หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 308
บทที่ 308
องครักษ์กระวีกระวาดส่งน้ำให้ ยังมีองครักษ์ยกเก้าอี้มาเชิญเซ่าหมิงยวนนั่งลง
เซ่าหมิงยวนมิได้นั่งลง เขายังยืนพิงหน้าผารับกาน้ำมายกกรอกเข้าปากคำใหญ่ๆ หลายอึก น้ำหกออกมาไหลผ่านลำคอเข้าไปในคอเสื้อก็ไม่นำพา
เขาดื่มรวดเดียวจนเกลี้ยงแล้วเหลียวมองไปรอบๆ สายตาหยุดอยู่ที่จุดหนึ่ง
“ท่านโหว” เจียงหย่วนเฉายืนอยู่ตรงนั้น ส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
เซ่าหมิงยวนโยนกาน้ำให้องครักษ์ด้านข้างแล้วพูดเสียงเรียบ “ใต้เท้าเจียง”
เจียงหย่วนเฉาเดินมาหาเขา พวกองครักษ์ขวางไว้ทันที
“ท่านโหวนี่หมายความว่าอะไร”
“อย่าเสียมารยาท เชิญใต้เท้าเจียงมาทางนี้”
พวกองครักษ์รีบถอยออก เจียงหย่วนเฉาเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งสนิท เขามองสำรวจเซ่าหมิงยวนก่อนเอ่ยยิ้มๆ “ได้ยินว่าเมื่อวานท่านโหวขึ้นเขาไปแล้ว ข้าเลื่อมใสวรยุทธ์ของท่านจริงๆ”
“ใต้เท้าเจียงกล่าวชมเกินไป” เซ่าหมิงยวนลอบปรับลมหายใจให้เป็นปกติ
“ท่านโหวไปที่วัดต้าฝูมาแล้วกระมัง ฮ่องเต้กับไทเฮาใส่พระทัยในสถานการณ์ของเหล่าภิกษุชั้นผู้ใหญ่ของวัดต้าฝูรวมถึงซือไท่ในอารามซูอิ่งเป็นอันมาก” เจียงหย่วนเฉาบอกจุดประสงค์ที่มาอย่างชัดเจน
บนตัวเซ่าหมิงยวนตอนนี้สวมชุดที่ทางวัดต้าฝูเตรียมไว้ให้ผู้มาจุดธูปไหว้พระ
เพลานี้เองมีขุนนางหลายคนวิ่งมาพร้อมกับเหงื่อท่วมศีรษะ หลังแสดงคารวะแล้วไต่ถามเซ่าหมิงยวนด้วยคำถามเดียวกัน “ท่านโหว ทางวัดต้าฝูกับอารามซูอิ่งเป็นอย่างไรบ้าง”
“วัดต้าฝูมีอุโบสถด้านข้างพังหลังหนึ่งกับภิกษุได้รับบาดเจ็บสิบกว่ารูป เคราะห์ดีที่ไม่มีคนล้มตาย ขณะนี้ภิกษุทั้งหลายดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ด้านอารามซูอิ่งปลอดภัยดีทุกอย่าง”
“เป็นเช่นนั้นก็ดีๆ” พวกขุนนางปาดเหงื่อออก
ข่าวเหตุดินถล่มที่เขาลั่วสยาแพร่เข้าไปในวังหลวง ไทเฮาออกพระเสาวนีย์เร่งเร้าเอาคำตอบสามครั้งติดๆ กันแล้ว ถ้าเกิดภิกษุชั้นผู้ใหญ่พวกนั้นเป็นอะไรไปจริงๆ อย่าเห็นพวกเขาทำงานกันหลังขดหลังแข็ง ถึงเวลาคงเข้าตำราเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังเอากระดูกมาแขวนคอเป็นแน่แท้ ดีไม่ดีอาจโดนตั้งข้อหาสักอย่างจนไม่รู้ว่าต้องระเห็จไปอยู่ที่ใด
“ขอบคุณท่านโหวมากที่บอกกล่าวให้ทราบ ท่านต้องลำบากแล้ว รีบไปพักในเพิงเถอะขอรับ” พวกขุนนางกล่าวด้วยน้ำใสใจจริง
กว่าถนนสายนี้จะเปิดให้สัญจรได้ต้องใช้เวลาอย่างต่ำสิบกว่าวัน ไม่มีกวนจวินโหว ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ข่าวจากข้างใน
พวกขุนนางกล่าวขอบคุณจบก็ไปทำงานของตนเอง เจียงหย่วนเฉายืนอยู่ที่เดิมส่งยิ้มให้เซ่าหมิงยวน “ความสามารถของท่านโหว ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก”
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนไม่แสดงอารมณ์ใด หากในใจชักคลางแคลง
จะว่าไปแล้วเขากับท่านสิบสามของกององครักษ์จินหลินผู้นี้อาจไม่เคยคบค้าวิสาสะกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นผิดใจกัน เหตุอันใดเขารู้สึกได้รางๆ ว่าเจียงหย่วนเฉามักมีท่าทีคล้ายๆ เป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างบอกไม่ถูก
“มิบังอาจ หากใต้เท้าเจียงไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าจะไปพักผ่อนทางนั้นสักหน่อย”
“อ้อ เชิญท่านโหวตามสบาย” เจียงหย่วนเฉายิ้มแย้มหลีกทางให้ เขาเห็นเซ่าหมิงยวนสาวเท้าก้าวใหญ่แยกไป พลันโพล่งขึ้นคำหนึ่ง “ไม่ทราบว่าคุณหนูหลีที่พำนักอยู่ในตรอกซิ่งจื่อเป็นอย่างไร”
เซ่าหมิงยวนชะงักฝีเท้า จากนั้นหมุนกายไป
มุมปากของอีกฝ่ายยังแฝงรอยยิ้ม มองพิรุธใดๆ ไม่ออก
“ข้าไม่ได้เจอกับคุณหนูหลี แต่ภิกษุณีของอารามซูอิ่งนำความมาบอกต่อวัดต้าฝูว่าคุณหนูหลีอยู่ในอาราม” เซ่าหมิงยวนยิ้มกับเขา “ดูทีว่านางคงไม่เป็นอะไรมาก”
“อ้อ เป็นอย่างนี้เอง ดูท่าทางคนในครอบครัวคุณหนูหลีสามารถวางใจได้แล้ว”
เซ่าหมิงยวนไม่กล่าววาจาต่อ ค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อยก่อนก้าวขาออกเดินไป
พวกฉือชั่นเข้ามารุมล้อมเขาแล้วดึงตัวไปตรงมุมปลอดคนด้านข้างทันที
“นางเป็นเช่นไรบ้าง” ฉือชั่นถามอย่างอดรนทนไม่ไหว
เซ่าหมิงยวนละล้าละลังเล็กน้อย
ฉือชั่นหน้าเปลี่ยนสี “ตกลงเป็นอย่างไรกันแน่”
เซ่าหมิงยวนนิ่งมองเขาแวบหนึ่งถึงตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างสงบนิ่ง “คุณหนูหลีสบายดีมาก เจ้าวางใจได้”
“จริงรึ”
“จริงสิ ข้าจะโกหกเจ้าไปเพื่ออะไร”
“เช่นนั้นก็ดี” ฉือชั่นยิ้มออกแล้ว
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนบอกกับคนทั้งสาม “พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาไปอีก”
“จะขึ้นไปอีกหรือ” หยางโฮ่วเฉิงตวัดสายตามองไปที่หน้าผาลาดชัน ไต่ถามอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อไม่เป็นอะไรแล้ว รอถนนใช้การได้เป็นอันสิ้นเรื่อง ยังจะขึ้นไปอีกด้วยเหตุใด”
ฉือชั่นเอ่ยขึ้นฉับพลัน “ใช่หรือไม่ว่าจะให้หลีซาน…”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้า “อื้อ”
เมื่อเช้าเขาพาคุณหนูหลีไปถึงวัดต้าฝู นางขอยืมเข็มเงินจากภิกษุในวัดขับพิษให้ เขาถึงมีเรี่ยวแรงลงเขา
หลังประสบผ่านสองวันนี้มา เขาตระหนักถึงความสำคัญของการฝังเข็มขับพิษอย่างถ่องแท้แล้ว
คุณหนูหลีไม่ได้พูดเกินจริงเลย ทันทีที่การฝังเข็มขาดตอนวันเดียว เขาก็ไม่ต่างกับคนใกล้ตาย
ครั้นคิดถึงว่าตนจำไม่ได้สักนิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก ในใจเซ่าหมิงยวนก็กระวนกระวายชอบกลละม้ายถูกปกคลุมด้วยเมฆดำชั้นหนึ่ง
“วันนี้ข้าลงมาเพื่อแจ้งข่าวคราวให้ทุกคนสบายใจ รอพรุ่งนี้ขึ้นไปอีกครั้งก็จะรอถนนใช้การได้แล้วค่อยลงเขา”
“เช่นนี้ก็ดี ถ้าเกิดในวัดมีปัญหาอะไร ก็ไม่ถึงขั้นที่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องรู้ราวสักนิด” จูเยี่ยนกล่าว
หยางโฮ่วเฉิงส่ายหน้าพลางพูด “รู้แล้วจะทำอย่างไรได้ ตอนนี้มีแต่ถิงเฉวียนที่เข้าไปในภูเขาได้ ถ้าข้างในเกิดเรื่องใดขึ้น คนข้างนอกก็อับจนหนทางอยู่ดีมิใช่หรือ”
“ถิงเฉวียน คนอื่นเป็นเช่นไรข้าไม่สนใจ เจ้าช่วยข้าดูแลหลีซานให้ดีด้วย”
เซ่าหมิงยวนมองเขาแล้วคลายยิ้ม “ได้สิ”
“บิดากับพี่ชายของหลีซานล้วนอยู่ที่นี่ ข้าไปบอกกับพวกเขาสักคำ” ฉือชั่นหมุนตัวเดินไปทางเพิงบังแดด
เซ่าหมิงยวนดึงสายตากลับ เขาหันไปพูดคุยกับพวกหยางโฮ่วเฉิง
คุณหนูหลีไหว้วานให้เขาส่งข่าวถึงคนในครอบครัวว่านางปลอดภัย บัดนี้ดูไปเขาไม่ต้องเป็นธุระให้แล้ว
“ท่านอาหลี สหายรักของข้าเพิ่งลงเขามาบอกว่าคุณหนูสามไม่เป็นอะไร ขณะนี้นางพำนักอยู่ในอารามซูอิ่งชั่วคราว”
หลีกวงเหวินยินดียกใหญ่ ยิ่งมองฉือชั่นก็ยิ่งถูกตา เขาพยักหน้าหงึกหงักกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นก็ดีๆ”
ตอนนี้เองมีเสียงเอะอะวุ่นวายไม่เบานักดังขึ้นกะทันหัน “หลีกทางหน่อยๆ”
กลิ่นหอมเย้ายวนใจลอยมาระลอกหนึ่ง ทุกคนพากันหยุดเหลียวมองรอบตัวอย่างห้ามไม่อยู่ เห็นรถเทียมม้าไร้ประทุนสองคันแล่นมาตามถนนหลวง บนนั้นวางของกองเป็นตั้งๆ จนเต็ม กลิ่นหอมหวนนั่นลอยอวลมาจากรถม้านั่นเอง
ทหารหลายคนสกัดรถม้าไว้ “ทางนี้รถม้าผ่านไม่ได้ รีบกลับไปเสีย”
เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ทางการร่างกำยำล่ำสันกลุ่มหนึ่ง เหอซื่อหาได้พรั่นพรึงแม้สักนิด นางตบๆ คานรถม้าพลางกล่าว “ข้านำของกินมาให้พวกใต้เท้าเจ้าค่ะ”
“ของกิน?” ทหารทั้งหลายสูดจมูกฟุดฟิดไม่หยุด
กลิ่นหอมนี้ จุๆ…
“ถูกต้อง มีไก่ย่าง เนื้อพะโล้ ขาหมูรมควัน กีบเท้าหมูตุ๋น จริงสิ…ยังมีสุราขาวอีกด้วย” เหอซื่อสั่งให้คนเปิดผ้าเคลือบมันที่คลุมของไว้ออก
กลิ่นหอมฟุ้งตลบยิ่งขึ้น
เสียงกลืนน้ำลายกับเสียงท้องร้องโครกครากดังเป็นทอดๆ โดยพลัน
“ใต้เท้าทั้งหลายอย่าได้เกรงใจ กินอิ่มแล้วถึงมีแรงทำงาน”
เสียงความวุ่นวายทางนี้ดึงดูดความสนใจจากคนไม่น้อย หลีฮุยชะโงกศีรษะไปมองแล้วอึ้งไปทันใด “ท่านพ่อ นายหญิงมาขอรับ”
“ฮูหยินข้ามาทำอะไร” หลีกวงเหวินเจ็บเท้าเลยได้แต่นั่งอยู่ มองไม่เห็นเหตุการณ์ข้างนอก
“ดูเหมือนจะนำของกินมามากมาย รถม้ามาตั้งหลายคันเลยขอรับ”
“ข้าไม่ได้ท้องยุ้งพุงกระสอบสักหน่อย ใส่ในตะกร้าเล็กใบหนึ่งหิ้วมาไม่หมดหรือ”
“ไม่ใช่ขอรับ นายหญิงมาส่งอาหารให้พวกเจ้าหน้าที่ทางการ ให้พวกเขากินอิ่มแล้วจะได้มีแรงทำงานขอรับ”
หลีกวงเหวินนิ่งงันไปเล็กน้อย “…” ถึงแม้นางจะล้างผลาญสมบัติ ทว่ายังนับว่าหัวไวน่าดู!
“รีบไปบอกนางว่าน้องเจาของเจ้าไม่เป็นไร นางจะได้สบายใจ”
“ขอรับ” หลีฮุยขานรับคำหนึ่ง เขาเริ่มรู้สึกได้ว่าบางอย่างผิดแผกไป ดูเหมือนท่านพ่อจะปฏิบัติต่อมารดาเลี้ยงไม่เหมือนเดิมแล้ว