หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 289
บทที่ 289
“คุณหนูสาม ท่านขยับตัวไหวหรือไม่ขอรับ ข้าประคองท่านลงมานะขอรับ” เฉินกวงเอ่ยถามอย่างเก้อกระดาก
คุณหนูสามไม่ได้พาปิงลวี่ไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินด้วย ตอนนี้ไม่ใคร่สะดวกอยู่บ้าง
เฉียวเจาเพ่งสายตามองป้ายหน้าประตูจวนกวนจวินโหวอย่างจนวาจา
“คุณหนูสาม?” เฉินกวงทำหน้างุนงง
“เฉินกวง ข้าบอกว่ากลับจวน”
“ก็กลับมาถึงแล้วอย่างไรล่ะขอรับ” เฉินกวงชี้ไปที่ประตูใหญ่ของจวนกวนจวินโหว พูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “ท่านไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน พวกท่านแม่ทัพต้องเป็นห่วงแน่ๆ ดีที่พวกเรากลับมาได้เร็วพอดู”
“กลับจวนสกุลหลี” เฉียวเจากลับเข้าไปนั่งตามเดิม
“เอ๊ะ?” เฉินกวงอ้าปากค้าง
เฉียวเจาใช้มือหนึ่งเลิกม่านประตูขึ้นบอกเสียงเรียบ “เฉินกวง ตอนนี้เจ้าเป็นสารถีของข้า”
“ขอรับ” เขาทำท่าหน้าม่อยคอตกสะบัดแส้ม้าเล็กๆ รถม้าก็แล่นออกจากจวนกวนจวินโหว
องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูจวนวิ่งทะยานเข้าไปรายงาน “ท่านแม่ทัพ เมื่อครู่เฉินกวงพาคุณหนูหลีมาขอรับ แต่ไม่รู้เพราะอะไรนางไม่ได้ลงมา จากนั้นรถม้าก็กลับไป”
เซ่าหมิงยวนคิดๆ แล้วกล่าวขึ้น “เจ้าไปที่จวนสกุลหลีถามเฉินกวงดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“น้อมรับคำสั่งขอรับ”
องครักษ์เดินไปด้านนอกก็ถูกเซ่าหมิงยวนเรียกไว้อีก “ไม่ต้องไปแล้ว เฉินกวงน่าจะมาที่นี่ ถึงเวลาให้เขาเข้ามารายงาน”
คุณหนูหลีไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักหนักเบา นางไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรน่าจะบอกกล่าวเขาสักคำ
ทว่า… เซ่าหมิงยวนเหลือบตามองไปทางประตูใหญ่ของจวนด้วยท่าทางครุ่นคิด เพราะอะไรคุณหนูหลีมาถึงแล้วไม่ลงจากรถม้าก็กลับไป
เสียงฝีเท้าดังขึ้น เซ่าจือก้าวเข้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการพบข้าหรือขอรับ”
“ทางเซี่ยอู่มีความคืบหน้าหรือไม่”
“ขณะนี้ยังไม่มีขอรับ” เซ่าจือละอายใจอยู่บ้าง
“ไม่รีบ เซี่ยอู่เป็นไส้ศึกที่แทรกซึมมานานหลายปี คิดจะสืบให้กระจ่างมิใช่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน เอาอย่างนี้เถอะ เรื่องของเซี่ยอู่มอบหมายให้ผู้ช่วยของเจ้ารับหน้าที่ไปก่อนชั่วคราว ปลีกเวลามาสืบเรื่องที่เหมาซื่อของจวนเสนาบดีโค่ววางยาพิษทำร้ายคุณชายเฉียว ดูสิว่าเบื้องหลังยังมีใครเป็นผู้บงการหรือไม่”
หากยังมีมือมืดเบื้องหลังอีก เป็นไปได้เก้าในสิบส่วนว่าผู้ทรงอำนาจกลุ่มนี้คือคนร้ายตัวจริงที่วางเพลิงเรือนสกุลเฉียว ถึงแม้เขาไม่อาจลงมือสืบเรื่องที่จยาเฟิงได้ประเดี๋ยวนี้ แต่เริ่มสืบจากในเมืองหลวงก็ไม่ต่างกัน
“น้อมรับคำสั่งขอรับ” เซ่าจือประสานมือคำนับ
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “ลำบากเจ้าแล้ว”
เซ่าจือหน้าชาวาบทันใด “ข้าน้อยละอายใจนัก”
“ไปเถอะ”
เมื่อรอบด้านเงียบเชียบลง มีแต่เสียงจักจั่นดังระงมจนหนวกหูมากขึ้น เซ่าหมิงยวนสอดนิ้วประสานมือกันวางบนโต๊ะอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง
รถม้าหยุดจอดตรงประตูข้างของจวนตะวันตกสกุลหลีในที่สุด เฉียวเจาลงมาแล้วสั่งกำชับเฉินกวง “เฉินกวง เจ้าไปที่จวนกวนจวินโหว บอกว่าเรื่องนั้นน่าจะสำเร็จแล้ว แม่ทัพเซ่าไม่ต้องร้อนใจ รอคอยอย่างสบายใจได้”
“ขอรับ”
“อีกอย่างเรื่องที่ข้าได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องเอ่ยกับแม่ทัพเซ่านะ”
พอเห็นเฉินกวงพยักหน้า เฉียวเจารีบเร่งกลับเข้าเรือน
เฉินกวงรุดกลับไปที่จวนกวนจวินโหวอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งเดินถึงหน้าประตู องครักษ์ผู้หนึ่งก็วิ่งมาหา
“เฉินกวง เข้ามาเร็วเข้า ท่านแม่ทัพรอเจ้าอยู่”
“อื้อ” เฉินกวงรีบวิ่งเข้าไป “ท่านแม่ทัพ ปล่อยให้ท่านรอนานแล้ว”
“คุณหนูหลีไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง”
“คุณหนูหลีบอกว่างานสำเร็จแล้ว ขอให้ท่านสบายใจได้ขอรับ”
ได้ยินเฉินกวงบอกเช่นนี้ เซ่าหมิงยวนกลับไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด กลับมีท่าทีคล้ายรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้แต่แรก
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยถาม “ยังเกิดเรื่องอะไรกับคุณหนูหลีหรือไม่”
ถ้าไม่ใช่มีอะไรผิดปกติ คุณหนูหลีไม่มีทางมาถึงแล้วก็กลับไป ไม่แม้แต่จะพบหน้าเขา
เสียงกำชับของเฉียวเจาดังก้องขึ้นข้างหูเฉินกวง ‘เรื่องที่ข้าได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องเอ่ยกับแม่ทัพเซ่านะ’
คุณหนูสามชอบล้อเล่นนัก เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ จะไม่เอ่ยกับท่านแม่ทัพที่เคารพได้เช่นไร
“ท่านแม่ทัพ คุณหนูสามได้รับบาดเจ็บแล้วขอรับ”
“บาดเจ็บ?” สีหน้าของเซ่าหมิงยวนขรึมลงทันใด “เจ้าติดตามคุณหนูหลีไป เพื่อไปนอนหลับใช่หรือไม่”
เฉินกวงทำหน้าน้อยใจ “ท่านแม่ทัพ ตอนหลังคุณหนูสามมีเรื่องคุยกับเจียงถังตามลำพัง ไม่ให้ข้าเข้าไปด้วยนะขอรับ”
“แก้ตัว!”
เฉินกวงยืดตัวตรงกะทันหัน “ข้าแก้ตัว ข้าสมควรตาย!”
เซ่าหมิงยวนชายตามองเขาอย่างเฉยเมย “คราวหน้าถ้าคุ้มครองคุณหนูหลีไม่ได้อีก ลงโทษตามวินัยกองทัพ”
“ขอรับ” เฉินกวงขานตอบเสียงดัง
“พูดมา ใครทำร้ายคุณหนูหลี”
เฉินกวงเกาท้ายทอย “คุณหนูหลีบอกว่านางทำตนเองบาดเจ็บขอรับ”
ทำตนเองบาดเจ็บ?
ชายหนุ่มขบคิดเล็กน้อยก็เดาเหตุการณ์ในตอนนั้นได้เลาๆ เขาอดลอบถอนใจเฮือกไม่ได้
คุณหนูหลีเป็นเช่นนี้ กลับทำให้ชายอกสามศอกอย่างพวกเขาละอายใจแทบแทรกแผ่นดินหนี
“คุณหนูหลีบาดเจ็บตรงที่ใด”
เฉินกวงรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น “ที่คอขอรับ”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้องครักษ์ไปหยิบเงินหยวนเป่าสองหีบให้เฉินกวงนำกลับไป “ค่ารักษา”
ในมือคุณหนูหลีไม่ขาดแคลนยาดี แต่ดูเหมือนจะขาดเงิน
เฉินกวงกลับถึงจวนสกุลหลี เขามอบเงินหยวนเป่าสองหีบให้ปิงลวี่อย่างเบิกบานใจ “ท่านแม่ทัพมอบของขวัญให้คุณหนูสาม”
น้ำหนักที่ทิ้งลงมาในมือแทบทำให้ปิงลวี่ล้มหน้าคว่ำกับพื้น
เฉินกวงรีบรับหีบไว้
“หนักถึงเพียงนี้! ช่างเถอะ เจ้าหอบมันตามข้ามาเถอะ” ปิงลวี่มองค้อนเขาแล้วหมุนกายออกเดินไป
เฉินกวงเห็นเฉียวเจาแล้วชักร้อนตัว เขารีบวางหีบสองใบที่โต๊ะด้านข้าง “คุณหนูสาม ท่านแม่ทัพให้ข้านำของขวัญมาให้ขอรับ”
บอกว่าเป็นค่ารักษาฟังไม่เข้าท่าปานใด ท่านแม่ทัพเอาใจสตรีไม่เป็นจริงๆ
เฉียวเจาบุ้ยใบ้บอกให้ปิงลวี่เปิดออก
นางยื่นมือเปิดหีบแล้วร้องอุทานอย่างห้ามไม่อยู่
เฉียวเจาทอดสายตามองไป เห็นในหีบบุด้วยผ้าแพรแดงวางเงินหยวนเป่าสีเงินวาววับไว้จนเต็ม เปล่งประกายแยงตาอยู่ใต้แสงแดด
ขนาดและรูปทรงของก้อนเงินหยวนเป่านี้ดูคุ้นตาเป็นอันมาก แม่นางเฉียวคิดอยู่ในใจ
“นี่เป็นของขวัญที่แม่ทัพเซ่ามอบให้ข้าหรือ” เฉียวเจาเริ่มหน้าบึ้งเล็กน้อย บาดแผลตรงลำคอทำให้เสียงแหบน้อยๆ
เฉินกวงกะพริบตาปริบๆ
ดูเหมือนคุณหนูหลีไม่ค่อยชอบใจ
“เป็นค่ารักษา?” สารถีน้อยเปลี่ยนคำพูดอย่างไม่แน่ใจ
เฉียวเจาหน้าบึ้งมากขึ้น
สารถีน้อยเจียนร่ำไห้เต็มที “หรือท่านว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นเถอะขอรับ”
เขาหมดปัญญาจะทำงานนี้ได้แล้วจริงๆ
“เจ้าบอกกับแม่ทัพเซ่าว่าข้าได้รับบาดเจ็บแล้วกระมัง” เฉียวเจาถามเสียงเรียบๆ
เฉินกวงแทบคุกเข่าลง “คุณหนูสาม ข้าผิดไปแล้ว ท่านแม่ทัพเป็นห่วงท่านมาก พอท่านแม่ทัพถามขึ้นมา ข้าก็อดบอกไม่ได้ขอรับ”
“ช่างเถอะ บอกก็บอกไปแล้ว” เฉียวเจานวดๆ ขมับ หากนางถือสาหาความเฉินกวงจริงๆ คงโมโหตายไปนานแล้ว คนผู้นั้นจะส่งสารถีที่ไว้วางใจได้สักคนมาไม่ได้หรือไร
นางไม่อยากให้เซ่าหมิงยวนรู้ เหตุผลสำคัญที่สุดคือไม่อยากให้พี่ใหญ่รู้ แต่คิดไปแล้วเซ่าหมิงยวนน่าจะไม่จงใจเอ่ยกับพี่ใหญ่
เฉินกวงเห็นเฉียวเจาไม่ถือสาก็เผ่นหนีไปอย่างว่องไว ปิงลวี่ชี้ที่เงินหยวนเป่าสองหีบพลางถาม “คุณหนู แล้วนี่จะเอาอย่างไรเจ้าคะ”
“แน่นอนว่ารับไว้สิ” แม่นางเฉียวกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉย