หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 277
บทที่ 277
สองวันมานี้หลีกวงเหวินไม่เบิกบานใจอยู่สักหน่อย
หมู่นี้บุตรสาวคนรองออกไปข้างนอกทุกวัน ไม่มีเวลาเดินหมากเป็นเพื่อนเขาเลย
เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะน้ำชาริมหน้าต่าง บนนั้นตั้งหมากกระดานไว้ เขามือหนึ่งถือถ้วยน้ำชา มือหนึ่งคีบเม็ดหมากไว้ หาความสนุกสำราญใจอยู่ตามลำพัง
ประตูห้องส่วนตัวเปิดอ้ากว้างเพื่อให้เย็นสบาย ฉือชั่นบุ้ยใบ้บอกให้เถาเซิงรออยู่นอกประตูก่อนย่างเท้าเข้าไป
หลีกวงเหวินวางเม็ดหมากขาวเสร็จก็คีบเม็ดหมากดำไว้ที่ปลายนิ้ว ไม่รู้ว่าจะวางจุดใดดี ฉือชั่นหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วครุ่นคิดอย่างหนักตามไปด้วย
“เจ้าเห็นว่าสมควรวางหมากตรงที่ใด” หลีกวงเหวินถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น
“ยังคิดไม่ออก ให้ข้าคิดต่ออีกสักหน่อย”
“ตรงนี้” หลีกวงเหวินวางเม็ดหมากดำลง
ฉือชั่นตบมือ “ใช่ๆ วางจุดนี้ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง”
หลีกวงเหวินได้รับคำชมแล้วอารมณ์แช่มชื่น เขากล่าวยิ้มๆ “ข้าก็รู้สึกเช่นนี้”
เขาเหลือบตาขึ้นมองแล้วนิ่งงันไป “เจ้า…เจ้าคือคนที่วันนั้น…”
เจ้าหนุ่มที่ออกมาเป็นพยานให้เจาเจา?
“ผู้เยาว์ฉือชั่นขอรับ”
“อ้อ” หลีกวงเหวินพยักหน้าอย่างไว้ท่า
เจ้าหนุ่มผู้นี้พึงใจในตัวเจาเจาใช่หรือไม่ ทว่าเขาเป็นบุตรชายขององค์หญิงที่เลี้ยงดูชายบำเรอไว้ผู้นั้น เชื้อพระวงศ์พวกนั้นชอบทำเรื่องนอกลู่นอกรอยเป็นที่สุด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้ยังรูปงามเฉกนี้
ไม่ได้ๆ เจาเจาอยู่กับคนพรรค์นี้ไม่เหมาะสม
หลีกวงเหวินคิดไปเช่นนี้แล้วยิ่งมีท่าทีเย็นชาขึ้น
“หมากขาวควรลงตรงที่ใดขอรับ” ฉือชั่นหนีบเม็ดหมากขาวขึ้นโดยไม่เคอะเขินแล้วมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด
ฝีมือเดินหมากของเขาก็สูงส่งอยู่มาก แค่ว่าวางหมากช้าไปสักนิด
หลีกวงเหวินถูกดึงความสนใจไปทันควัน เขาหมุนคลึงเม็ดหมากดำเล่นในมือพลางกล่าว “ดูไม่ออกหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ ตอนนี้หมากขาวอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ”
“อย่างนั้นหรือขอรับ ข้ายังดูไม่ออก เห็นทีว่ายังคงเป็นท่านอาหลีที่มีฝีมือเดินหมากล้ำเลิศ”
เถาเซิงที่หน้าประตูฟังแล้วอึ้งงัน “…” คุณชาย เพื่อตบแต่งภรรยาแล้วท่านทุ่มเทน่าดูจริงๆ เมื่อก่อนข้ามองไม่ออกเลย
ทั้งคู่มีทักษะเดินหมากสูสีคู่คี่กัน เดินหมากไปจนกระทั่งฟ้ามืด หลีกวงเหวินถึงกลับจวนอย่างหนำใจ
พอกลับถึงจวน เขาตรงดิ่งไปยังเรือนหยาเหอ
เหอซื่อกล่าวอย่างหนักอกหนักใจ “ไม่รู้เจาเจาเจอกับเรื่องกลัดกลุ้มอะไร ตอนอาหารเย็นกินอาหารไปได้ไม่เท่าไรเลยเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ ข้าไปดูเอง” หลีกวงเหวินสาวเท้าเดินไปที่เรือนเล็กฝั่งซ้าย
เฉียวเจาเห็นหลีกวงเหวินมาหาก็แปลกใจอยู่บ้าง “ท่านพ่อมาแล้วหรือเจ้าคะ”
นางรับน้ำชาหอมกรุ่นที่อาจูยกมาให้แล้วยื่นส่งให้บิดา “ท่านพ่อจะมาเดินหมากกับข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ”
พอเอ่ยถึงเรื่องเดินหมาก ใบหน้าของหลีกวงเหวินปรากฏรอยยิ้มพึงใจ “วันนี้ไม่ล่ะ ข้าเดินหมากมาครึ่งค่อนวันแล้ว เฮ้อ…ที่ผ่านมายังไม่เคยจุใจเช่นนี้มาก่อน”
“เช่นนี้แสดงว่าท่านพ่อได้พบกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือไม่ย่อหย่อนกว่ากันแล้วหรือเจ้าคะ” เฉียวเจากล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ
หลังจากนางกลายเป็นหลีเจา อาจไม่เคยทำอะไรเพื่อบิดามารดา แต่อย่างน้อยไม่ต้องให้พวกท่านกังวลใจแทนตนได้ เรื่องเก็บงำความรู้สึกแค่นี้นางยังทำได้
“ใช่น่ะสิ ไม่เคยพบเจอคนที่เดินหมากถูกต้องตามหลักการเช่นนี้มาก่อน คนผู้นั้นเจ้าก็รู้จัก”
“ข้าก็รู้จัก?” เฉียวเจาบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีฉับพลัน
“ก็ผู้เยาว์ที่ออกโรงเป็นพยานให้เจ้าตอนจวนฉางชุนป๋อมาหาเรื่องเมื่อคราวก่อนคนนั้นอย่างไรล่ะ อืม ผู้เยาว์คนนั้นรู้ธรรมเนียมมารยาทดียิ่ง แม้ว่าจะถือกำเนิดในวังองค์หญิงใหญ่ กลับเป็นคนอ่อนน้อมมาก เรียกข้า ‘ท่านอาหลี’ ไม่ขาดปากเลย”
มุมปากของเฉียวเจากระตุกริก อ่อนน้อม? รู้ธรรมเนียมมารยาท?
แม่นางเฉียวมองหลีกวงเหวินด้วยสีหน้าไม่รู้จะหัวร่อหรือร่ำไห้ดี
ท่านพ่อที่เคารพ ผู้เยาว์ที่รู้ธรรมเนียมมารยาทในใจท่านผู้นั้นอยากจะเลี้ยงดูบุตรสาวท่านเป็นนางบำเรอใจจะขาดอยู่แล้ว ท่านยังทำสีหน้าชอบใจเช่นนี้อยู่อีก
“นี่หมายความว่าท่านพ่อชื่นชอบคุณชายฉือมากหรือเจ้าคะ” เฉียวเจาถามหยั่งเชิง นางต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้สักหน่อย ไม่ใช่ว่าวันใดถูกท่านพ่อที่เคารพขายไปแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง
หลีกวงเหวินพยักหน้า “อื้อ ในฐานะสหายเดินหมาก ข้าถูกใจเขายิ่งนัก ทว่า…”
พูดถึงตรงนี้ หลีกวงเหวินมองบุตรสาวอย่างพินิจ กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง “ทว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้า ข้าไม่เต็มใจ มันคนละเรื่องกัน”
ความรู้สึกที่เฉียวเจามีต่อหลีกวงเหวินเหลือเพียงความเลื่อมใส ท่านพ่อที่น่าเคารพเช่นนี้ นางขอศิโรราบ
หลีกวงเหวินยกมือขึ้นยีศีรษะนาง “เจาเจาเอ๊ย แม่เจ้าบอกว่าเย็นนี้เจ้ากินอาหารน้อย เพราะว่าออกไปข้างนอกเจอเรื่องไม่น่าอภิรมย์ใช่หรือไม่”
“อื้อ ไม่ค่อยสบายใจเจ้าค่ะ” จู่ๆ เฉียวเจาก็ไม่อยากเสแสร้งต่อหน้าเขา คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นบิดาของนางนะ
หลีกวงเหวินใช้ฝ่ามือใหญ่ยีผมของเฉียวเจาจนยุ่งพลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ผู้ใดทำให้เจ้าไม่สบายใจ วันหน้าพวกเราไม่ต้องวิสาสะกับเขา”
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะท่านพ่อ ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
“ได้เช่นนั้นก็ดี พ่อกลับห้องก่อนนะ” ฟ้ามืดแล้ว บิดาอยู่ในห้องของบุตรสาวนานๆ ย่อมไม่เหมาะสม
หลีกวงเหวินออกไปได้ไม่นาน มีสาวใช้มาส่งกล่องอาหารให้ “คุณหนูสาม นายท่านกับนายหญิงสั่งให้บ่าวนำของว่างมื้อดึกมาให้ท่านเจ้าค่ะ”
ของว่างมื้อดึกเป็นรังนกตุ๋นน้ำตาลกรวดชามหนึ่ง เฉียวเจาหยิบช้อนขึ้นกินทีละคำๆ รสหวานแผ่ซ่านจากลำคอลงไปถึงกระเพาะอาหาร
นางยกมือปิดหน้ากะทันหัน ปล่อยให้น้ำตาไหลซึมออกมาตามร่องนิ้ว
เป็นอีกหนึ่งราตรีที่นอนไม่หลับ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังคงสดใสดังเดิม เฉียวเจานั่งรถม้าไปยังจวนกวนจวินโหว
“ตอนนี้ยังเช้าอยู่” เมื่อรู้ว่าสหายรักมีจิตปฏิพัทธ์ต่อเด็กสาวตรงหน้า เซ่าหมิงยวนรู้สึกว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังเป็นเวลานานเกินไปยิ่งไม่เหมาะสม
เฉียวเจากลับมีสีหน้านิ่งเฉย “ฝังเข็มกับต้มยาให้แม่ทัพเซ่าได้พอดี”
เซ่าหมิงยวนละล้าละลังชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น “คุณหนูหลี อันที่จริงผู้ใต้บังคับบัญชาของข้ามีคนที่ช่ำชองการฝังเข็ม ไม่ทราบว่าคุณหนูหลีขัดข้องหรือไม่ถ้าจะบอกขั้นตอนฝังเข็มขับไล่พิษไอเย็นกับผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า วันหน้าให้เขารับหน้าที่ฝังเข็มให้ข้าเอง”
เฉียวเจามองชายหนุ่มด้วยแววตาเรียบเฉยแวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับ นางหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมา พูดเสียงสงบนิ่งว่า “ขัดข้องแน่นอนเจ้าค่ะ วิชาฝังเข็มถ่ายทอดให้คนนอกไม่ได้”
“เช่นนั้น…”
“แม่ทัพเซ่าเปลื้องอาภรณ์เถอะ”
เซ่าหมิงยวนถอดเสื้อตัวบนออก
“นอนลงเจ้าค่ะ”
แม่ทัพหนุ่มรับรู้ได้อย่างเฉียบไวว่าเด็กสาวไม่พอใจอยู่บ้าง เขาเอนกายนอนนิ่งๆ อย่างรู้กาลเทศะ
เข็มเงินเล่มหนึ่งแทงเข้าผิวกายอย่างคล่องแคล่วว่องไว แพขนตาของเซ่าหมิงยวนกระพือขึ้นลง
เฉียวเจาช้อนตามองเขา “เจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่”
เข็มเงินแทงลงอีกหนึ่งเล่ม ร่างกายของเซ่าหมิงยวนเกร็งกระตุกทีหนึ่ง
“หนนี้เจ็บแล้วกระมัง” แม่นางเฉียวถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เซ่าหมิงยวนเม้มปาก เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรคล้ายบังเกิดอุปาทานว่าคุณหนูหลีเจตนา การฝังเข็มสองครั้งก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกอะไรแท้ๆ
เฉียวเจาลงโทษคนบางคนสถานเบาแล้วไม่กลั่นแกล้งเขาต่อ นางฝังเข็มที่เหลืออย่างเอาจริงเอาจัง จากนั้นไต่ถามเขาด้วยสีหน้าแววตาเยือกเย็น “แม่ทัพเซ่าสนใจวิชาฝังเข็มหรือเจ้าคะ”
“ทุกวันต้องให้คุณหนูเฉียวมาที่นี่ เป็นการรบกวนท่านเกินไป”
เฉียวเจาปรายตามองเขา คนผู้นี้ไม่พูดความจริงอีกแล้ว เมื่อวานซืนให้นางมาสองรอบในวันเดียว มิหนำซ้ำครั้งสุดท้ายยังถูกเขาหลอกให้มา เหตุใดเขาไม่รู้สึกว่ารบกวนนางเล่า
หรือว่า…
หญิงสาวคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างแล้วดวงหน้าขรึมลงน้อยๆ
เรื่องของพี่ใหญ่ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร นางก็เหนื่อยใจมากพอแล้ว เจ้าคนบ้ายังจะสร้างปัญหาให้นางอีก พอรู้ถึงจิตใจของฉือชั่นก็จะช่วยจับคู่ให้รึ
เฉียวเจามองเขาอย่างไม่ละสายตา ยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง
จับคู่ให้ภรรยาตนเองกับสหายรัก ใต้หล้านี้มีแต่คนโง่งมผู้นี้!
ชายหนุ่มถูกนางจ้องมองจนชักใจคอไม่ดี เขากระแอมกระไอเบาๆ เสียงหนึ่ง “คุณหนูหลี?”
เฉียวเจาทำหน้านิ่งเฉย ยื่นมือไปวางบนหน้าท้องที่เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ชัดเจนของอีกฝ่าย