หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 269
บทที่ 269
“แม่ทัพเซ่าคงไม่รู้ว่าการต้มยาก็พิถีพิถันมาก ทั้งแรงไฟ ปริมาณ รวมไปถึงเวลายกลงจากเตา…”
“ได้”
เฉียวเจานิ่งขึงไป นางยังอธิบายไม่จบก็ตกลงแล้วหรือ
เซ่าหมิงครุ่นคิดในใจ ขอเพียงไม่ร้องไห้ จะเอาอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นแม่ทัพเซ่าสั่งให้คนยกเตาไฟเล็กๆ มาเถอะ”
“ยกมา?”
“ใช่ ข้าตั้งใจจะต้มตรงระเบียงทางเดิน ในห้องครัวร้อนเกินไปเจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนอยากบอกอย่างมากว่าไม่ร้อนเพราะวางอ่างน้ำแข็งในห้องครัวได้ แต่สุดท้ายเขามิได้กล่าวคำใด และสั่งการลงไปตามความต้องการของเฉียวเจา
ระเบียงทางเดินมีลมโกรก เฉียวเจายกม้านั่งตัวหนึ่งมานั่งข้างเตาไฟเล็กๆ เฝ้าหม้อยา นางโบกพัดในมือทีแล้วทีเล่าไปเรื่อยเปื่อยและเริ่มใจลอย
ไอเย็นจางๆ ลอยอวลมา
“คุณหนูหลี ท่านอยู่ห่างจากเตาสักนิดก็ได้” เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลของบุรุษดังขึ้นด้านหลัง
เฉียวเจาหันหน้าไปเห็นเซ่าหมิงยวนยืนอยู่ เรือนกายสูงใหญ่สง่าผึ่งผายเฉกต้นไป๋หยางบดบังแสงแดดแยงตาไว้
นางก้มหน้ามองไปรอบๆ มีอ่างน้ำแข็งสองใบตั้งอยู่ตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้ กระไอความเย็นมาจากพวกมันนั่นเอง
“ประเดี๋ยวก็ละลายหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ยังมีอีกเยอะ” เซ่าหมิงยวนพูดปลอบให้นางคลายใจ
มุมปากของแม่นางเฉียวกระตุกริกๆ
ที่แท้เซ่าหมิงยวนเป็นพวกใช้สอยเงินทองตามความพอใจอย่างนี้ น้ำแข็งที่ครอบครัวเศรษฐีใช้กันในฤดูร้อนมีราคาไม่ถูกนะ
กลิ่นยาฉุนแรงฟุ้งกระจายออกมา เฉียวเจาเปิดฝาหม้อดินเผาออกดูแล้วปิดไว้ตามเดิม จากนั้นนั่งกลับลงไป
“แม่ทัพเซ่าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนด้านข้างก็ได้เจ้าค่ะ”
“ข้าจะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เซ่าหมิงยวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
คุณหนูหลีไม่ใช่สาวใช้ ทิ้งนางไว้ต้มยากลางระเบียงทางเดินผู้เดียวเช่นนี้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก
เขากับนางคนหนึ่งนั่งข้างเตาไป คนหนึ่งยืนข้างเสาระเบียง รอบด้านเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงไปในชั่วขณะ มีเพียงกลิ่นยาหอมอบอวลไปทั่ว
เสียงฝีเท้าตึงๆ ดังลอยมา
เซ่าหมิงยวนกับเฉียวเจาหันหน้าไปพร้อมกัน
องครักษ์ผู้หนึ่งวิ่งมาอย่างเร่งร้อน “ท่านแม่ทัพ กรมอาญาส่งคนมาเชิญคุณชายเฉียวไปที่นั่นขอรับ”
เฉียวเจาหยุดโบกพัดในมือ
“รู้แล้ว” เซ่าหมิงยวนพยักหน้าแล้วมองไปทางนาง “คุณหนูหลี ข้าขอตัวไปกรมอาญากับพี่เฉียวโม่ก่อน”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ” เฉียวเจาปฏิเสธเสียงแข็ง
เซ่าหมิงยวนอึ้งสนิท เพราะอะไรนี่ก็ไม่ได้ ทั้งที่มันเป็นเรื่องสำคัญ
คนที่เข้ามารายงานเหลือบมองเฉียวเจาแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเลื่อมใส
สวรรค์! คนที่กล้าพูดว่า ‘ไม่ได้’ อย่างเฉียบขาดกับท่านแม่ทัพเช่นนี้แล้วยังอยู่รอดมาได้ ข้าเพิ่งเห็นเป็นคราครั้งแรก
ครั้งก่อนคนที่กล่าวคำนี้เป็นบุตรชายคนเล็กของประมุขชาวต๋าจื่อ ตอนนั้นเจ้าเดรัจฉานนั่นลักพาตัวสตรีต้าเหลียงไปเสพสุข ท่านแม่ทัพบอกให้เขาปล่อยนาง เขาบอกว่าไม่ได้ จากนั้นเขาก็ไม่ได้เสพสุขอีกต่อไป เพราะท่านแม่ทัพยิงกล่องดวงใจของเจ้าเดรัจฉานนั่นทิ้งในธนูดอกเดียว
“อาการป่วยของแม่ทัพเซ่ายังไม่ทรงตัว ในเมื่อข้าเข้ามาดูแลเรื่องนี้แล้ว ผู้เป็นหมอย่อมต้องรับผิดชอบต่อท่าน ส่วนท่านในฐานะคนป่วยก็ต้องเชื่อฟังหมอ”
องครักษ์ก้มหน้าลง มุมปากเขาสั่นระริก
อย่าล้อเล่นเลย ถ้าหมอควบคุมท่านแม่ทัพได้ ชาวต๋าจื่อไม่ต้องส่งนักรบเข้าสมรภูมิแล้ว ส่งหมอโขยงหนึ่งมาก็เป็นอันสิ้นเรื่อง
“ข้ากระจ่างแจ้งในความปรารถนาของคุณหนูหลี ทว่าสถานการณ์ในวันนี้ผิดจากสามัญ ข้าไปพร้อมกับพี่เฉียวโม่จะวางใจได้มากขึ้น” เซ่าหมิงยวนกล่าวอธิบายอย่างใจเย็น
หมอที่เคยตรวจอาการให้เขามีจำนวนไม่น้อย แต่มีแค่เด็กสาวตรงหน้าที่เคยบอกเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า ‘ครั้งนี้ไม่เจ็บแล้ว’
เมื่อวานหลังได้เห็นท่าทางนางหลั่งน้ำตาดุจสายฝน เขาก็ไม่ปรารถนาให้นางต้องเสียใจอีก
เฉียวเจานิ่งคิดแล้วทำท่าทีเปลี่ยนใจก่อนจะกล่าวขึ้น “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ แม่ทัพเซ่าพาข้าไปด้วยกันเถอะ”
“อะไรนะ” เซ่าหมิงยวนตะลึงงันโดยสิ้นเชิง
แม่นางเฉียวกลับทำสีหน้ามาดมั่น “ต้องมีข้าดูอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาถึงจะวางใจได้เจ้าค่ะ”
ในที่สุดก็หาเรื่องติดตามไปได้อย่างเปิดเผยแล้ว!
ยามมองสบนัยน์ตาสุกใสของสาวน้อย สุดท้ายเซ่าหมิงยวนก็ยอมอ่อนข้อ “ตกลง ข้าไม่ไปแล้ว”
เขาจะพาคุณหนูหลีไปได้เช่นไร นางมีรูปโฉมงดงามพริ้มเพรา ต่อให้ปลอมตัวเป็นบุรุษ แต่คนอื่นมิได้ตาบอด
แม่นางเฉียวผู้ฉลาดปราดเปรื่องเป็นนิจงงงันไป นางอ้าปากเป็นนานครู่ใหญ่ก็ไม่รู้ว่าสมควรพูดอะไรดี
เขาไม่ไปหรือนี่!
คนผู้นี้ยังมีหลักการสักนิดหรือไม่ เพื่อแม่นางน้อยผู้หนึ่งถึงกับทิ้งพี่ใหญ่ของข้าโดยไม่ดูดำดูดีเชียวหรือ
“ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วข้าให้คนสนิทพาพี่เฉียวโม่ไปส่งที่นั่นก็ไม่ต่างกัน”
เฉียวเจายังไม่หายงุนงง เซ่าหมิงยวนก็ออกคำสั่งแล้ว “พาคุณชายเฉียวไปส่งที่ที่ว่าการกรมอาญา”
“ช่างเถิด แม่ทัพเซ่าไปกับพี่เฉียวดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะต้มยาให้ท่านอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดท่านรู้สึกไม่สบายให้รีบส่งคนมาตามข้า” แม่นางเฉียวกัดริมฝีปากอย่างขุ่นเคือง รู้สึกคลับคล้ายยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตนเอง
“ตกลง ลำบากคุณหนูหลีแล้ว” เซ่าหมิงยวนกล่าวขอตัวกับนาง ตอนหันหลังไป มุมปากเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นวูบหนึ่งแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาว่าแล้วเชียว คุณหนูหลีไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักหนักเบา
เหตุเพลิงไหม้ในเรือนของสกุลเดิมภรรยาซับซ้อนซ่อนเงื่อน บัดนี้มีผลลัพธ์ในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องไปกับพี่ชายของภรรยาจะได้ถามให้กระจ่าง
จวบจนเซ่าหมิงยวนกับเฉียวโม่ออกจากเรือนไปแล้ว เฉียวเจาถึงคิดตามทันว่า นี่ข้าถูกเจ้าคนแซ่เซ่าหลอกลวงกระมัง
ดวงตะวันลอยเคลื่อนสูงขึ้นทีละน้อย น้ำแข็งในอ่างละลายกลายเป็นน้ำอย่างเงียบๆ แต่แรก ทว่าเฉียวเจาใจจดใจจ่อกับผลการสืบคดีไฟไหม้อยู่เลยมิได้ใส่ใจ
มีองครักษ์จรดฝีเท้าย่องเข้ามาสับเปลี่ยนอ่างน้ำแข็งแล้วถอยออกไปอย่างปราศจากสุ้มเสียง ส่งผลให้กว่าเฉียวเจาจะดึงความคิดคืนมาก็พบว่าน้ำแข็งในอ่างยังคงเต็มอยู่
นางอดมององครักษ์ที่ยืนอยู่ห่างๆ ในมุมหนึ่งไม่ได้
องครักษ์รับรู้ถึงสายตาของนางได้อย่างเฉียบไว จึงวิ่งเข้ามาไต่ถามด้วยสีหน้านอบน้อม “คุณหนูหลีมีอะไรจะสั่งกำชับหรือขอรับ”
“ไม่มี น้ำแข็งนี่…”
“อ๋อ ก่อนท่านแม่ทัพออกไป สั่งให้ข้าคอยเปลี่ยนน้ำแข็งให้คุณหนูหลีให้ทันเวลาขอรับ”
“ขอบคุณมาก” เฉียวเจามองดูก้อนน้ำแข็งใสแจ๋วสะท้อนประกายแวววาวอยู่ใต้แสงแดดแจ่มจ้าพลางลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครา เฉียวเจาเงยหน้ามองไป เป็นเฉินกวงวิ่งเข้ามา
“คุณหนูสาม ท่านอยากไปเดินชมตลาดหรือไม่ขอรับ”
เฉียวเจานิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งถึงกล่าวเสียงเรียบ “ไม่ไป”
สารถียังทำหน้าที่เดินชมตลาดเป็นเพื่อนด้วยหรือ
“หรือไม่ข้าพาท่านไปที่เรือนคุณหนูเฉียวดีหรือไม่ขอรับ”
“คุณหนูเฉียว?” เฉียวเจาใจกระตุกวูบ “คุณหนูเฉียวจากที่ใดกัน”
“น้องสาวคนเล็กของคุณชายเฉียวน่ะสิขอรับ นางยังอายุน้อยมีสาวใช้ไม่กี่คนอยู่เป็นเพื่อนคงเบื่อหน่ายน่าดู ข้ามิสู้พาท่านไปเที่ยวเล่นที่เรือนของนางดีหรือไม่”
“ไม่ไป” น้ำเสียงของเฉียวเจามึนตึงขึ้นอย่างชัดเจน นางมิใช่บ่าวไพร่ของน้องสาวต่างมารดาสักหน่อย เวลานี้นางมีแก่ใจไปเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวที่ใดกัน
เหนือสิ่งอื่นใด นางไม่ชมชอบได้ยินคนใช้คำเรียก ‘คุณหนูเฉียว’ กับคนอื่น
“เช่นนั้น…หรือไม่ท่านเข้าไปอยู่ในห้องให้เย็นสบายสักครู่ดีหรือไม่ ข้างนอกร้อน เกิดเป็นลมแดดไปจะวุ่นวายนะขอรับ”
“มีอ่างน้ำแข็ง” เฉียวเจาแน่ใจแล้วว่าเฉินกวงผิดปกติไปบ้าง นางตรึกตรองเล็กน้อยแล้วไต่ถาม “พูดเถอะ ใครมาแล้ว”
เฉินกวงอึ้งงันไป จากนั้นยกมือเกาท้ายทอย “ท่านเดาออกหรือ เป็นคุณชายฉือมาที่นี่ขอรับ”
น่าหงุดหงิดนัก เพราะอะไรคุณชายฉือต้องสบช่องท่านแม่ทัพไม่อยู่มาที่นี่นะ
ทั้งยังพาเจ้าเด็กรับใช้ที่ปลอมตัวเป็นหญิงคนนั้นมาด้วย เห็นแล้วอยากซ้อมเจ้าเด็กรับใช้นั่นสักยก!
ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกัน สุ้มเสียงปึ่งชาก็ดังลอยมา
“เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”