเล็กน้อย พิษไอเย็นพวกนั้นจะแทรกซึมเข้าสู่หัวใจอีก ซ้ำร้ายจะเป็นอันตรายมากขึ้นทุกครั้ง ข้าตั้งใจจะถอนพิษในตัวท่านออกให้หมดจด กำจัดเภทภัยที่จะตามมาในภายหลังเจ้าค่ะ”
“แล้วต้องฝังเข็มกี่ครั้งหรือ”
“จำนวนครั้งในการฝังเข็มจะกำหนดตามสภาพร่างกายของท่าน จะถอนพิษไอเย็นให้หมดจดน่าจะต้องครึ่งปีกระมัง”
ฉะนั้นก่อนหน้านี้นางถึงไม่ยอมรับงานที่ตึงมือนี้ไว้มาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นว่าถึงคนผู้นี้ทนทรมานต่อไปก็คงรอท่านปู่หลี่กลับมาไม่ทันอยู่ดี ในเมื่อนางเริ่มต้นแล้วคงได้แต่รับผิดชอบให้ถึงที่สุด
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปนานก่อนถามขึ้น “ทุกครั้งต้องทำอย่างวันนี้หรือ”