หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 298
บทที่ 298
“เขาลั่วสยา?!” เซ่าหมิงยวนเจ็บแปลบตรงกลางอก หากสีหน้าเขายังเฉยเมยอ่านความรู้สึกใดไม่ออก เขาเดินออกไปข้างนอกพร้อมสั่งการ “ระดมองครักษ์สี่สิบนายตามข้าไปที่เขาลั่วสยา แล้วก็ไปแจ้งข่าวที่ที่ว่าการต่างๆ เช่นกรมอากร สำนักห้ากำลังพลระวังเมือง”
“น้อมรับคำสั่งขอรับ”
เซ่าหมิงยวนควบม้าห้อตะบึงเร็วรี่ ข้างใบหูเป็นลมร้อนวาบๆ ปนกระไอเย็นสบายหลังฝนตกหนัก
ถนนหลวงที่เละเป็นโคลนทำให้ความเร็วลดลงมาก เขาทำได้แค่กระทุ้งเท้าเร่งเจ้าอาชาพ่วงพีใต้ร่างสุดชีวิต ให้มันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก…เร็วขึ้นอีก
ในที่สุดเขาลั่วสยาก็อยู่ใกล้ๆ ทางเบื้องหน้า ทว่าทุกสิ่งที่สะท้อนเข้าคลองจักษุกลับทำให้คนที่เร่งรุดมาถึงที่นี่หนาวเยือกจับขั้วหัวใจ
ดินโคลนกับก้อนหินยักษ์ทับถมเป็นกองพะเนินปิดกั้นเส้นทางขึ้นเขาไว้ ในกองดินปนหินและเศษกิ่งไม้หักๆ เห็นเสื้อผ้าอาภรณ์รวมไปถึงแขนขาได้รำไร
เซ่าจือกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนหนึ่งก้มหน้าก้มตาขุดดินด้วยมือเปล่า
องครักษ์หลายสิบคนที่ขี่ม้าตามหลังเซ่าหมิงยวนเงียบกริบไปตามๆ กัน
ชายหนุ่มพลิกกายลงม้าตะโกนเสียงเคร่ง “เซ่าจือ!”
เซ่าจือวิ่งมาหา นิ้วมือทั้งสิบเป็นแผลเหวอะหวะ “ท่านแม่ทัพ!”
เซ่าหมิงยวนถือเครื่องมือขุดดินอยู่ในมือ เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมไต่ถาม “เจ้าเห็นสัญญาณจากจุดใด”
“เรียนท่านแม่ทัพ ข้าสังเกตเห็นตรงทางแยกห่างไปสิบลี้ พอรุดมาถึงที่นี่ก็เป็นสภาพเช่นนี้แล้วขอรับ”
“คนส่งสัญญาณคือเฉินกวง แสดงว่าตอนนั้นเขายังมีชีวิตอยู่” ระหว่างที่เซ่าหมิงยวนกล่าวถ้อยคำพวกนี้ ดวงตาเขาก็มองสำรวจทั้งสี่ทิศไม่หยุดอยู่ตลอด
“เช่นนั้นตอนนี้เฉินกวง…” เสียงของเซ่าจือสั่นเครือ
เซ่าหมิงยวนไม่พูดตอบ เขาเดินวนหน้ากองดินและหินได้ครึ่งรอบก็ยกมือชี้ไปที่หลายจุด “แบ่งกลุ่มละห้าคน เริ่มขุดตามจุดพวกนี้ คอยสังเกตสภาพต่างๆ ตลอดเวลา อย่าทำให้คนที่ถูกฝังบาดเจ็บ ส่วนคนอื่นๆ ทำหน้าที่ลำเลียงดินกับหิน”
คะเนตามประสบการณ์ของเขา มีเพียงคนที่ถูกทับอยู่ตามจุดหลายจุดนี้ที่ยังมีโอกาสรอดชีวิตแบบริบหรี่
“น้อมรับคำสั่ง!” พวกองครักษ์ขานตอบพร้อมเพรียงกัน จากนั้นเริ่มลงมือปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างว่องไว ไม่มีใครพูดคัดค้านใดๆ สักคน
สำหรับพวกเขาแล้ว คำบัญชาการดุจขุนเขาเป็นเหตุผลหนึ่ง หากที่สำคัญคือท่านแม่ทัพของพวกเขาไม่เคยผิดพลาด
เซ่าหมิงยวนมิได้มองดูอยู่เฉยๆ เขาก้มตัวไปยกหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งออก
“ท่านแม่ทัพ ให้พวกข้าทำเองก็พอขอรับ”
“พูดมาก!” เซ่าหมิงยวนตวาดเสียงห้วน แต่มือไม่หยุดนิ่ง เขาจะนิ่งเฉยดูดายอยู่ได้เช่นไร
เสี้ยวขณะนี้ชายหนุ่มรู้สึกโหวงเหวงในอก เขาไม่กล้าคิดอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ไปคิดด้วย ได้แต่กวัดแกว่งเครื่องมือขุดดินในมือไปเรื่อยๆ
แต่ท้ายที่สุดไม่ใช่แค่จอบในมือเซ่าหมิงยวนที่หักดังเป๊าะ เครื่องมือในมือองครักษ์หลายๆ คนทยอยกันเริ่มพังเสียหาย
กระนั้นเหล่าองครักษ์ที่สูญเสียเครื่องมือขุดดินไปแล้วต่างเริ่มขุดดินยกหินด้วยมือเปล่าตามอย่างเซ่าหมิงยวนโดยไม่ลังเลแม้สักนิด
นิ้วมือของทุกคนค่อยๆ กลายเป็นแผลเหวอะหวะ
“ออกมาแล้ว ออกมาได้แล้วคนหนึ่ง!” เสียงอุทานด้วยความยินดีขององครักษ์ดังมาจากจุดหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปทันที
องครักษ์สองคนลากบุรุษชุดสีดำผู้หนึ่งออกมา เขายังหนุ่มมาก ใบหน้าครึ่งซีกถูกทับจนเละ แต่ยังพอถูๆ ไถๆ เห็นเค้าหน้าเกลี้ยงเกลาได้ แต่คนผู้นี้ตายสนิทไปแล้ว
ชั่วขณะนั้นเซ่าหมิงยวนบอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร เขาเพียงเปล่งเสียงพูดสองคำ “ทำต่อ”
เขาย้อนกลับไปขุดดินที่เดิมต่อ ถึงแม้จิตใจจะเคว้งคว้างว่างเปล่า แต่สองมือไม่สั่นเทาแม้แต่นิดเดียว เขาขุดดินกับกิ่งไม้ออกเงียบๆ แล้วยกก้อนหินออก
ตรงเชิงเขา คนสี่สิบกว่าคนเริ่มปฏิบัติการกู้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบ นอกจากเสียงลำเลียงดินกับหินแล้วไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาเลย สิ่งที่เจียงเฉิงหัวหน้ากำลังพลระวังเมืองฝั่งตะวันตกของสำนักห้ากำลังพลระวังเมือง ได้เห็นตอนนำกำลังมาถึงก็คือภาพที่น่าตะลึงพรึงเพริดนี้
บนพื้นด้านข้างมีศพของชายหนุ่มวางเรียงกันหลายศพ ล้วนสวมชุดองครักษ์แบบเดียวกัน
เจียงเฉิงเห็นกระบี่พกข้างๆ ศพศพหนึ่งได้ถนัดตาก็แข้งขาอ่อนไปหมด “ท่านโหว นี่…นี่เป็นองครักษ์ในวังหลวงขอรับ”
เซ่าหมิงยวนกล่าวเสียงเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ช่วยคนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
ยามเผชิญกับภัยธรรมชาติยังจะแบ่งคนตามชนชั้นสูงต่ำอะไรอีก ตอนนี้เขาอยากช่วยคนเท่านั้น ยิ่งเร็วยิ่งดี!
“ท่านแม่ทัพ มีสตรีนางหนึ่งขอรับ”
คำนี้ดังขึ้น เซ่าหมิงยวนพลันแข็งเกร็งไปทั้งร่างชั่วอึดใจ จากนั้นเดินไปดูด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ
องครักษ์สองคนลากศพของหญิงสาวออกมา หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “ใบหน้าโดนทับเละแล้วขอรับ”
เซ่าหมิงยวนเห็นสีสันและแบบของอาภรณ์บนตัวนางอย่างชัดเจน จิตใจที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายทันใด
เขารู้ว่าชีวิตของคนทุกคนล้วนมีค่า ทว่าเขาไม่มีวันอยากเห็นนางถูกหามออกมาจากที่นี่
ชายหนุ่มกลับไปที่เดิม เห็นคนที่เจียงเฉิงหัวหน้ากำลังพลระวังเมืองฝั่งตะวันตกพามาคว้าจอบขึ้นจะขุดตรงจุดนั้น เขาตะคอกเสียงกระด้างอย่างสุดระงับ “หยุดมือ!”
คนที่ถูกตะคอกห้ามเงื้อจอบค้างกลางอากาศด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านโหวมีสิ่งใดจะสั่งกำชับหรือขอรับ”
กำลังพลระวังเมืองฝั่งตะวันตกของพวกเขาช่างเคราะห์ร้ายดีแท้ ทีแรกกำลังจะเลิกงาน ผลปรากฏว่าหัวหน้าได้รับแจ้งข่าวจากเหล่าใต้เท้าเบื้องบนว่าเกิดดินถล่มที่เขาลั่วสยา
บนเขาลูกนี้มีวัดต้าฝูกับอารามซูอิ่งอยู่ หนึ่งวัดหนึ่งอารามนี้มีสายสัมพันธ์กับราชสำนักในทางอ้อม ที่นี่เกิดเหตุดินถล่มขึ้นจึงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะมีคนถูกฝังหรือไม่ ก็ต้องกำจัดสิ่งกีดขวางออกเพื่อเปิดเส้นทางขึ้นเขาสายนี้
จะโทษก็ได้แต่โทษที่กำลังพลระวังเมืองฝั่งตะวันตกของพวกเขาโชคไม่ดี ใครใช้ให้อยู่ห่างจากที่นี่ใกล้ที่สุดเองเล่า
“เจ้ารู้หรือไม่ตรงนี้อาจจะมีคนเป็นอยู่” เซ่าหมิงยวนไม่เปลืองน้ำลายกับมือปราบเล็กๆ ผลักเขาออกแล้วยกหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งออกอย่างระมัดระวัง
หลังจากหินก้อนนี้ถูกยกออก ด้านในไม่ได้เป็นดินปนหินอัดกันแน่น แต่มีโพรงแคบๆ ช่องหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนมองลอดเข้าไปพร้อมออกคำสั่ง “มาทางนี้สองสามคน”
มีองครักษ์เข้ามาหลายคนทันที “ท่านแม่ทัพมีอะไรจะสั่งกำชับขอรับ”
“พวกเจ้ายันด้านข้างไว้ ข้าจะเข้าไปช่วยคน”
“ท่านแม่ทัพ ให้พวกข้าเข้าไปเถอะ” องครักษ์ที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นมือหนึ่งที่กรำศึกมาอย่างโชกโชนชนิดหาตัวจับยาก ในสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีคนใดเลอะเลือนปัญญาทึบ
โพรงแคบๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญพรรค์นี้ไม่มั่นคงโดยสิ้นเชิง มีโอกาสยุบตัวลงมาได้ทุกเมื่อ ถ้าเข้าไปช่วยคน เป็นไปได้มากว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ข้างในนั้น
“ไม่ต้องพูดพล่าม!” เซ่าหมิงยวนเอาชายเสื้อคลุมเหน็บเอว รัดปลายแขนเสื้อให้แน่น แล้วก้มตัวมุดลอดเข้าไปอย่างช้าๆ
นอกจากองครักษ์ที่ได้รับคำสั่งจากเซ่าหมิงยวนให้มายันดินโคลนด้านข้างไว้ องครักษ์คนอื่นกลับไม่มีใครหยุดงานในมือทั้งที่มีสีหน้ากังวลใจ
เจียงเฉิงอดจุปากด้วยความทึ่งไม่ได้ นึกในใจว่ามิน่ากวนจวินโหวสามารถสยบแดนเหนือไว้ใต้อำนาจได้ วันนี้ได้เห็นกับตาแล้วสมดังคำว่าคำบัญชาการดุจขุนเขา หัวหน้ากำลังพลระวังเมืองฝั่งตะวันตกเล็กๆ ผู้หนึ่งเช่นเขาหาได้มีสำนึกสูงส่งปานนั้น เพียงชะเง้อมองลอดเข้าไปข้างใน
เซ่าหมิงยวนเคลื่อนกายอย่างปราดเปรียว หลบเลี่ยงตำแหน่งที่อาจจะกระทบโดนจุดรับน้ำหนักของดินและหินไว้ เขาคลานไปถึงเบื้องหน้าบุรุษที่นอนคว่ำโก่งหลังขึ้นผู้หนึ่ง
เขาจับมือของบุรุษผู้นี้ จากนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันควัน
บุรุษคนนี้เอาตัวบังสตรีนางหนึ่งไว้ มิน่าร่างกายเขาถึงอยู่ในท่าทางเช่นนี้
ชั่วพริบตาที่แตะถูกมือบุรุษผู้นี้ เซ่าหมิงยวนก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมดลมแล้ว เขาค่อยๆ ยกศพออก เผยให้เห็นสตรีที่ถูกทับไว้ข้างใต้
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยโลหิต มองเค้าเดิมไม่ออก
เซ่าหมิงยวนพลันถอนใจโล่งอก แม้จะเห็นไม่ถนัดถนี่ เขากลับรู้ว่านี่ไม่ใช่คุณหนูหลี!