หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 278
บทที่ 278
เมื่อมือที่นุ่มนิ่มอุ่นจัดแตะลงบนหน้าท้อง เซ่าหมิงยวนแทบดีดตัวขึ้นมา
แม้แต่คำสามคำว่า ‘คุณหนูหลี’ เขายังเรียกออกจากปากไม่ออก ดวงตาสีดำแวววาวทั้งคู่เบิกกว้างมองเฉียวเจาอย่างตะลึงลาน
ลูกนัยน์ตาเขาเป็นสีขาวสีดำตัดกันชัดเจน กระจ่างใสดุจน้ำละลายหิมะบนยอดเขาสูง ปกติดูเย็นเยือกนิ่งสนิท ทว่าเพลานี้ยังเจือความไร้เดียงสาเพิ่มขึ้นหลายส่วนเพราะความตกใจ กลับละม้ายเด็กหนุ่มที่สับสนงุนงงทำอะไรไม่ถูกอย่างปราศจากเหตุผล
สีหน้าแววตานี้ของชายหนุ่มตกอยู่ในสายตาของเฉียวเจา นางพลันบังเกิดอุปาทานว่าตนเป็นเด็กสาวแก่นแก้วเกี้ยวพานหนุ่มรูปงามตระกูลผู้ดี
นางงอนิ้วมือกดๆ ตรงกล้ามหน้าท้องกระชับครัดเคร่งพร้อมกับพูดด้วยท่าทางจริงจัง “พิษไอเย็นเริ่มแพร่กระจายมาที่ตรงนี้แล้ว”
แข็งเหมือนที่คาดไว้
เซ่าหมิงยวนรู้สึกแค่ว่าปลายนิ้วนุ่มนิ่มของเด็กสาวจุดเปลวไฟกองหนึ่งขึ้นบริเวณท้องน้อยของตน ชั่วพริบตานั้นมันโหมแรงขึ้นแผดเผาสติสัมปชัญญะทั้งหมดพุ่งตรงไปยังจุดๆ เดียว
เขาพลิกกายลงจากเตียงกะทันหัน
เฉียวเจามีสีหน้างงงัน นางบอกเสียงรัวเร็ว “ขยับส่งเดชไม่ได้นะ”
เซ่าหมิงยวนหันหลังให้ “คุณหนูหลี วันนี้พอเท่านี้เถอะ”
เฉียวเจาไม่เข้าใจสักนิดว่าเหตุอันใดคนผู้นี้ถึงมีท่าทีตอบสนองรุนแรงเช่นนี้ นางวางหน้าขรึมกล่าวขึ้น “นอนลงดีๆ เจ้าค่ะ พิษไอเย็นยังไม่ขับออกมาก็เลิกกลางคัน นั่นจะทำให้อาการทรุดหนักขึ้น วันนี้แม่ทัพเซ่ายังต้องไปพบพี่เฉียวไม่ใช่หรือ ถ้าทานทนไม่ไหวจะทำฉันใด”
ชายหนุ่มหันหลังให้นางนานครู่ใหญ่ถึงหมุนกายลงนอนตามเดิมเงียบๆ
เฉียวเจาตรวจอย่างละเอียดแล้วระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง “โชคดีที่ไม่ทำเข็มหลุดหล่น”
นางเม้มปากพูดอย่างขุ่นใจ “เมื่อครู่นี้เหตุใดแม่ทัพเซ่าไม่อยู่นิ่งๆ เจ้าคะ”
หนก่อนยังว่านอนสอนง่ายชัดๆ ไฉนคราวนี้ไม่ให้ความร่วมมือเสียแล้ว
เซ่าหมิงยวนพูดไม่ออก เขาเม้มเรียวปากบางแน่น
เขาคงบอกไม่ได้ว่าเมื่อครู่ตนมีอาการตอบสนองที่ไม่พึงมีอย่างควบคุมไม่อยู่จนเกือบต้องอับอายขายหน้าครั้งใหญ่
เขาต้องเสียสติแน่ๆ ถึงได้เป็นอย่างนั้น
ความละอายใจถาโถมเข้าใส่อย่างท่วมท้น ชายหนุ่มหลุบตาลงหลบตานาง
เฉียวเจาเลิกคิ้วสูง ถึงกับไม่พูดไม่จา ถึงกับไม่มองนาง นี่จะดื้อดึงไม่ยอมรับผิดหรือ
ยามนี้เองเสียงของเฉินกวงดังขึ้นหน้าประตูโดยพลัน “คุณชายฉือ ท่านมาแล้วหรือขอรับ”
แย่แล้ว คุณชายฉือมาในเวลานี้ได้อย่างไร ขืนให้เขาเห็นท่านแม่ทัพในสภาพนี้ต้องเอะอะโวยวายแน่ๆ
เฉินกวงคิดเช่นนี้แล้วส่งเสียงดังขึ้น “คุณชายฉือ ข้างนอกอากาศร้อนหรือไม่ ท่านคงกระหายน้ำกระมัง ข้าพาท่านไปดื่มน้ำชา…”
“พูดอะไรวกวนฟังไม่ได้ศัพท์ ท่านแม่ทัพของเจ้าล่ะ”
ภายในห้อง ดวงตาของเซ่าหมิงยวนฉายแววตึงเครียด
ในสถานการณ์เฉกนี้แม้ว่าเขาจะบริสุทธิ์ใจ แต่ให้สหายรักเห็นเข้า คงต้องคิดมากอย่างเลี่ยงได้ยาก
เอ่อ ไม่ถูกสิ เขาก็ไม่มีสิทธิ์พูดว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ เมื่อครู่นี้…
เซ่าหมิงยวนคิดถึงตรงนี้แล้วอับอายสุดจะกล่าว
“อะ ท่านแม่ทัพของข้าหรือ ท่านแม่ทัพออกไปแล้ว…”
“เชิญคุณชายฉือเข้ามา” เฉียวเจาตะเบ็งเสียงบอกอย่างใจเย็น
ประตูเปิดออก ฉือชั่นก้าวเข้ามา “ไฉนมาเร็วกว่าข้า…”
ถ้อยคำหลังติดอยู่ในลำคอ ฉือชั่นยืนนิ่งค้างอยู่กับที่
เฉินกวงปิดประตูดังปัง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ปล่อยให้ท่านๆ ทั้งหลายวิวาทกันไปเองเถอะ อย่าให้ผู้น้อยพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยเท่านั้นเป็นพอ
ฉือชั่นคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน เขาก้าวปราดๆ เดินเข้าไป หน้าตาแดงก่ำด้วยความเดือดดาล “พวกเจ้า…”
“พี่ฉือเงียบหน่อยเจ้าค่ะ ข้ากำลังขับพิษไอเย็นให้แม่ทัพเซ่าอยู่”
“ขับพิษไอเย็นต้องเปลื้องผ้าด้วยหรือ” ฉือชั่นหรี่ตามองไปที่ตัวเซ่าหมิงยวน
“ไม่อย่างนั้นหรือจะฝังเข็มผ่านอาภรณ์” เฉียวเจาย้อนถาม
ฉือชั่นเพิ่งสังเกตเห็นเข็มเงินพวกนั้นในเวลานี้ เขาลอบคลายใจลงได้เล็กน้อย แต่สีหน้ายังบึ้งตึงดุจเก่า
แสดงว่าเมื่อวานซืนหลีเจารักษาอาการป่วยให้เซ่าหมิงยวนเช่นนี้หรือ
แต่เขายังยืนอยู่ข้างนอกดูต้นทางให้ เขาต้องโง่ยิ่งกว่าลาแน่ๆ!
ที่สำคัญที่สุดคือ…
ฉือชั่นเหล่ตามองไปที่ตัวเซ่าหมิงยวนอีกคราแล้วลอบคับแค้นใจ
ที่สำคัญที่สุดคือเจ้าคนผู้นี้มีเรือนกายสมส่วนชวนมองกว่าเขา เปลื้องผ้าออกเช่นนี้คิดจะยั่วยวนผักกาดขาวของเขาใช่หรือไม่
เซ่าหมิงยวนหลับตาลง ก่อนหน้านี้เขาเปลือยกายท่อนบนต่อหน้าคุณหนูหลีก็ตะขิดตะขวงใจมากพอแล้ว มาบัดนี้ถึงรู้ว่าถูกคนสองคนมุงดูยิ่งตะขิดตะขวงใจมากขึ้น
“คุณหนูหลี เสร็จแล้วใช่หรือไม่”
“อื้อ” เฉียวเจาพยักหน้าแล้วบอกกับฉือชั่น “รบกวนพี่ฉือไปยืนด้านข้าง ข้าจะดึงเข็มออก”
ฉือชั่นทำหน้าง้ำหน้างอขยับออกไปอีกทางจับจ้องคนทั้งสองโดยไม่ละสายตา
หว่างคิ้วของเฉียวเจากระตุกริกๆ นางดึงเข็มออกจากตัวเซ่าหมิงยวนโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใด หากในใจสุดแสนจะจนปัญญา
ฉือชั่นถูกตาต้องใจนางที่จุดใดกันแน่ นางจะแก้ไขตนเองได้หรือไม่เล่า
เมื่อดึงเข็มเงินออกมาหมด เซ่าหมิงยวนเหมือนได้รับอภัยโทษ เขารีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างว่องไว
“แม่ทัพเซ่านัดหมายไว้หรือยังว่าจะไปเวลาใดเจ้าคะ” เฉียวเจาไต่ถาม
“ทางเจียงถังเตรียมการเรียบร้อยแล้วจะส่งคนมาแจ้งให้ข้ารู้”
เฉียวเจาลุกขึ้น “ถ้าอย่างนั้นข้าไปต้มยาให้ท่านก่อน”
“ยังต้มยาอีก?” ฉือชั่นพูดโพล่งขึ้น
เฉียวเจามองเขาอย่างอ่อนใจก่อนหมุนกายออกไป
ชั่วอึดใจเดียวในห้องก็เหลือเพียงฉือชั่นกับเซ่าหมิงยวนสองคน
ฉือชั่นนั่งลงวางมือข้างหนึ่งยันขา มองอีกฝ่ายตาเขม็งเงียบๆ
เซ่าหมิงยวนเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งสนิท “มีอะไรหรือ”
“พิษไอเย็นของเจ้าน่ะ จะขับออกได้หมดเกลี้ยงเมื่อไร”
แม่ทัพหนุ่มรับรู้ถึงเค้าพายุอารมณ์ได้จากน้ำเสียงข่มกลั้นของสหายรัก เขาทำมือเป็นเลข ‘หก’ อย่างอิดเอื้อน
“หกวัน?” ฉือชั่นพูดเสียงดัง เช่นนี้หมายความว่าเซ่าหมิงยวนยังต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าหลีเจาอีกตั้งหลายครั้ง ถึงคุณชายฉือจะรู้สึกยอมรับไม่ได้ แต่ครั้นนึกถึงว่าพิษในตัวสหายรักมีแต่แม่นางน้อยผู้นั้นที่รักษาได้ เขาสะกดความไม่พึงใจไว้อย่างสุดชีวิต ฝืนพูดขึ้น “รักษาหายได้ก็พอ”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปครู่เดียวก็บอกตามสัตย์จริง “หกเดือนต่างหาก”
“หกเดือน?!” ฉือชั่นลุกพรวดขึ้นทันที เขาถลึงตามองเซ่าหมิงยวนด้วยความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
อย่าล้อเล่น คนสองคนอยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำเช่นนี้นานหกเดือน พอหกเดือนผ่านไป เขารอเป็นบิดาบุญธรรมไปเลยใช่หรือไม่
“นี่จะได้อย่างไรกัน เช่นนี้ไม่ได้!” ฉือชั่นย่ำเท้าวนไปวนมาหลายรอบ จากนั้นก้าวขาเดินออกไปโดยไม่มองเซ่าหมิงยวนแม้สักแวบเดียว
เซ่าหมิงยวนมองประตูที่สั่นไหวไม่หยุดแล้วถอนใจเฮือกอย่างไร้สุ้มเสียง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำประการใดดี
คุณหนูหลีบอกว่าถ้าไม่ถอนพิษไอเย็น เขาจะอยู่ไม่ถึงหนึ่งปี เดิมทีเขาไม่อาลัยอาวรณ์ชีวิตนี้แล้ว แต่ตอนนี้พี่ชายของภรรยาถูกกักขังจองจำอยู่ เขาจะปล่อยให้เฉียวโม่ต้องโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งได้เช่นไร
สิ่งที่เขาทำให้ภรรยาผู้ล่วงลับได้เหลือแค่ดูแลพี่ชายกับน้องสาวคนเล็กของนางให้ดี
ตอนฉือชั่นตามหาเฉียวเจาพบ นางอยู่หน้าเตาไฟต้มยาอยู่ เม็ดเหงื่อใสแวววาวซึมออกมาทางหน้าผากไหลหยดลงบนเตาไฟเกิดเสียงซ่าเบาๆ ทว่านางไม่รังเกียจว่าร้อนสักนิด ท่าทางตั้งอกตั้งใจทำอย่างจริงจัง
ฉือชั่นยืนเงียบๆ ชั่วครู่หนึ่งถึงอ้าปากเรียก “หลีซาน”
มือที่โบกพัดไปมาของเฉียวเจาหยุดชะงัก นางหันไปมองเขา
“เจ้าเคยบอกว่าพิษของถิงเฉวียนมีแต่เจ้ากับหมอเทวดาหลี่ที่รักษาได้?”
“ใช่”
“อย่างนั้นเจ้าไม่ต้องรักษาให้เขาแล้ว ข้าจะส่งคนไปตามหาหมอเทวดาหลี่เดี๋ยวนี้เลย”
“เมื่อเริ่มต้นแล้วจะหยุดไม่ได้”
“ถ้าหยุดล่ะ”
เฉียวเจาช้อนตาขึ้นมองฉือชั่นพลางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตายเจ้าค่ะ”
ฉือชั่นยกมือลูบจมูก “เอ่อ…เจ้าก็ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น รักษาถิงเฉวียนให้ดีๆ”
ครึ่งปีก็ครึ่งปีสิ ถึงอย่างไรเป็นเซ่าหมิงยวนเปลื้องผ้า พอคิดไปเช่นนี้ อันที่จริงผักกาดขาวของเขาก็ไม่ได้เสียเปรียบ