หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 311
บทที่ 311
เซ่าหมิงยวนยื่นห่อผ้าส่งให้นาง “เป็นของกินที่สือซีไหว้วานข้านำมาให้ท่าน”
เฉียวเจารับมาเปิดออกต่อหน้าเขา ในนั้นมีขนมสอดไส้มังสวิรัติจากร้านเก่าแก่ดั้งเดิมหลายห่อ ยังมีแตงหวานหนึ่งลูก
แตงหวานเป็นสีเหลืองทองส่งกลิ่นหอมหวานชื่นใจ
เฉียวเจาไม่รู้ว่าสมควรพูดอะไรไปชั่วขณะ
“สือซียังฝากความข้ามาบอกต่อคุณหนูหลีด้วย” เซ่าหมิงยวนสัมผัสได้ว่าบรรยากาศชักเริ่มอึดอัด เขาจึงรีบกล่าวขึ้น
“พี่ฉือมีอะไรจะบอกข้าหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง
“เขาบอกว่า…” เซ่าหมิงยวนมองนัยน์ตาดำขลับของเด็กสาวแล้วสองจิตสองใจเล็กน้อย “ให้ท่านรักษาเนื้อรักษาตัว สองปีนี้เขาจะมานะพยายาม วันหน้าจะตบแต่งท่านเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามประเพณี”
เฉียวเจาทำสีหน้าปึ่งชา
ตบแต่งข้าเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามประเพณี?
เช่นนั้นข้าต้องซาบซึ้งใจอย่างเหลือแสนใช่หรือไม่ แล้วยังต้องขอบคุณ ‘พ่อสื่อ’ ที่นำความมาบอกผู้นี้ด้วยสินะ
สายตาเย็นเยียบของเด็กสาวทำให้แม่ทัพหนุ่มทำอะไรไม่ถูกอยู่สักหน่อย
เขาแค่นำความมาบอกต่อ…ทั้งมิได้มีเจตนาจับคู่ ทั้งไม่คิดจะกีดกันขัดขวาง สตรีอย่างคุณหนูหลีย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่น่าจะว่อกแว่กไหวเอนไปกับสิ่งรอบข้าง
ทว่าเพราะอะไรนางถึงโมโหอีกแล้ว
“แม่ทัพเซ่าถอดเสื้อออกเถอะ รีบฝังเข็มให้ท่านเสร็จโดยไว ข้าจะกลับอารามแล้วเจ้าค่ะ”
“อ้อ” เซ่าหมิงยวนยกมือขึ้นปลดสายรัดเอว
สำหรับเรื่องเปลื้องอาภรณ์พรรค์นี้ คนบางคนคุ้นชินแล้วอย่างเห็นได้ชัด
เฉียวเจาเลิกคิ้วขึ้น
ไม่สำเหนียกถึงความผิดของตนสักนิดเลยหรือนี่ เขาเป็นแม่ทัพใหญ่คุมกำลังทหารไว้ในมือผู้หนึ่งกลับแย่งหน้าที่ของแม่สื่อไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ
เฉียวเจาอดนึกไปถึงราตรีก่อนหน้าไม่ได้
บุรุษตรงหน้าผู้นี้ใช้นางเป็นผ้าห่มตลอดคืน ทำเอานางหนาวแทบกลายเป็นน้ำแข็ง แต่ตอนนี้เขาบอกนางว่ามีชายอื่นจะพยายามตบแต่งนางเป็นภรรยา? มิหนำซ้ำทำสีหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย
แม่นางเฉียวยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง นางเหยียดนิ้วชี้จิ้มที่กล้ามหน้าท้องของคนบางคน พลางพูดเสียงเย็นๆ “แม่ทัพเซ่าใช้ยาดีขนานใดลบเลือนรอยแผลเจ้าคะ ตรงนี้หายเร็วน่าดู”
เซ่าหมิงยวนหน้าแดงก่ำเหมือนลูกตำลึงสุก
เฉียวเจาปรายตามองเขาอย่างเฉยเมย ไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อยนิด นางฝังเข็มเงินตรงหน้าอกเขาไปพลาง พูดอย่างมึนตึงไปพลาง “แม่ทัพเซ่ายังเอาตนเองไม่รอด วันหน้าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนอ้าปากออกทว่าไม่กล้าแก้ตัว
ข้าเปล่านะ ข้าก็แค่บอกความต่อเท่านั้นเอง!
ทว่าวันนี้ท่าทางของคุณหนูหลีดูน่ากลัวเหลือเกิน ถ้าเขาพูดอธิบาย เกิดนางจิ้มตัวเขาอีกจะทำเช่นไร
แม่ทัพหนุ่มซึ่งรู้แจ้งถึงจุดนี้แล้วปิดปากอย่างสงบเสงี่ยม จนกระทั่งเฉียวเจาดึงเข็มเงินออกก็ยังคงไม่ปริปาก
เฉียวเจาเห็นเขาสวมเสื้อเงียบๆ จึงเอ่ยถามขึ้น “มีข่าวของปิงลวี่กับเฉินกวงหรือยังเจ้าคะ”
“ยังไม่มี ข้าส่งคนไปเสาะหาพวกเขาแล้ว” พอเห็นนางเริ่มไต่ถามเป็นการเป็นงาน เซ่าหมิงยวนก็ลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “เท้าของคุณหนูหลีดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“ปรุงยามาประคบร้อนกับแช่เท้าจนอาการบวมลดลงแล้ว อีกไม่นานก็จะเดินได้เป็นปกติ ถึงเวลาไม่ต้องรบกวนพวกซือฟู่ของอารามซูอิ่งแบกข้าลงมาอีก”
“ล้วนเป็นเพราะต้องฝังเข็มให้ข้า คุณหนูหลีถึงได้วุ่นวายเช่นนี้”
“แม่ทัพเซ่าช่วยชีวิตข้าไว้ ไม่ต้องกล่าววาจาตามมารยาทพรรค์นี้ ข้าจะกลับอารามซูอิ่งแล้วเจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนล้วงของสิ่งหนึ่งจากแขนเสื้อส่งให้นาง “คุณหนูหลีเก็บสิ่งนี้ไว้ให้ดี”
“นี่คืออะไรเจ้าคะ” เฉียวเจาพิศดูของที่อยู่ในมือเขา
มันเป็นของชิ้นเล็กๆ ยาวไม่ถึงสามชุ่น มีรูเล็กๆ กลมมน คล้ายหยกแต่ไม่ใช่หยก คล้ายกระดูกแต่ไม่ใช่กระดูก ดูไม่ออกว่าทำจากวัสดุอะไร
ถึงเฉียวเจาจะมีความรู้กว้างขวางก็ยังมองไม่ออกว่านี่เป็นของอะไร
เซ่าหมิงยวนไขความกระจ่าง “สิ่งนี้เรียกว่าขลุ่ยกระดูก ทำมาจากกระดูกคอของสัตว์ป่าชนิดหนึ่งในแดนเหนือ เสียงขลุ่ยสั้นห้วนแต่ดังกังวานไกล คุณหนูหลีพกมันไว้ติดตัว ตอนนี้ถนนบนเขาโดนตัดขาด ท่านยังเดินเหินไม่สะดวก ถ้าพบปัญหาอะไรก็เป่ามัน ข้าได้ยินได้ในระยะห่างระหว่างอารามซูอิ่งกับวัดต้าฝู”
เฉียวเจากำขลุ่ยกระดูกเลาเล็กๆ ไว้ในมือเพียงรู้สึกว่ามันเย็นเฉียบดุจหยก ปากกลับเอ่ยขึ้นว่า “ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ แม่ทัพเซ่าได้ยินก็เข้าไปไม่ได้ตามสะดวก อารามซูอิ่งไม่อนุญาตให้ฆราวาสชายเข้าใกล้เจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “กฎเป็นของตายตัว แต่คนพลิกแพลงได้ คุณหนูหลีเก็บไว้ให้ดีเท่านั้นเป็นพอ”
“ได้ ข้าจะเก็บไว้ ขอบคุณแม่ทัพเซ่ามากเจ้าค่ะ”
เฉียวเจากลับถึงอารามซูอิ่งแล้วลูบขลุ่ยกระดูกที่เซ่าหมิงยวนมอบให้ไปมาพลางคิดคำนึงในใจ
คนผู้นั้นกลับละเอียดรอบคอบนัก ทว่าขลุ่ยเลานี้คงไม่ได้ใช้ประโยชน์กระมัง
บนภูเขาเงียบสงบ เวลาล่วงผ่านไปหลายวันอย่างเชื่องช้าดุจสายน้ำ
ยามนี้เฉียวเจาสามารถเดินเท้าไปวัดต้าฝูฝังเข็มขับพิษให้เซ่าหมิงยวนเองได้แล้ว อีกทั้งไปๆ มาๆ นางกับเณรน้อยเสวียนจิ่งยังสนิทคุ้นเคยกันมากขึ้นด้วย
วันนี้หลังเฉียวเจาฝังเข็มให้เซ่าหมิงยวนแล้วเตรียมตัวกลับ เสวียนจิ่งตัวน้อยอุ้มกระต่ายตัวหนึ่งมาจากที่ใดก็สุดรู้ “สีกา ขาของกระต่ายตัวนี้มีเลือดออก ท่านสอนวิธีทำแผลของมันให้ข้าได้หรือไม่”
“ได้สิ”
กลางเขาพบเห็นสมุนไพรป่าได้ทุกหนแห่ง เฉียวเจาพาเสวียนจิ่งไปเก็บสมุนไพรห้ามเลือดกำหนึ่ง สอนให้เขาบดละเอียดแล้วพอกที่แผลบนตัวกระต่าย จากนั้นใช้ผ้าพันทับให้เรียบร้อยและผูกเก็บปลายเป็นเงื่อนผีเสื้ออย่างสวยงาม
“เสร็จแล้ว ไว้พรุ่งนี้พวกเราค่อยใส่ยาใหม่ให้มันด้วยกัน”
เสวียนจิ่งพยักหน้าหงึกหงัก “ได้ สีกาช่วยชีวิตกระต่ายไว้ เป็นบุญกุศลไม่สิ้นสุด”
เฉียวเจาอดหัวร่อไม่ได้ นางยกมือบีบแก้มเขา “อย่างนั้นข้าสมควรขอบคุณเจ้ากระต่ายตัวนี้”
“สีกา อาตมาพาท่านไปส่งที่อารามซูอิ่งเถอะ”
“ไม่ต้องแล้ว กระต่ายได้รับบาดเจ็บ ซือฟู่น้อยยังต้องดูแลมันไม่ใช่หรือ ข้ากลับไปเองก็ได้”
“แล้วท่านจำทางได้หรือไม่” เสวียนจิ่งถามอย่างเป็นห่วง
เฉียวเจากลั้นยิ้มไม่อยู่ “จำได้แน่นอน จากวัดต้าฝูไปที่อารามซูอิ่งมีอยู่แค่ทางเดียวมิใช่หรือ”
“ไม่ใช่นะ สีกา อาตมาจะแอบบอกให้ท่านรู้ไว้ ความจริงยังมีอีกทางหนึ่ง แต่ถนนเส้นนั้นต้องอ้อมไกล อีกทั้งต้องข้ามสะพาน แต่สะพานแห่งนั้นขาดไปตั้งแต่เมื่อครั้งกระโน้น ก่อนอาตมาจะเกิดเสียอีก ดังนั้นพอนานวันเข้าก็ไม่มีคนจำได้”
“แล้วซือฟู่น้อยรู้จักได้อย่างไรล่ะ”
เสวียนจิ่งหน้าแดง “มีครั้งหนึ่งอาตมาหลงทางก็เลยไปเจอเข้า อาตมากลัวท่านหลงทางถึงได้บอกท่านไว้”
“ซือฟู่น้อยวางใจได้ ข้าจะเดินไปตามทางที่พวกเราไปกลับทุกวัน ไม่มีทางหลงเด็ดขาด”
เสวียนจิ่งลุกขึ้นยืน มือหนึ่งอุ้มกระต่าย มือหนึ่งปัดฝุ่นบนจีวรออก “ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็วางใจแล้ว สีกา พรุ่งนี้พบกันใหม่”
“พรุ่งนี้พบกัน”
เฉียวเจากล่าวล่ำลากับเณรน้อยแล้วย่ำเท้าไปตามถนนบนเขากลับสู่อารามซูอิ่ง
ที่นั่นตั้งอยู่สูงกว่าวัดต้าฝู แต่มีอาณาบริเวณเล็กกว่ามาก อารามทั้งหลังซ่อนตัวอยู่กลางแมกไม้เขียวขจี
หญิงสาวคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้เป็นอย่างดี นางก้าวเดินด้วยฝีเท้าปราดเปรียวไปถึงด้านหน้าอารามแล้วผลักประตูเข้าไป
นางกินอาหารกลางวันวันนี้ที่วัดต้าฝู ทั้งยังไปเก็บสมุนไพรเป็นเพื่อนเสวียนจิ่ง จึงกลับมาช้ากว่าปกติอยู่บ้าง
ภายในอารามเงียบเชียบ เวลานี้เหล่าซือฟู่ทั้งหลายน่าจะนอนพักกลางวันอยู่ ทว่าเฉียวเจายิ่งเข้าไปข้างในก็ยิ่งรู้สึกได้รางๆ ว่าไม่ชอบมาพากล คลับคล้ายตนกลายเป็นเหยื่อตัวหนึ่งที่กำลังเดินเข้าสู่กับดักที่วางไว้ล่วงหน้าทีละก้าว โดยมีผู้ล่าใจที่เย็นจับจ้องอยู่ในที่ลับ
นางค่อยๆ ชะลอฝีเท้า ชำเลืองมองสองข้างทางหางตา ทันใดนั้นนางเหลือบเห็นรอยเท้ารอยหนึ่งตรงด้านข้างแปลงสมุนไพร
นั่นเป็นรอยเท้าของบุรุษข้างหนึ่ง
เฉียวเจาหมุนกายขวับ