หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 282
บทที่ 282
“ไม่ได้” ถ้อยคำเดียวกันดังออกจากปากฉือชั่นและเฉียวเจาพร้อมกัน
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนไร้รอยกระเพื่อมไหวของอารมณ์ใดๆ เห็นชัดว่าระหว่างทางที่กลับมา เขาใคร่ครวญดีแล้ว “ในเมื่อฮ่องเต้ต้องการความสงบมั่นคง มีแม่ทัพซึ่งแทนที่สิงอู่หยางได้ก็ไม่ต่างกัน เช่นนี้ถึงจะสามารถคิดบัญชีอื่นกับเขา พี่เฉียวโม่ก็รอดตัวได้”
ที่สำคัญกว่าคือเซ่าหมิงยวนมุ่งหน้าลงใต้ก็จะสืบหาคนร้ายตัวจริงเบื้องหลังเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวด้วยตนเองได้แล้ว ถึงตอนนี้คนตาแหลมล้วนคาดเดาออกได้ว่าเหตุไฟไหม้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมุดบัญชีเล่มนั้น และต้องพัวพันกับสิงอู่หยางอย่างหนีไม่พ้น ทว่าไม่มีหลักฐานมัดตัว อาศัยการคาดเดาไม่อาจตัดสินโทษได้
“มันง่ายดายเช่นนี้ที่ใดกัน สถานการณ์ทางแดนใต้ซับซ้อนกว่าทำศึกกับชาวต๋าจื่อที่แดนเหนืออย่างมาก แล้วจุดสำคัญที่สุดคือเสด็จลุงของข้าไม่มีวันอยากเห็นเจ้ากุมอำนาจผู้เดียวในหมู่แม่ทัพนายกอง…” ฉือชั่นกล่าวพินิจพิเคราะห์ “ถึงตอนนั้นเจ้าอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง ทันทีที่ใครบางคนเพ็ดทูลไม่กี่คำต่อเบื้องพระพักตร์ ดีไม่ดีความดีความชอบจะกลายเป็นความผิด ไม่มีแม้แต่โอกาสแก้ต่างด้วยซ้ำไป ยามนี้ชายแดนทิศเหนือทิศใต้ล้วนไม่สงบสุขยังพอทำเนา แต่ถ้ารอถึงวันที่แผ่นดินสันติ…”
“นั่นเป็นเรื่องในภายหลัง” เซ่าหมิงยวนพูดเสียงราบเรียบ
ฉือชั่นทำหน้าขรึมลง “เหตุในวันนี้คือผลในวันหน้า เจ้าอยากช่วยเฉียวโม่ออกมาก็ไม่คิดถึงวันข้างหน้าแล้วหรือ”
เขาไม่อาจมองดูสหายรักที่เติบใหญ่มาด้วยกันแต่วัยเยาว์รนหาที่ตาย สำหรับเฉียวโม่นั้นย่อมยังคิดหาทางอื่นได้อีก อย่างมากเขาไปขอร้องท่านแม่ดูว่ามีวิธีอะไรหรือไม่
แต่ถ้าเกิดไม่ได้จริงๆ…หึๆ เขากับเฉียวโม่ไม่สนิทกัน ไม่ได้ก็ช่างปะไรสิ
“ไม่ได้ แม่ทัพเซ่าไปไม่ได้” เฉียวเจาเอ่ยปากขึ้น
เซ่าหมิงยวนหันไปมองนาง
เฉียวเจาพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ข้าเคยบอกแล้วว่าพิษไอเย็นในตัวแม่ทัพเซ่าแทรกซึมเข้าสู่ชีพจรหัวใจเพราะอารมณ์ของท่านปรวนแปรอย่างรุนแรงเกินไปเมื่อสองวันก่อน ขณะนี้เมื่อการถอนพิษเริ่มต้นขึ้นจะเลิกรากลางคันไม่ได้ หากแม่ทัพเซ่าเดินทางไปแดนใต้สู้รบกับชาววอโค่ว เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญถึงวันข้างหน้าอันใด อย่างไรก็ไม่มีวันข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ”
ถ้อยคำนี้ของเฉียวเจา เซ่าหมิงยวนและฉือชั่นสองคนต่างฟังเข้าใจแล้ว
ฉือชั่นพยักหน้ากับตนเอง อื้อ คนสองคนคิดเห็นตรงกันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก
“แต่…” เซ่าหมิงยวนอ้าปากพูด
เฉียวเจาตัดบทเขา “ถ้าช่วยพี่เฉียวออกมาด้วยการเอาชีวิตของแม่ทัพเซ่าเข้าแลก อย่างนั้นพี่เฉียวต้องไม่สบายใจเป็นแน่ ฉะนั้นไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น แทนที่จะเดินเข้าทางตันสายนี้ มิสู้คิดหาหนทางอื่นที่ดีกว่าเจ้าค่ะ”
หนทางมักเป็นคนที่คิดออกมาได้เสมอ หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต นี่คือวิธีการโฉดเขลาที่สุด
เฉียวเจาอดปรายตามองเซ่าหมิงยวนไม่ได้
เห็นทีว่าสิ่งที่นางกล่าวไว้ก่อนหน้านี้เสียแรงเปล่าแล้ว คนผู้นี้ยังคงไม่ใส่ใจชีวิตของตนเอง
เพราะเขารู้สึกผิดใช่หรือไม่
แต่นางไม่ต้องการให้เขาเอาชีวิตมาชดใช้ความรู้สึกนี้ พี่ชายของนาง นางคิดหาทางช่วยออกมาเองได้
“หลีซานพูดถูก พวกเราคิดวิธีอื่นแล้วกัน อย่างนี้เถอะ ข้ากลับไปขอให้ท่านแม่ช่วยหาทางให้” ฉือชั่นลุกขึ้นยืน
เฉียวเจาเหลือบตาขึ้น “พี่ฉือ รอประเดี๋ยวเจ้าค่ะ”
“หือ?” ฉือชั่นแลมองนาง
“ศักดิ์ฐานะขององค์หญิงใหญ่ไม่ใคร่เหมาะจะเข้ามาเกี่ยวข้องเจ้าค่ะ”
นางเป็นหนี้บุญคุณฉือชั่นที่ช่วยชีวิตไว้ ขืนตอนนี้ติดค้างเขาอีก สุดท้ายจะให้พลีกายตอบแทนจริงๆ คงไม่ได้กระมัง
เรื่องของนางกับพี่ชาย นางอยากแก้ไขด้วยกำลังของตนเอง มิใช่พึ่งพาผู้อื่น
“นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ แล้วเจ้าว่าสมควรทำอย่างไร” ฉือชั่นทิ้งตัวลงนั่ง ทำหน้านิ่วถามเฉียวเจา
ดูแม่นางน้อยผู้นี้เก่งนักรึ เขากับเซ่าหมิงยวนล้วนไม่ได้ แต่นางได้?
“ไม่รู้ว่าแม่ทัพเซ่ากับพี่ฉือทราบหรือไม่ว่าในบรรดาคนทั้งนอกในราชสำนักมีใครบ้างที่พูดกับฮ่องเต้ได้หรือถึงขั้นทำให้พระองค์เปลี่ยนพระทัยได้เจ้าคะ”
ฉือชั่นตอบโดยไม่หยุดคิดใคร่ครวญ “มีสามคน หนึ่งคือสมุหราชเลขาธิการหลันซาน หนึ่งคือเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน อีกหนึ่งคือเว่ยอู๋เสีย ขันทีตรวจฎีกาควบตำแหน่งหัวหน้ากองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวา สามคนนี้ล้วนพูดกับฮ่องเต้ได้”
เขาพูดจบแล้วมองเฉียวเจา “เจ้าคงไม่คิดจะเล็งเป้าไปที่สามคนนี้กระมัง”
“ไม่ได้หรือเจ้าคะ” เฉียวเจาย้อนถาม
ฉือชั่นเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “อย่าแม้แต่จะคิดเชียว เริ่มจากสมุหราชเลขาธิการหลันซานก่อน สิงอู่หยางเดิมเป็นคนที่เขาหนุนขึ้นมาเอง เขาไม่ฆ่าเฉียวโม่ปิดปากก็ถือว่าบุญแล้ว ยังหวังจะให้เขาพูดหว่านล้อมฮ่องเต้ให้ปล่อยเฉียวโม่? นั่นต้องเว้นแต่ว่าโดนลาดีดกะโหลกจนปัญญาอ่อน”
เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มคำหนึ่ง วางลงแล้วพูดต่อ “ขันทีตรวจฎีกาเว่ยอู๋เสียก็ไม่ได้ เสด็จลุงของข้ารังเกียจพวกขันทีปากมากเป็นที่สุด เว่ยอู๋เสียกำลังหมายตาตำแหน่งขันทีถือพระราชตราลัญจกรอยู่ ไม่มีใครหน้าใหญ่มากพอจะทำให้เขาไปยั่วพระโทสะฮ่องเต้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้”
เขากล่าวถึงตรงนี้แล้วชายตามองเซ่าหมิงยวน “สำหรับเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน ดูคล้ายจะพูดจาได้ง่ายที่สุด แต่ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องเล็กไม่สลักสำคัญอันใด เขาอาจจะให้เกียรติถิงเฉวียน แต่ในเรื่องพรรค์นี้ เขาไม่มีทางฝ่าฝืนพระราชประสงค์หรอก”
เจียงถังมีใจอยากผูกไมตรีกับเซ่าหมิงยวนเพื่อปูทางในอนาคต แต่ถ้าสูญเสียความไว้วางพระทัยไป อย่างนั้นไม่ต้องคิดไปถึงอนาคตอะไร เพราะคงเคราะห์ร้ายตั้งแต่ตอนนี้แล้ว
ใดหนักใดเบา คนที่คลุกคลีอยู่ในราชสำนักจนเขี้ยวลากดินพวกนี้ล้วนรู้ขอบเขตดี
หลังฟังฉือชั่นพินิจพิเคราะห์จบ เฉียวเจาก็กล่าวขึ้น “ตกลงว่าเจียงถังแล้วกัน”
“ตกลงว่าเจียงถังอะไรกัน” ฉือชั่นขมวดคิ้ว “หลีซาน เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้หรือ”
เฉียวเจาแย้มยิ้ม “ขอบคุณพี่ฉือที่ชี้แนะ ข้าจะบอกว่าข้ามีวิธีทำให้เจียงถังรับปากช่วยเหลือเจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนกับฉือชั่นอึ้งงันไปตามๆ กัน พวกเขามองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาของทั้งคู่ เด็กสาวยังสุขุมเยือกเย็นดุจเดิม “อยากเล่นงานสิงอู่หยางยังรอภายหลังได้ ในเวลานี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือช่วยพี่เฉียวออกมา ขอแค่ไม่เชื่อมโยงกับสมุดบัญชี ไม่พัวพันกับสิงอู่หยาง ยามอยู่เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะยังมีช่องทางแก้ไขคืนกลับมาได้”
“แต่ให้ช่วยเรื่องนี้หาใช่ง่ายดาย เจียงถังจะเต็มใจออกโรงได้อย่างไร” ฉือชั่นถามขึ้น
เซ่าหมิงยวนมองนางอย่างพินิจ
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “ฉะนั้นต้องทำให้เจียงถังไม่อาจไม่รับปากช่วยเหลือน่ะสิเจ้าคะ เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ แม่ทัพเซ่า พี่ฉือ ข้าขอตัวก่อน”
“ประเดี๋ยว” เซ่าหมิงยวนเรียกนางไว้ “หากคุณหนูหลีอยากไปพบเจียงถัง ข้าจะไปเป็นเพื่อน”
ฉือชั่นอ้าปากค้าง “ถิงเฉวียน นางทำเหลวไหล เจ้าก็เหลวไหลตามไปด้วยรึ เด็กสาวคนหนึ่งอย่างนางจะทำให้เจียงถังตกปากรับคำได้เช่นไร แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว”
คงใช้มารยาหญิงไม่ได้กระมัง ดูเหมือนนับแต่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากล่วงลับไป เจียงถังไม่ใกล้ชิดสตรีอีกเลย
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “ทำให้คนปัญญาอ่อนกลายเป็นคนปกติได้ในอึดใจเดียว แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้ ทว่าคุณหนูหลีทำได้”
ฉือชั่นอับจนวาจา
“ขอบคุณแม่ทัพเซ่ามากที่เข้าใจ แต่ข้าอยากไปพบเจียงถังคนเดียว ท่านไม่เหมาะจะออกหน้าเจ้าค่ะ”
สิ่งที่นางจะเอ่ยถึงเป็นเรื่องที่เจียงถังกริ่งเกรงว่าคนอื่นจะล่วงรู้ อีกทั้งเดิมทีเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม หากเซ่าหมิงยวนออกหน้าจะกลายเป็นเขาติดหนี้น้ำใจเจียงถัง
คนจำพวกเจียงถังจะตอบแทนน้ำใจคืนมิใช่เรื่องง่าย
“เหตุใดไม่เหมาะ” เซ่าหมิงยวนถามนาง
“มันเป็นแค่การแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม แม่ทัพเซ่าไม่ปรากฏตัว เรื่องนี้กลับง่ายดายกว่าเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าส่งคนไปกับท่าน”
“มีเฉินกวงไปเป็นเพื่อนข้าก็พอ ข้าจะกลับจวนไปเตรียมตัวก่อนนะเจ้าคะ”
จากนั้นเฉียวเจาก็ล่ำลากลับไป
ฉือชั่นคิดจะไล่ตามไปอย่างห้ามใจไม่อยู่ แต่เซ่าหมิงยวนเหนี่ยวรั้งไว้ “ในเมื่อคุณหนูหลีพูดเช่นนี้ก็ปล่อยให้นางลองดูก่อนเถอะ”