หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 283
บทที่ 283
“เจ้าไม่กลัวเจียงถังทำร้ายนางหรือ” ฉือชั่นไม่เข้าใจความคิดของสหายรักแม้แต่นิดเดียว
เซ่าหมิงยวนพูดอย่างตรงไปตรงมา “เจียงถังรู้ว่าคุณหนูหลีเป็นคนที่ข้าดูแลอยู่ ต่อให้นางไม่อาจทำให้เขาตอบตกลงได้ ก็ไม่ถึงกับก่อปัญหาขึ้น”
ฉือชั่นระบายลมหายใจเฮือก จากนั้นคับอกคับใจระลอกหนึ่ง
หลีซานเป็นคนที่ถิงเฉวียนดูแลอยู่?
ถ้อยคำนี้พูดออกจากปากเซ่าหมิงยวนแล้ว ไฉนฟังแล้วขัดหูเพียงนี้นะ
เซ่าหมิงยวนเห็นสีหน้าเขาไม่สู้ดี หลังนิ่งคิดแล้วก็กล่าวอธิบาย “ทำตามที่ได้รับไหว้วาน”
“เจ้าอธิบายเรื่องนี้ด้วยเหตุใด” ฉือชั่นเหล่มองอีกฝ่าย “พวกเจ้าสองคนต่างมีความคิดอ่านอยู่ในใจ ข้าวุ่นวายใจไปเองโดยใช่เหตุ เอาล่ะ ข้ากลับก่อนแล้ว มีเรื่องใดก็เรียกข้าได้”
เฉียวเจาออกจากจวนกวนจวินโหว นางชะงักไปเล็กน้อยตอนขึ้นรถม้า
“คุณหนู มีอะไรหรือเจ้าคะ” ปิงลวี่เอ่ยถาม
เฉียวเจาดึงสายตาที่เหลือบไปทางมุมหนึ่งโดยไม่ตั้งใจคืนมาแล้วขึ้นรถม้าด้วยสีหน้านิ่งสนิท “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
นางรู้สึกไม่วายว่ายาจกขาด้วนข้างหนึ่งที่นอนขอทานอยู่ริมกำแพงคนนั้นดูคุ้นตาอยู่บ้าง
จะว่าไปแล้วบางครั้งความสามารถในการเห็นผ่านตาไม่ลืมก็เป็นเรื่องน่ากลัดกลุ้มอย่างหนึ่ง
เมื่อกลับถึงจวนสกุลหลี เฉียวเจาหยิบขวดกระเบื้องจากก้นหีบใส่ในถุงผ้าปัก นางพักผ่อนเล็กน้อยถึงค่อยออกจากเรือนไปอีก
“คุณหนูสาม ยังไปที่จวนท่านแม่ทัพอีกหรือขอรับ” เฉินกวงซึ่งเดินตามอยู่ข้างๆ ถามขึ้น
“ไม่ใช่ ไปที่อื่น” เฉียวเจาออกทางประตูด้านข้าง เดินไปยังไม่ถึงรถม้าก็ชะงักฝีเท้ากึก จากนั้นสาวเท้าเร็วรี่ไปตรงกำแพง
ดวงตะวันลอยเคลื่อนสูงอยู่กลางหาว หมาแก่สีเหลืองตัวหนึ่งหมอบอยู่ใต้ร่มเงาตรงเชิงกำแพง มันแลบลิ้นหอบหายใจแฮกๆ
ด้านข้างเจ้าหมาแก่มีขอทานขาด้วนข้างหนึ่งนอนอยู่ ผมเผ้ารุงรัง ใบหน้าสกปรกมอมแมมจนมองเค้าเดิมไม่ออก
จุดที่เป็นร่มเงาตรงกำแพงมีอยู่จำกัด เจ้าหมาแก่ก็ตัวใหญ่ไม่น้อย ขอทานขาด้วนไม่พอใจที่โดนยึดที่ ใช้ขาข้างที่เป็นปกติดีเตะมันทีหนึ่ง
“โฮ่ง!” เจ้าหมาแก่ท่าทางเกียจคร้านอยู่ตลอดพลันแยกเขี้ยวเห่าใส่ขอทานขาด้วน
เฉินกวงร้องห้ามเฉียวเจา “คุณหนูสาม อย่าเข้าไปขอรับ ระวังจะถูกสุนัขกัด”
ครั้นเห็นนางทำท่าคล้ายไม่ฟังเสียงห้าม เขามองขอทานขาด้วนแล้วพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ “คุณหนูสามเห็นขอทานคนนั้นน่าสงสารเลยจะให้เงินเขาใช่หรือไม่ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเองก็สิ้นเรื่อง”
ขอทานขาด้วนด้านข้างเจ้าหมาแก่เกือบจะพยักหน้าถี่ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
ใช่แล้ว จะทำทานก็ให้เจ้าปัญญาอ่อนข้างๆ ท่านคนนั้นมาก็ได้ คุณหนูหลี อากาศข้างนอกร้อนมาก จู่ๆ ท่านเดินมาทางนี้น่าตกใจเกินไปแล้วนะ ให้ตายเถอะ!
ไม่ได้ๆ นิ่งไว้ ใจเย็นๆ อุตส่าห์ทำเป็นขาด้วนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะโดนจับได้อีก!
เจียงเฮ่อเพ่งสายตามองชามกระเบื้องปากบิ่นที่วางอยู่ตรงหน้าพลางพูดสะกดจิตตนเอง
“สุนัขตัวนั้นไม่กัดคนหรอก” เฉียวเจาเอ่ยขันๆ นางพูดไปเดินไปทางนั้น
“เพราะอะไรขอรับ” เฉินกวงอดถามไม่ได้
เจียงเฮ่อเกือบหลุดปากถามไปด้วย เขารีบกัดปลายลิ้นไว้สุดแรง
เฉียวเจากล่าวอธิบายอย่างเป็นจริงเป็นจัง “เพราะมันแก่เกินไปกัดไม่ไหว ทำได้แค่เห่าขู่ให้คนตกใจ”
หมาแก่สีเหลืองมอง “…” มนุษย์พวกนี้ช่างเหลือเกินจริงๆ อย่าเอามันมาพูดเล่นกันสนุกปากได้หรือไม่
เฉียวเจาเดินไปถึงหน้าเจียงเฮ่อ
เขาจับจ้องรองเท้าผ้าปักสีเขียวอ่อนที่เท้าเด็กสาวอย่างอกสั่นขวัญแขวน พลันบังเกิดปฏิภาณไหวพริบชูชามกระเบื้องปากบิ่นขึ้นพลางพูดอ้อนวอน “แม่นางน้อยทำบุญทำทานด้วย ขอข้าวกินสักคำเถอะ”
เฉียวเจาก้มตัวไปบอกด้วยรอยยิ้มละไม “พี่ชายต้องขอข้าวข้ากินที่ใดกัน ท่านทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ใต้อาณัติท่านสิบสามมิใช่หรือ”
เจียงเฮ่อแทบสิ้นสติ
เพราะอะไรถึงถูกจับได้!
เยือกเย็นเข้าไว้ๆ อีกฝ่ายต้องหลอกถามแน่ ถ้าไม่ควบคุมอารมณ์ไว้ก็จะติดกับ!
“แม่นางน้อยพูดอะไร ท่านช่วยทำบุญทำทานเถอะ ขอขนมวอโถว* กินสักลูกก็ได้ ข้าโดนเจ้านายใจดำตีจนขาหักแล้วไล่ออกมา ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว”
เฉียวเจาเหยียดนิ้วเรียวขาวกลมกลึงชี้ขาข้างที่กุดหายไป เอ่ยเตือนเสียงนุ่มๆ “ถ้ารัดขาไว้เป็นเวลานานเกินไปไม่แก้มัดออก สุดท้ายมันจะเน่าจริงๆ เพราะเลือดไม่ไหลเวียน”
“อะไรนะ!” เจียงเฮ่อแทบกระโดดขึ้นมา
เด็กสาวเอามือเท้าคางยิ้มบางๆ “วันหน้าเกรงว่าพี่ชายต้องนั่งขอทานอยู่ริมกำแพงนอกเรือนข้าจริงๆ แล้ว อืม ถึงตอนนั้นข้าจะสั่งให้คนเอาขนมวอโถวมาให้พี่ชายทุกวัน”
เจียงเฮ่อลุกลนเลิกชายเสื้อขึ้นแก้เชือกที่รัดขาข้างนั้นไว้ออก ถามด้วยสีหน้าละห้อย “แม่นางผู้แสนประเสริฐ ข้าทำถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนท่านยังจับได้อีก”
เฉินกวงอ้าปากค้าง “…” ข้าก็อยากรู้คำตอบนี้! ดีชั่วข้าก็เคยผ่านการฝึกฝนเชิงนี้มาก่อนยังไม่ทันสังเกตเห็นเลย
เด็กสาวไขความกระจ่างด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้เชี่ยวชาญการวาดภาพอย่างพวกข้า โดยเฉพาะคนที่ถนัดวาดภาพคนกับสิ่งของ ยามมองคนจะไม่มองแค่หน้า ยังต้องมองกระดูก แน่นอนว่านอกจากโครงหน้าของเจ้าไม่เปลี่ยนไป ตำแหน่งของไฝเม็ดเล็กข้างๆ คิ้วด้านซ้ายยังอยู่ที่เดียวกับตอนขายถังหูลู่เมื่อคราวก่อน”
“เจ้าเคยปลอมตัวเป็นคนขายถังหูลู่ด้วย?!” เฉินกวงม้วนแขนเสื้อขึ้น
เจียงเฮ่อร่ำไห้แล้ว “นี่ใช่จุดสำคัญหรือ”
“แล้วอะไรล่ะที่ใช่” เฉินกวงเลิกคิ้วสูง
เจียงเฮ่อปาดน้ำตาอย่างโศกเศร้าสิ้นหวัง “แน่นอนว่าจุดสำคัญคือเพราะอะไรถึงมีคนอย่างคุณหนูหลีอยู่อีก พบหน้ากันครั้งเดียวตั้งนานเท่าใดแล้วยังจำไฝข้างคิ้วข้าได้อีก!”
ใต้เท้าหลอกลวงข้านี่นา หรือว่าที่ว่าการอัตคัดขัดสนถึงเพียงนี้หรือ แม้แต่เงินค่าจ้างคนงานขัดถังส้วมยังคิดจะประหยัดด้วย
เจียงเฮ่อลุกขึ้นยืนอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาง้างเท้าเตะหมาแก่สีเหลืองที่มองดูอยู่ด้านข้างทีหนึ่ง “ไสหัวไป!”
เมื่อครู่นี้เจ้าเดรัจฉานตัวนี้แย่งที่ร่มกับเขาตลอด แต่เขาทุ่มเทกับงานปานใด เพื่อให้ตนดูคล้ายขอทานอย่างแท้จริง ฝืนทนไม่ลงไม้ลงมือ
“โฮ่งๆ…” เจ้าหมาแก่เห่าสองเสียงแล้วกวาดตามองเฉียวเจาแวบหนึ่ง แกว่งหางเดินจากไปอย่างเศร้าๆ
ล้วนเป็นมนุษย์ผู้นี้ที่เผยความจริงว่ามันกัดคนไม่ไหว วันหน้ามันคงเอาตัวไม่รอดแล้วจริงๆ
“พี่ชาย รบกวนเจ้าพาข้าไปพบใต้เท้าเจียงด้วย”
“ท่านต้องการพบใต้เท้าของข้าหรือ”
“ข้าคิดว่าใต้เท้าเจียงเองก็น่าจะเต็มใจพบข้าเช่นกัน”
เจียงเฮ่อยิ้มฝืดๆ “คุณหนูหลีช่างรู้จักกล่าวล้อเล่นจริงๆ”
องครักษ์จินหลินผู้น้อยที่ทำภารกิจติดตามเฝ้าดูล้มเหลวอีกคำรบหนึ่งเดินหน้าม่อยคอตกนำทางเฉียวเจาไปพบเจียงหย่วนเฉา
“คุณหนูหลี” การปรากฏตัวของเฉียวเจาสร้างความประหลาดใจให้เจียงหย่วนเฉาอยู่บ้าง จากนั้นพอเห็นเจียงเฮ่อทำหน้าท้อแท้ห่อเหี่ยวก็เข้าใจอะไรได้รางๆ
เขารู้ว่าเจ้าโง่ผู้นี้ต้องโดนจับได้ไม่ช้าก็เร็ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะเร็วเพียงนี้!
“ใต้เท้า ข้าน้อยทำสุดความสามารถแล้วจริงๆ…”
“ไสหัวไป” คำนี้ดังลอดจากเรียวปากบางของเจียงหย่วนเฉาเบาๆ เขาส่งยิ้มเป็นเชิงขอลุแก่โทษให้เฉียวเจา “ทำให้คุณหนูหลีต้องขบขันแล้ว”
เขาเคยคิดว่าหลังถูกจับได้ คุณหนูหลีคงโมโหโทโส กลับคิดไม่ถึงว่านางจะตรงมาหาเขา
เจียงหย่วนเฉาชายหางตาไปทางเจียงเฮ่อปราดหนึ่ง เขายอมรับว่าเขาตั้งตารอดูท่าทีของนางหลังจับได้ว่าถูกเฝ้าดูอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งเจ้าคนเบาปัญญาผู้นี้ไป
เฉียวเจากล่าวเสียงเรียบ “ชินเสียแล้วเจ้าค่ะ วันนี้มาพบใต้เท้าเจียงเพราะมีเรื่องหนึ่งอยากรบกวนท่าน”
“คุณหนูหลีเชิญกล่าว”
“ข้าอยากพบท่านผู้บัญชาการเจียง ไหว้วานใต้เท้าเจียงช่วยพาข้าไปพบด้วยเจ้าค่ะ” เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
อืม เช่นนี้ดูไปแล้วการโดนติดตามเฝ้าดูบางครั้งก็ย้อนกลับมาใช้เป็นประโยชน์ได้เหมือนกัน
“คุณหนูหลีอยากพบท่านผู้บัญชาการใหญ่?” เจียงหย่วนเฉาหุบยิ้มมุมปากอย่างคาดไม่ถึงเป็นอันมาก
เพลานี้เองมีเสียงดังขึ้นนอกโถง “พี่สือซาน…”
* ขนมวอโถว เป็นขนมชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งข้าวโพด ปั้นเป็นรูปกรวย ด้านในกลวง