หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 26
พี่ชิงอวิ๋นเชิญนั่งเจ้าค่ะ เฉียวเจาไม่ได้ลุกขึ้น ทว่ากล่าววาจาอย่างมีมารยาทมาก
ชิงอวิ๋นประหลาดใจอยู่บ้าง มองเฉียวเจาซ้ำอีกคราแล้วแสดงคำนับกล่าวขึ้น มิบังอาจ ข้านำความของท่านฮูหยินผู้เฒ่ามาบอกเจ้าค่ะ
เฉียวเจารับฟังชิงอวิ๋นบอกความต่อด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ไม่ต้องคารวะยามเช้า ไม่ต้องไปสำนักศึกษา นี่คือวันหน้าไม่อนุญาตให้ข้าออกนอกเรือนหรือ…
แคว้นต้าเหลียงในยุคนี้ไม่เคร่งครัดขนบธรรมเนียมโบราณนัก สตรีไม่ถูกห้ามออกไปข้างนอก แม้เป็นหญิงสาวยังไม่ออกเรือนหากอยากไปตลาดเดินซื้อของ เพียงบอกกล่าวให้ผู้อาวุโสรับทราบ แล้วสาวรับใช้ทั้งสาวและแก่ตามไปด้วยก็ได้แล้ว
เฉียวเจาเป็นคนนิ่งขรึม ไม่ใคร่สนใจการไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ รวมถึงไปเดินเล่นชมตลาด แต่นางไม่ออกจากเรือนไม่ได้
หากถูกเก็บตัวไว้ในเรือนเหมือนโดนขังกรง แล้วนางจะพบหน้ากับพี่ใหญ่อย่างไรดี
รบกวนพี่ชิงอวิ๋นเรียนให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบด้วยว่าข้าเข้าใจแล้ว อีกสักพักไว้ข้าคัดลอกพระธรรมเรียบร้อยแล้วจะนำไปมอบให้ท่าน
ชิงอวิ๋นไปแล้ว ในห้องนอกจากเฉียวเจาแล้วเหลือแต่อาจู
นางยังไม่กลับไปห้องของตนเอง เพราะสาวใช้ที่ดูแลรับใช้หลีเจาในกาลก่อนยังไม่มาปรากฏตัวตรงหน้า
อาจู นวดขมับให้ข้าที
เจ้าค่ะ อาจูขานตอบคำหนึ่งแล้วเดินอ้อมไปข้างหลังเฉียวเจา
เฉียวเจาเอี้ยวคอไต่ถามนาง ทำเป็นหรือไม่
นางจับมือของอาจูมาแตะตรงหว่างคิ้วของตนเอง เริ่มกดนวดจุดอิ้นถังตรงกึ่งกลางหว่างคิ้วจากบนลงล่าง…ถูกต้อง ระวังน้ำหนักมือ…
จบท่านวดชุดหนึ่ง เฉียวเจาถามอาจูต่อ จำได้แล้วใช่หรือไม่
อาจูทำหน้าเหลอหลา … คุณหนูชอบพูดล้อเล่นจริงๆ
แม้ว่าสาวใช้จะโง่เขลาไปสักหน่อย (เฉียวเจาตัดสินเอาจากสามัญสำนึกของตน) แต่นางไม่ใจร้อน จับมืออาจูแล้วแสดงให้ดูอีกรอบหนึ่ง
อุ้งมือของอาจูมีเหงื่อออกไม่หยุด
อย่าตื่นเต้น ทำไม่เป็นก็ค่อยๆ ฝึกได้ ไม่ยากเลย
อาจูได้ยินถ้อยคำแรกของคุณหนูตนแล้วถอนใจโล่งอก แต่พอฟังถึงคำสุดท้ายก็หลั่งเหงื่อมากขึ้นอีก
เฉียวเจาจำต้องยอมแพ้ ไปล้างมือก่อนเถอะ วันหน้าข้าค่อยสอนเจ้าอีกที
อาจูไปล้างมือด้วยท่าทางเหมือนได้รับอภัยโทษ ด้านเฉียวเจายกนิ้วมือนวดขมับไปมา
อันว่าความสำเร็จอยู่ที่คน นางจำเป็นต้องหาทางออกจากสถานการณ์ที่ถูกกักขังไว้นี้ให้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มต้นจากคัดลอกพระธรรมก่อนเถอะ ใกล้ถึงวันประสูติของพุทธองค์แล้ว
ไม่นานนักอาจูก็กลับมาแล้วพบว่าคุณหนูหลับไปแล้ว
เด็กสาวหลับตาพิงหมอนอิง แพขนตายาวเฟื้อยหลุบลงปิดทอดเงาดำเป็นแนว พาให้สีหน้าดูอิดโรยอยู่หลายส่วน
อาจูอดบีบมือตนเองไม่ได้ คุณหนูเหน็ดเหนื่อยอย่างนี้ เมื่อครู่ยังอดทนสอนนางเช่นนั้น ไฉนนางโง่เขลาปานนี้นะ
อาจูตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะฝึกท่ากดนวดจุดชุดนั้นให้เป็นโดยเร็ว นางเอาผ้าห่มผืนบางห่มให้เฉียวเจาอย่างเบาไม้เบามือ
ยามนี้เองกลิ่นหอมลอยเข้ามา ตามด้วยเสียงเบิกบานของเหอซื่อ เจาเจา อาหารเสร็จแล้ว เจ้ารีบ…
พอเข้าห้องมาเห็นภาพนี้ เสียงพูดของเหอซื่อหยุดชะงักไป แต่เฉียวเจาลืมตาขึ้นแล้ว
อาหารเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังหิวจนนอนไม่หลับ
เหอซื่อกุลีกุจอยกอาหารจัดวางบนโต๊ะ นางคีบหัวสิงโตราดน้ำแดงชิ้นหนึ่งวางลงในชามเฉียวเจาเองกับมือ พลางกล่าวเสียงนุ่ม เจาเจาลองชิมดูเร็วเข้า นี่เป็นของถนัดของฟางมามาเชียวนะ
เฉียวเจากินคำหนึ่งแล้วพบว่าเนื้อหมูสับนุ่มเนียน หอมกรุ่นเข้มข้นถึงเครื่องตามต้นตำรับแท้ รสชาติอร่อยล้ำแผ่จากปลายลิ้นเอิบอาบซาบซ่านลงไปถึงกระเพาะ อร่อยมากเจ้าค่ะ
ชอบก็ดีแล้ว เจาเจากินให้มากๆ นะ เจ้าซูบลงไปตั้งเยอะ พอเห็นบุตรสาวถูกใจ มิได้แสดงท่าไม่เหลียวแลไยดีดังเช่นแต่ก่อน เหอซื่อถึงรู้สึกโล่งอกไปที
ท่านแม่กินด้วยสิเจ้าคะ เฉียวเจาใช้ตะเกียบกลางคีบหมูก้อนครึ่งชิ้นวางลงในชามมารดา
เหอซื่อนิ่งงันไป รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวอีกคำรบหนึ่ง
เมื่อสองแม่ลูกกินอาหารร่วมกันอย่างอบอุ่นเป็นสุขแบบที่ยากจะเกิดขึ้นตลอดหลายปีมานี้แล้ว เฉียวเจาพาอาจูกลับไปที่เรือนเล็กฝั่งซ้ายของเรือนใหญ่
ส่วนทางเรือนเล็กฝั่งขวาของเรือนหยาเหอเป็นที่พำนักของคุณหนูใหญ่หลีเจี่ยว บุตรสาวของนายท่านใหญ่หลีกวงเหวินที่เกิดกับภรรยาเก่า และก็เป็นคุณหนูที่อายุมากที่สุดของทั้งจวนตะวันออกและจวนตะวันตก ปีนี้นางย่างวัยสิบหกปีแล้ว
เรือนเล็กฝั่งซ้ายจัดเก็บทำความสะอาดใหม่ไว้แต่แรก ทางเดินหินศิลาเขียวแคบๆ ถูกกวาดจนสะอาดเกลี้ยงไม่มีฝุ่นเกาะ ต้นทับทิมในลานเรือนแตกหน่อใหม่แล้ว กอกล้วยริมหน้าต่างเขียวชอุ่มร่มครึ้ม
สาวใช้สามคนวิ่งออกมาต้อนรับ คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ
สองคนเป็นสาวใช้ทำงานต่ำต้อย คนหนึ่งชื่อสือหลิว คนหนึ่งชื่อชิวโอ่ว ส่วนสาวใช้ประจำตัวเพียงคนเดียวชื่อว่าปิงลวี่
เฉียวเจาจำได้ว่าน่าจะมีสาวใช้อีกคนหนึ่งชื่อว่าซวงหง
เหอซื่อที่มาเป็นเพื่อนนางกล่าวไขความกระจ่าง ซวงหงนางตัวดีนั่นปล่อยให้เจ้าหลงทางหายตัวไป ถูกข้าเฉดหัวไปแล้ว
อย่างนั้นก็ให้อาจูแทนที่นางเถอะเจ้าค่ะ
เหอซื่อมองอาจูแวบหนึ่งอย่างไม่ใคร่วางใจ
เฉียวเจารู้ว่านางเป็นห่วงอะไร จึงชี้ไปที่อาจูพลางบอก นางเป็นคนที่หมอเทวดาหลี่มอบให้ข้าเจ้าค่ะ
เหอซื่อหมดความเห็นทันใด
ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ อาจูคำนับเฉียวเจาแล้วยืดตัวขึ้นสบตากับปิงลวี่
ปิงลวี่เบนสายตาออกอย่างดูแคลน พลางแค่นเสียงฮึขึ้นจมูก
ท่านแม่ ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ
เจ้าเองก็เข้านอนแต่หัวค่ำนะ วันนี้แม่จะไม่ให้คนพวกนั้นมากวนใจเจ้า เหอซื่อกลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์
เฉียวเจารู้ว่าคำนี้หมายถึงบุตรชายบุตรสาวคู่นั้นของภรรยาเก่า คุณหนูใหญ่หลีเจี่ยวกับคุณชายสามหลีฮุย
เมื่อต้นปีหลีฮุยเข้าไปเล่าเรียนในสำนักศึกษาหลวง ส่วนพวกคุณหนูของจวนตะวันตกไปที่สำนักศึกษาหญิงในจวนตะวันออกทุกวัน ตอนนี้ล้วนยังไม่เลิกเรียน
เฉียวเจาเข้าใจได้ในที่สุดแล้วว่าเหตุไฉนนายท่านใหญ่สกุลหลีเย็นชากับเหอซื่อถึงเพียงนี้
เดิมทีหลีกวงเหวินมีความรักมั่นคงต่อภรรยาคนแรก อีกทั้งบุตรชายบุตรสาวสองคนที่นางทิ้งไว้ให้ก็ดีเลิศ ขณะที่หลีเจากลับจ้องจับผิดพี่ชายพี่สาวไปเสียทุกเรื่อง ส่วนเหอซื่อคิดแต่จะช่วยบุตรสาว ไม่เก็บงำความไม่พึงใจต่อลูกเลี้ยงทั้งสองคนแม้แต่น้อย หากทำให้สามีพอใจได้ต่างหากเป็นเรื่องแปลก
ดูทีว่าความสัมพันธ์อันย่ำแย่ของสามีภรรยาคู่นี้ มีแม่นางน้อยหลีเจาเป็นตัวการสุมไฟจริงๆ
เฉียวเจาตรากตรำเดินทางมาหลายวัน นางแช่น้ำร้อนชำระกายจนหนำใจแล้วถึงเอนกายลงบนเตียงนอนหลับไป
ท้องนภามืดสลัวลงทีละน้อย แสงสนธยาแผ่คลุมไปทั่วผืนฟ้า
เซ่าหมิงยวนก้าวออกจากประตูวัง เพียงรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งสรรพางค์กาย
องครักษ์ประจำตัวจูงม้ามาให้ เขาเหินกายขึ้นหลังอาชามุ่งหน้าไปยังตรอกชิงเชวี่ยอย่างนิ่งเงียบตลอดทาง
จวนจิ้งอันโหวตั้งอยู่ในตรอกแห่งนี้ มันเคยเป็นคฤหาสน์ธรรมดาๆ หลังหนึ่งอยู่ท่ามกลางหมู่คฤหาสน์ของผู้สูงศักดิ์มากมาย ทว่าเพลานี้เป็นเพราะมีเซ่าหมิงยวนอยู่ ราวกับว่ากระทั่งกระเบื้องหลังคาแก้วสีเขียวก็ล้วนดูเจิดจรัสกว่าหลังอื่น
ประตูใหญ่ของจวนจิ้งอันโหวเปิดรออยู่นานแล้ว เซ่าจิ่งยวน ซื่อจื่อของจิ้งอันโหวนำพาคนทั้งจวนออกมายืนอยู่บนบันได แลเห็นผู้มาถึงแต่ไกลก็รีบก้าวลงบันไดไปต้อนรับ
ตอนเซ่าหมิงยวนพลิกกายลงจากหลังม้า เขาก็เดินมาถึงตรงหน้าแล้ว
พี่ใหญ่
เซ่าจิ่งยวนตบไหล่น้องชาย น้องรองกลับมาแล้วในที่สุด ท่านพ่อท่านแม่รออยู่ด้านใน
เขากวาดตามองเสื้อคลุมไหล่สีขาวปลอดของเซ่าหมิงยวนแล้วไม่พูดอะไรมาก
สองพี่น้องเดินตรงไปที่โถงกลางพร้อมด้วยผู้คนในจวนล้อมหน้าล้อมหลัง
พอเห็นบุรุษวัยกลางคนเรือนกายผ่ายผอมผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูไกลๆ เซ่าหมิงยวนก็เร่งฝีเท้าเข้าไปคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ท่านพ่อ ลูกอกตัญญูกลับมาแล้วขอรับ
ใบหน้าของจิ้งอันโหวดูซีดขาวผิดปกติ เขาโน้มตัวไปประคองบุตรชายให้ลุกขึ้นพลางเอ่ยยิ้มๆ กลับมาก็ดีแล้ว รีบเข้าไป… เขายังพูดไม่จบก็ไออย่างรุนแรง
แววห่วงใยจุดวาบขึ้นในดวงตาเซ่าหมิงยวนทันที
หลายปีก่อนบิดาป่วยหนักอยู่ที่แดนเหนือ กลับมาพักฟื้นที่เมืองหลวงได้สองสามปียังคงไม่กระเตื้องขึ้น เขากลับมาหนนี้ได้เห็นท่าน อาการพิษเย็นถึงกับหนักมากขึ้น
ทุกคนเดินเข้าไปในเรือน
เซ่าหมิงยวนมองปราดเดียวก็เห็นเสิ่นซื่อฮูหยินของจิ้งอันโหวนั่งนิ่งอยู่ตรงเก้าอี้ไท่ซือ นางได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากทางนี้ก็มิได้เหลือบตาขึ้น
หวังซื่อพี่สะใภ้ใหญ่ยืนอยู่ข้างกายนาง
เซ่าหมิงยวนสาวเท้าเข้าไปคุกเข่าลง เสื้อคลุมไหล่สีขาวเกลี้ยงดุจหิมะขาวบริสุทธิ์แผ่ปูเต็มพื้น
หมิงยวนคำนับท่านแม่ขอรับ
สายตาของเสิ่นซื่อมองกวาดผ่านเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์อย่างช้าๆ นางกล่าวเสียงเย็น ไม่กลับมาหลายปี พอมาถึงก็เอาสิ่งอัปมงคลมาให้ข้า!