หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 301
บทที่ 301
เซ่าหมิงยวนนิ่งอึ้งไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ยังเปลือยกายท่อนบนอยู่
เขาสวมอาภรณ์เงียบๆ พลางรำพึงในใจ ความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากโดยแท้
“คุณหนูหลี ข้าพาท่านไปส่งที่วัดต้าฝูก่อนแล้วค่อยกลับมาตามหาพวกเขา”
เฉียวเจาปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ทันกาลแล้ว ท่านรอข้าตรงนี้ ข้าจะไปหาสมุนไพร”
คนผู้นี้นึกว่าตนทำได้ทุกอย่างจริงๆ หรือ ในเวลาเช่นนี้ยังคิดจะส่งนางกลับไปที่วัดต้าฝู กลับไม่รู้ว่าร่างกายเขาเจียนจะทนไม่ไหวเต็มทีแล้ว
เฉียวเจาหมุนกายออกเดินไป แต่ถูกเซ่าหมิงยวนคว้าตัวไว้หมับ
“แม่ทัพเซ่า?” นางประหลาดใจครามครัน
ในความรู้สึกของนางคนผู้นี้คร่ำครึมาก เขาถึงกับเป็นฝ่ายแตะต้องตัวนางก่อนครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
“ข้าบอกว่าทันเวลาก็ต้องทันเวลาสิ”
เฉียวเจามองค้อนเขาวงหนึ่ง “แม่ทัพเซ่านึกว่าตัวท่านตีขึ้นจากเหล็กหรือไร โปรดปล่อยข้า ข้าจะไปหาสมุนไพร…”
เซ่าหมิงยวนทำหูทวนลม ออกแรงดึงเฉียวเจาเดินย้อนกลับไป
“แม่ทัพเซ่า นี่ท่านจะทำอะไร”
“อย่าดื้อ!” เซ่าหมิงยวนเอ็ดเสียงแข็งคำหนึ่ง
เฉียวเจานิ่งขึงไป ไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิงว่าเซ่าหมิงยวนจะกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงดุดันเช่นนี้
ขณะที่นางงงงันอยู่ก็ถูกพาไปถึงเชิงเนินแล้ว
เซ่าหมิงยวนย่อตัวลง บอกเสียงเรียบเฉย “ขึ้นหลัง!”
เขาจะแบกข้าปีนขึ้นไปหรือ
เฉียวเจาตะลึงพรึงเพริดไปหมด
เขานึกว่าเขามีสามเศียรหกกรใช่หรือไม่ ทั้งที่ใกล้ทานทนไม่ไหวรอมร่อ ยังจะแบกข้าปีนเนินเขาลาดชันเฉกนี้?
“แม่ทัพเซ่า ท่านอย่าอวดเก่ง…” นางพูดไม่ทันจบร่างก็ลอยจากพื้นฉับพลัน
เซ่าหมิงยวนถึงกับแบกนางขึ้นหลังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง บุรุษใต้ตัวบอกเสียงเบา “จับไหล่ข้าไว้ให้มั่น”
สิ้นเสียงเขาก็กระโจนกายขึ้นด้านบน เฉียวเจาได้แต่เกาะตัวเขาแน่นๆ พลางพูดเสียงขุ่น “เซ่าหมิงยวน ข้าเป็นหมอ!”
เซ่าหมิงยวนปีนเนินไปพูดไป “ยามปกติใช่ แต่เวลานี้ไม่ใช่”
“ท่านหมายความว่าอะไร”
“ในสายตาข้าตอนนี้ ท่านเป็นแค่เด็กสาวผู้หนึ่ง”
หากเขาคุ้มครองนางให้ดีไม่ได้ นับเป็นบุรุษประสาอะไรกัน
เฉียวเจากัดฟันกรอด จองหอง!
“แม่ทัพเซ่า ข้าแจ่มแจ้งถึงสภาพร่างกายของท่านดี ท่านทนต่อไปได้อีกไม่นาน ถ้าปีนไปได้ครึ่งทางแล้วพิษไอเย็นกำเริบหมดเรี่ยวแรง เช่นนั้นพวกเราล้วนมิต้องตกลงไปด้วยกันหรอกหรือ สบจังหวะยังปีนได้ไม่สูง พวกเรารีบลงไปเดี๋ยวนี้เถอะ” เฉียวเจาขี่หลังเขาอยู่ไม่กล้าขยับตัวส่งเดช ทั้งประจักษ์ได้อีกว่าเขาไร้เหตุผลผิดไปจากเดิม นางจำต้องพูดเกลี้ยกล่อมอย่างมีน้ำอดน้ำทน
ทว่าบุรุษที่แบกนางปีนขึ้นไปข้างบนราวกับตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ร่างกายเป็นของข้า ข้าย่อมแจ่มแจ้งดีที่สุด คุณหนูหลีวางใจได้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านตกลงไป”
เฉียวเจาโมโหจนอ้าปากออก อยากกัดไหล่เขาสักทีใจจะขาด เจ้าคนบ้า ทั้งทึ่มทื่อทั้งดื้อด้าน!
แม้นหญิงสาวจะขุ่นเคือง แต่ในสภาพการณ์เฉกนี้นางไม่กล้าดิ้นขัดขืน ด้วยหวั่นใจว่าจะสร้างความลำบากให้เขามากขึ้น
ถึงขั้นนี้นางมองออกแล้วเช่นกันว่าเซ่าหมิงยวนก็คือสุนัขป่าที่ห่มอาภรณ์คุณชายสูงศักดิ์ผู้สุภาพนุ่มนวลดุจหยกไว้ในยามปกติ เมื่อถึงคราวคับขันจริงๆ ต่อให้ไม่มีอะไรหลงเหลืออีก เขายังคงเหลือสัญชาตญาณดิบอยู่ในตัว
เฉียวเจาจำยอมเลือกทางที่ดีรองลงมา นางกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นท่านวางข้าลง ข้าปีนเองได้”
“ไม่ได้”
เฉียวเจาเม้มปาก “ไฉนเช่นนี้ก็ไม่ได้อีก”
“มีโอกาสพลาดตกลงไปได้”
เฉียวเจาลอบสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “แม่ทัพเซ่าลืมไปแล้วหรือว่าข้าลงมาคนเดียว”
ชายหนุ่มกล่าวตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “ตอนนั้นข้าไม่อยู่”
เฉียวเจาอึ้งงัน “…” แต่ก่อนไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนพูดไม่รู้ฟังเช่นนี้
“แม่ทัพเซ่า พวกเราทำอย่างนี้นับว่าถูกเนื้อต้องตัวกันแล้วกระมัง หรือท่านตั้งใจจะตบแต่งข้าเป็นภรรยาใช่หรือไม่” เฉียวเจากล่าวคำนี้ออกมา ทั้งที่มีเจตนายั่วยุให้เขาวางตัวนางลง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดใจนางถึงสั่นไหววูบหนึ่ง
นางรับรู้ได้ชัดเจนว่าเขาแข็งทื่อไปทั้งตัวชั่วอึดใจก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ถ้าเป็นเช่นนี้ หญิงสาวที่ข้าต้องตบแต่งเป็นภรรยาคงมีไม่น้อยกว่าร้อยคน”
ในแดนเหนือมีสตรีอ่อนแอถูกชาวต๋าจื่อข่มเหงรังแกตั้งมากเท่าไร เขาเคยช่วยเหลือไว้มิใช่แค่นับร้อย ยังถึงขั้นเคยใช้อาภรณ์คลุมร่างสตรีที่โดนย่ำยี…
เฉียวเจาก้มหน้ากัดไหล่เซ่าหมิงยวนทีหนึ่ง เช่นนั้นท่านก็ไปแต่งงานกับพวกนางเสียเลยสิ!
ชายหนุ่มเกาะอยู่บนเนินเขานิ่งๆ ไม่ไหวติงนานพริบตาหนึ่ง จากนั้นอ้าปากพูดเสียงอึกอัก “คุณหนูหลี?”
ฝ่ายเฉียวเจากลับได้สติทันใด สองแก้มของนางร้อนวาบๆ
เมื่อครู่นางเผลอตัวไปจริงๆ เอ่อ…ล้วนเป็นเพราะเจ้าคนบ้าผู้นี้ถือใจตัวเป็นใหญ่ ถึงทำให้นางวุ่นวายใจ
“ขอโทษ เมื่อครู่ชนถูกท่านโดยไม่ทันระวัง” แม่นางเฉียวพูดแก้ตัวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
เซ่าหมิงยวนปีนขึ้นด้านบนต่อ หากในใจคลางแคลงอยู่บ้าง ดูเหมือนโดนชนไม่ใช่ความรู้สึกเช่นนั้น…
เขาไม่กล้าคิดให้ลึกไปอีกขั้น เอ่ยอธิบายขึ้น “ข้าคิดมาโดยตลอดว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ธรรมเนียมมารยาทอันใดล้วนไม่สำคัญเท่าชีวิตคน”
“ถ้ามีสตรีบางคนที่คิดว่าชื่อเสียงสำคัญกว่า ต้องการให้แม่ทัพเซ่ารับผิดชอบเล่า”
“ในแดนเหนือยังไม่เคยพบเจอสตรีเช่นนี้มาก่อน”
ไฟสงครามนานปีกับชีวิตที่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง บางทีอาจเพราะมีโอกาสสูญเสียชีวิตที่มีค่ามากที่สุดไปได้ทุกเมื่อ ชาวเหนือกลับปล่อยวางเรื่องอื่นๆ ได้มาก ก็จะมีอะไรสำคัญไปกว่าอยู่รอดต่อไปเล่า
“ที่นี่มิใช่แดนเหนือ เป็นเมืองหลวง”
“แต่คุณหนูหลีไม่ใช่คนเช่นนี้”
เขาเชื่อมั่นในสายตาของตนเอง
เฉียวเจาเกาะหลังเซ่าหมิงยวนนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอีก นางนึกในใจ คนโง่ ช้าเร็วท่านต้องเจอกับคนเช่นนี้
ทั้งคู่ค่อยๆ ปีนขึ้นไปจนถึงกลางไหล่เขา จู่ๆ ฟ้าผ่าลงมาดังเปรี้ยง แล้วสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาทันที
เซ่าหมิงยวนหยุดปีนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ไม่ไหว ปีนไม่ได้แล้ว”
การที่เขาอยากพาคุณหนูหลีขึ้นไปย่อมไม่ใช่เป็นความดันทุรังแน่นอน แต่เพราะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมถึงทำเช่นนี้ ทว่าฝนตกหนักกะทันหันทำให้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ฝ่าฝนปีนขึ้นไปมีโอกาสสำเร็จเพียงน้อยนิด ถ้าเขาตัวคนเดียวยังพอลองเสี่ยงดูได้ แต่ตอนนี้มีสองคน เขาจะเอาความปลอดภัยของนางมาเดิมพันไม่ได้
เฉียวเจายังไม่ทันพูดตอบ เขาก็เอ่ยเตือนขึ้น “คุณหนูหลี จับข้าไว้แน่นๆ”
กล่าวคำนี้จบเขาก็เหยียดขาตรงทิ้งตัวไถลลงไปตามเนินเขาอย่างรวดเร็ว
เวลาจะปีนขึ้นยากเย็นอย่างนั้น ตอนไถลตัวลงมาคล้ายชั่วพริบตาเดียว เท้าของคนทั้งสองก็แตะพื้นดินแล้ว
เซ่าหมิงยวนเกาะผนังหินหยุดหอบหายใจ
“แม่ทัพเซ่า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
เขาวางตัวเฉียวเจาลงแล้วหมุนกายมา “ไม่เป็นไร พวกเรารีบหาที่หลบฝนกันเถอะ”
อากาศในภูเขาเย็นจัดแม้ว่าจะเป็นฤดูร้อน เขากับนางตากฝนไปเรื่อยๆ ก็ต้องทนไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเซ่าหมิงยวนจวนจะต้านทานพิษไอเย็นที่ออกฤทธิ์พลุ่งพล่านไปทั่วกายไม่ไหวแล้ว
ฝนตกราวกับฟ้ารั่ว ระดับน้ำในโตรกธารที่อุดมสมบูรณ์อยู่แต่เดิมสูงมากขึ้นอีก ซ้ำยังไหลเชี่ยวกรากไปสู่ที่ไกลๆ ประหนึ่งมังกรคะนองน้ำ
ในใจเฉียวเจาหนักอึ้งยิ่งขึ้น
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เฉินกวงกับปิงลวี่ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่…
แต่ขณะนี้นางกับเซ่าหมิงยวนยังเอาตัวไม่รอด สุดปัญญาจะไปตามหาพวกเขาแล้ว
“มา พวกเราเดินไปทางนี้กัน”
ด้วยหวั่นกลัวนางจะพลัดตกลงไปในโตรกธาร ชายหนุ่มจึงจูงมือนางแน่นๆ เดินไปทิศทางหนึ่ง ในที่สุดก็พบถ้ำแห่งหนึ่งหลังจากผ่านไปสองเค่อ
“ท่านรอข้าตรงนี้” เซ่าหมิงยวนพูดกำชับจบแล้วก้มตัวลอดเข้าไปในถ้ำ ไม่นานนักก็ถอยออกมา เผยรอยยิ้มละม้ายยกภูเขาออกจากอก “ข้างในปลอดภัยดี พวกเราเข้าไปเถอะ”