หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 287
บทที่ 287
เด็กสาวในวัยสิบสามสิบสี่ก็ละม้ายดอกพุดซ้อนงามบอบบางกลิ่นหอมหวนที่เพิ่งแย้มบานไปครึ่งหนึ่ง เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากคอไม่หยุด สร้างผลกระทบต่ออารมณ์ได้รุนแรงเป็นพิเศษ กระทั่งเจียงถังซึ่งเห็นเรื่องพวกนี้จนชาชินยังรู้สึกตื่นตะลึงในใจ
“แม่นางน้อยรนหาที่ตายหรือไร” เจียงถังโยนมีดสั้นทิ้งไปที่ข้างผนัง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
หากมิใช่เขามีท่าทีว่องไว มีดสั้นเล่มนั้นคงปาดคอเด็กสาวผู้นี้ขาด กลายเป็นศพไปในตอนนี้แล้วจริงๆ
จริงอยู่ว่าเขาไม่เกรงกลัวกวนจวินโหว แต่อีกฝ่ายตั้งใจมาบอกเขาอย่างชัดเจนว่าหนุนหลังแม่นางน้อยผู้นี้อยู่ ถ้าวันนี้ศพของนางถูกหามออกจากที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน เขากับกวนจวินโหวก็ต้องบาดหมางกันอย่างรุนแรง
ใครเล่าอยากจะกลายเป็นคู่แค้นกับกวนจวินโหวเพราะเด็กเมื่อวานซืนผู้หนึ่ง เช่นนี้ไม่คุ้มค่าโดยสิ้นเชิง
เจียงถังยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง เขาพินิจดูเฉียวเจาด้วยสายตาคลางแคลงพลางนึกในใจ
หรือว่าแม่นางน้อยไม่อยากมีชีวิตอยู่แต่แรก เลยจงใจมาที่นี่วางหลุมพรางเขากระมัง
หรือนางใช้อุบายแสร้งปล่อยเพื่อจับ?
ไม่ใช่
ด้วยความเฉียบคมของเขาย่อมแยกแยะออกได้ว่าเมื่อครู่นี้เด็กสาวตั้งใจมั่นพร้อมพลีชีพ
แม่นางน้อยเพิ่งย่างวัยสิบสามสิบสี่ถึงกับไม่พรั่นพรึงต่อความเป็นความตายแม้สักเศษเสี้ยว นี่นางจะผิดมนุษย์มนาไปแล้วกระมัง
เฉียวเจาไม่ได้ยกมือขึ้นกดปากแผลตรงลำคอ นางปล่อยให้โลหิตไหลไปเรื่อยๆ ไม่แม้แต่ขมวดคิ้วสักนิดราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ข้าไม่อยากตาย แต่ก็ไม่กลัวตายเช่นกัน”
นางหวงแหนชีวิตในร่างนี้ แล้วก็เพราะเหตุนี้นี่เอง นางถึงต้องทำให้เจียงถังเห็นความเด็ดเดี่ยวไม่พรั่นพรึงต่อความตายของนางด้วย
วิชาแพทย์ของนางมีไว้ให้นางใช้ประโยชน์เท่านั้น มิใช่กลายเป็นภาระที่นำภัยมาสู่ตน!
สีหน้าของเจียงถังบึ้งตึงขณะจ้องมองเฉียวเจา นานครู่ใหญ่ท่าทีของเขาถึงอ่อนลง กล่าวขึ้นเสียงเอื่อยๆ ว่า “รีบทำแผลเถอะ เจ้าเพิ่งอายุเท่าไรกันก็พูดเรื่องเป็นๆ ตายๆ”
แค่เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรสาวของเขา ทั้งมีกวนจวินโหวเป็นผู้หนุนหลัง เขาจะทำไปเพื่ออันใดเล่า
เวลานี้เองเฉียวเจาถึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันคอรอบหนึ่งอย่างลวกๆ
เจียงถังนั่งลงตามเดิม เขาชายตามองนางแวบหนึ่ง “แม่นางน้อย เจ้ารู้ไว้ด้วยว่าหากไม่มีกวนจวินโหว ข้าไม่ถือสาหรอกนะที่จะหามศพศพหนึ่งออกจากที่นี่”
เฉียวเจาแย้มยิ้ม นางย่อมรู้แน่นอน
คราวก่อนที่เกิดเรื่องขัดแย้งกับเจียงซือหร่าน วิชาแพทย์ของนางกับพิษโอสถทิพย์ของเจียงถังสามารถปกป้องให้ครอบครัวนางรอดตัวไปได้อย่างปลอดภัย เพราะเป็นความขัดแย้งระหว่างเด็กสาว เจียงถังไม่จำเป็นต้องเล่นสกปรก
ทว่าคราวนี้คิดจะให้เจียงถังรับปากช่วยพี่ใหญ่ออกมา มีแค่สองอย่างนี้ไม่พอ ยังต้องยืมบารมีของเซ่าหมิงยวนด้วยถึงจะลงตัวพอดี ทั้งสามส่วนนี้ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปไม่ได้
ว่าไปแล้วนางยังคงดึงเซ่าหมิงยวนเข้ามาร่วมวงอยู่ดี
แต่ว่า…
แม่นางเฉียวเม้มปาก ในใจไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
พี่ใหญ่ก็เป็นพี่ชายของภรรยาเขา เขาสมควรช่วยอีกแรงหนึ่งเป็นธรรมดา
“นั่ง” เจียงถังชี้ที่เก้าอี้
เฉียวเจานั่งลงอย่างใจเย็น
“เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ”
“ท่านผู้บัญชาการใหญ่ทราบแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ” เฉียวเจาบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ
ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง นางจะหักใจตายได้เช่นไร แต่บางครั้งกลัวตายกลับจะตายเร็วขึ้น
“เท่าที่ข้ารู้มา เจ้ากับคุณชายเฉียวไม่ได้เป็นอะไรกัน เหตุใดถึงทุ่มเทกายใจช่วยเขาเช่นนี้”
เฉียวโม่ถูกจับเข้าคุกหลวง กวนจวินโหวกับเสนาบดีโค่วจะมีความเคลื่อนไหวก็ไม่นอกเหนือความคาดหมายแต่แรก ทว่าจะอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าคนที่ต้องการให้เขาช่วยเฉียวโม่ออกมาอย่างออกนอกหน้าจะเป็นเด็กสาวนางหนึ่ง
“ก่อนหมอเทวดาหลี่ไปจากเมืองหลวง ไหว้วานให้ข้าดูแลคุณชายเฉียว และข้าตกปากรับคำไปแล้ว”
“เพียงเท่านี้รึ” เจียงถังถามอย่างเหลือเชื่อ เห็นชัดว่าเขาไม่เชื่อเหตุผลน่าขันเช่นนี้
หมอเทวดาหลี่ฝากนางดูแลเฉียวโม่ แต่เพื่อช่วยเขา นางไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย?
“เท่านี้ยังไม่พอหรือเจ้าคะ” เฉียวเจาย้อนถาม
เมื่อมองสบดวงตาสงบนิ่งของเด็กสาว เจียงถังนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
เท่านี้ยังไม่พอหรือ วิญญูชนให้คำมั่นสัญญา อันที่จริงก็เพียงพอแล้ว
ถึงกระนั้นมันยากมากที่เขาจะเชื่อว่าคุณสมบัตินี้จะมีอยู่ในตัวเด็กสาวนางหนึ่ง
“ความจริงท่านผู้บัญชาการใหญ่จะสนใจเหตุผลที่ข้าช่วยคุณชายเฉียวไปไย ระหว่างพวกเราเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมเท่านั้นเอง ท่านช่วยคุณชายเฉียวออกมาให้ข้า ข้ามอบยาถอนพิษให้ท่าน ตราบเท่าที่ท่านต้องการ ข้าจะมอบให้ตลอด”
ต่อให้พิษโอสถทิพย์ของเจียงถังถูกขับออกจนเกลี้ยง วันหน้าก็ยังมีได้อีก
ไม่มีเหตุผลอื่นใด โอรสสวรรค์พระองค์นี้จะพระราชทานให้เป็นระยะๆ…
พอคิดไปอย่างนี้ เฉียวเจาก็ชักเห็นอกเห็นใจเขา
ถึงรู้ว่ายาลูกกลอนพวกนั้นกินเข้าไปแล้วไม่ดีต่อร่างกาย แต่เพราะเป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้ กลับไม่กินไม่ได้
จริงสิ ท่านย่าเคยเล่าให้นางฟังว่าสมัยที่ท่านปู่ยังเป็นขุนนางในเมืองหลวงเคยได้รับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากฮ่องเต้เป็นพิเศษเช่นกัน จากนั้นท่านปู่ก็เลิกรับราชการไปเสียเลย
“อย่าลืมว่าจะช่วยคุณชายเฉียวออกมาหาใช่เรื่องง่ายดายปานนั้นไม่”
ฮ่องเต้ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ความคิดอ่านลึกล้ำเคี้ยวคด บอกไม่ได้ว่าถ้อยคำใดจะทำให้ไม่พอพระทัยจนโดนขึ้นบัญชีหมายหัวอยู่ลับๆ
เขาคิดจะช่วยเฉียวโม่ แม้สามารถทำได้ก็จริงอยู่ แต่มีความเสี่ยงอยู่บ้างเช่นกัน
เฉียวเจาเม้มปากยิ้ม “ต่ออายุขัยให้ท่านผู้บัญชาการใหญ่ก็มิใช่เรื่องง่ายดายดุจเดียวกัน”
นางพูดจบแล้วก็ชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว
มุมปากของเจียงถังกระตุกริก “ข้ารู้แล้ว สามปี!”
แม่นางน้อยผู้นี้กลับจับทางเขาได้แล้วว่ากลัวตาย
“ตกลง ข้ารับปากเจ้า แต่ข้ายังมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“ท่านผู้บัญชาการใหญ่เชิญกล่าว”
เจียงถังมองเฉียวเจาพร้อมกับพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าต้องการตำรับยาถอนพิษโอสถทิพย์”
เขาเป็นถึงผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินผู้ทรงเกียรติ จะยอมให้เรื่องที่เป็นอันตรายพรรค์นี้ตกอยู่ในการควบคุมของคนอื่นได้เช่นไร
เฉียวเจาพยักหน้าอย่างใจกว้าง “ได้เจ้าค่ะ รอวันที่ท่านช่วยคุณชายเฉียวออกมา จะส่งมอบตำรับยาให้ท่านด้วยสองมืออย่างแน่นอน”
เจียงถังผงกศีรษะ รำพึงในใจว่าแม่นางน้อยผู้นี้ไม่เห็นกระต่ายไม่ปล่อยเหยี่ยวจริงๆ เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว บุตรสาวของเขาจะเสียเปรียบให้นางหนแล้วหนเล่าก็ไม่น่าแปลก
เฉียวเจาลุกขึ้น “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ข้าขออำลา”
เจ็บแผลเสียจริง!
“แม่นางน้อย ข้ายังมีคำถามสุดท้ายจะถามเจ้า”
“เชิญกล่าว”
“เจ้ากับกวนจวินโหวเป็นอะไรกันแน่”
เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ากวนจวินโหวสนใจแม่นางน้อยถึงได้คิดหยอกล้อทีเล่นทีจริง บัดนี้เขารู้แล้วว่าเด็กสาวเช่นนี้เว้นแต่ว่าตั้งใจจะตบแต่งนางเป็นภรรยาเข้าตระกูลอย่างจริงจัง ถ้าคิดหาความบันเทิงใจชั่วครู่ชั่วยามล่ะก็ ไม่ต่างกับเล่นกับไฟจะถูกไฟเผาตัว
เฉียวเจาตอบไม่ออกแล้ว นางกับกวนจวินโหวเป็นอะไรกันหรือ คำถามนี้ซับซ้อนเกินไป!
“ข้าเห็นว่าข้ากับกวนจวินโหวไม่ได้เป็นอะไรกัน ส่วนว่ากวนจวินโหวจะคิดอย่างไรนั้น เกรงว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่ต้องไปถามเขาเองเจ้าค่ะ”
เจียงถังส่ายหน้า เขาเดินออกมาพร้อมกับเฉียวเจา
“ท่านพ่อ…” เจียงซือหร่านก้าวเข้ามาหา
เจียงถังเห็นบุตรสาว สีหน้าก็อ่อนละมุนลงทันใด “หร่านราน ไม่ได้ออกไปเดินรอบๆ กับสือซานหรือ ในห้องอุดอู้”
เจียงซือหร่านขมวดคิ้ว “ใครจะมีแก่ใจออกไปเจ้าคะ ท่านพ่อ ท่านจะจัดการนางอย่างไร”
เฉียวเจาไม่มองนางสักแวบเดียว ย่อกายคำนับเจียงถังพลางกล่าว “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ข้าขอตัวกลับก่อน ข้าจะรอฟังข่าวดีเจ้าค่ะ”
“ได้ คุณหนูหลีค่อยๆ เดิน”
เจียงหย่วนเฉาหันขวับไปมองเจียงถัง
ท่านพ่อบุญธรรมถึงกับปล่อยคุณหนูหลีไปง่ายๆ เช่นนี้เองหรือ เช่นนั้นนางกับท่านพ่อบุญธรรมคุยเรื่องอะไรกันตามลำพัง
นึกไว้แล้วเชียว ตัวคุณหนูหลีราวกับเต็มไปด้วยปริศนา ทำให้คนที่สังเกตเห็นแล้วยากมากที่จะปล่อยมือได้
สายตาของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ตัวนางแล้วทอแววเครียดขรึม
นางได้รับบาดเจ็บแล้ว!