หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 32
สาวใช้น้อยๆ ผู้หนึ่งย่อมขัดขวางคุณหนูรองหลีเจียวไว้ไม่อยู่เป็นธรรมดา
หรือจะพูดว่าปิงลวี่มีไหวพริบเล็กๆ น้อยๆ อยู่พอสมควร คุณหนูใหญ่กับคุณหนูของตนเป็นศัตรูคู่แค้นกัน นางก็ต้องปกป้องคุณหนูอย่างเด็ดเดี่ยวแน่นอน ส่วนคุณหนูรองเป็นคนสำคัญที่สุดในหมู่คุณหนูสกุลหลี แม้แต่คุณหนูของตนปกติยังต้องประจบเอาใจ ถ้านางใช้กำลังขัดขวาง นั่นจะเป็นการสร้างศัตรูให้คุณหนู
ด้วยเหตุนี้หลีเจียวเลยบุกเข้ามาได้
ตอนนางเข้าไป เฉียวเจากุมถ้วยชาเปล่าดื่มอยู่ เมื่อได้ยินเสียงก็ช้อนตาขึ้นเหลือบมองไปทางหน้าประตูแวบหนึ่งก่อนยกกาน้ำชาขึ้นรินเติม
อิริยาบถผ่อนคลายตามสบายอย่างนั้นจู่ๆ ก็ขัดหูขัดตาหลีเจียวขึ้นมากะทันหัน นางจำไม่ได้เลยว่าหลีซานเคยกล้าไม่ให้เกียรตินางปานนี้
หลีเจียวสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปหา ปลายหางตาเรียวสวยชี้ขึ้น นางก้มลงมองพร้อมกับกล่าวอย่างวางอำนาจ หลีซาน นี่ก็คือมารยาทของเจ้าหรือ เห็นข้ามาถึงยังดื่มน้ำชาโดยไม่สนใจ
เฉียวเจาวางถ้วยน้ำชาลง คลี่ยิ้มอย่างเปิดเผย ข้านึกว่าพี่เจียวเป็นคนไม่ถือธรรมเนียมพวกนี้เสียอีก ที่แท้ตนเองไม่ทำได้ แต่ต้องการให้คนอื่นทำ
หลีเจียวพลันเบิกตากว้างถลึงมองเฉียวเจาอย่างเหลือเชื่อ นางหูฝาดไปใช่หรือไม่ หลีซานกล้ากล่าววาจาเยี่ยงนี้กับนางหรือ
คุณหนูใหญ่หลีเจี่ยวที่ตามมาด้านหลังก็ทำสีหน้าตะลึงลาน
นางกล้าได้อย่างไร…
คุณหนูห้าหลีซูก้มหน้าต่ำๆ พยายามทำตัวเป็นอากาศธาตุ
พี่เจียวดื่มน้ำชาสิเจ้าคะ เฉียวเจารินน้ำชาถ้วยหนึ่งยื่นส่งให้ด้วยตนเอง
นางมีสีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงเยือกเย็น ทว่าในสายตาของหลีเจียว มันคือการท้าทายอย่างเต็มที่
ยามวัยเยาว์ไม่รู้ประสีประสา พวกพี่ๆ น้องๆ ยังมีทะเลาะกับนาง แต่เมื่อเจริญวัยขึ้นเรื่อยๆ เรื่องเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกมานานแล้ว
ด้วยเหตุฉะนี้ทำให้หลีเจียวอดทนไม่ได้เป็นพิเศษ นางเหวี่ยงมือฟาดใส่มือขาวลออที่ยื่นมาหาข้างนั้น
ถ้วยน้ำชาถูกปัดหล่น มันตกใส่ปลายเท้าของหลีเจียวอย่างแม่นยำพอดี
ความเจ็บปวดเสียดกระดูกแล่นปราดมาทันใด หลีเจียวกรีดร้องเสียงแหลม เผลอตัวกระโดดเหยงๆ จนเท้าเหยียบพื้นที่เปียกน้ำลื่นไถลพรืดไปล้มลงกองกับพื้นอยู่ข้างเท้าหลีเจี่ยว
หลีเจี่ยวอ้าปากค้าง
หลีเจียวอับอายเหลือทน พูดเสียงห้วน โง่! ยังไม่ประคองข้าลุกขึ้นอีก
แววปึ่งชาไม่พอใจผุดขึ้นในดวงตาหลีเจี่ยววูบเดียว ก่อนนางจะกุลีกุจอก้มตัวลงฉุดอีกฝ่ายขึ้น
หลีเจียวรู้สึกเจ็บชาตรงปลายเท้า ฝ่ามือก็ถูกเศษกระเบื้องบาดเป็นแผลทั้งเจ็บทั้งแสบ นางหน้าซีดเผือดแล้วแต่ยังมองเฉียวเจาตาขุ่น เจ้าเจตนาใช่หรือไม่
เป็นพี่เจียวปัดตกเองเจ้าค่ะ เฉียวเจาอธิบายให้นางฟังอย่างอดทน
หลีเจียวโมโหมากขึ้น สะบัดฝ่ามือไปที่ใบหน้าหน้าเฉียวเจา
เฉียวเจาเอี้ยวคอหลบอย่างว่องไว มือของหลีเจียวจึงพลาดเป้าไปโดนฉากกั้นแทน
โอ๊ย! เสียงร้องอุทานดังลั่น
เฉียวเจายื่นมือไปจับไว้ ฉากกั้นที่โงนเงนไปมาถึงได้ไม่ล้มลง
หลีเจี่ยวสะดุ้งเฮือก ถลันเข้าไปพยุงหลีเจียว น้องเจียว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
เจ็บ… หลีเจียวทำตัวงอ
ในฤดูใบไม้ผลิ พวกหญิงสาวจะสวมรองเท้าผ้าปักที่นุ่มเบา วันนี้หลีเจียวสวมรองเท้าผ้าพื้นสีฟ้านวลปักไข่มุก ตรงหัวรองเท้าข้างที่ปลายเท้าโดนถ้วยน้ำหล่นใส่มีรอยเปียกสีแดงซึมออกมาวงหนึ่ง
หลีเจี่ยวแทบจะเก็บงำแววตาสาแก่ใจไว้ไม่อยู่ นางรีบหลุบตาลงพูดเสียงรัวเร็ว ตายจริง! เท้าของน้องเจียวมีเลือดออกแล้ว ไปตามหมอมาเร็วเข้า
นางเหลียวหน้าไปถึงพบว่าไม่มีสาวใช้ตามมา ฝ่ายหลีเจียวกับหลีซูก็ไม่ได้พาสาวใช้ตามมาด้วย
ตอนนี้คุณหนูห้าหลีซูทำหน้าซีดจะเป็นลมล้มลงรอมร่อ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพึ่งพาไม่ได้ หลีเจี่ยวจึงตะโกนเรียกเฉียวเจา น้องเจา น้องเจียวได้รับบาดเจ็บแล้ว รีบสั่งคนไปตามหมอมาสิ
ทว่าในใจกลับคิดว่าถ้าเวลานี้หลีซานไม่ตามหมอมาให้อย่างไม่รู้หนักรู้เบา เช่นนั้นจะน่าสนุกยิ่งขึ้น
น่าเสียดายที่หลีเจี่ยวต้องผิดหวังอย่างรวดเร็ว เฉียวเจาเอ่ยสั่งปิงลวี่อย่างสุขุม ไปที่เรือนชิงซงเรียนให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบว่าคุณหนูรองบาดเจ็บที่เท้า ต้องการคนที่ทำแผลเป็นมาช่วยพันแผลให้ แล้วก็ขอสาวใช้ร่างกายแข็งแรงสักคนมาแบกคนกลับไปด้วยนะ
เจ้าค่ะ ปิงลวี่รู้สึกว่าวันนี้แสนจะระทึกใจหนักหนา นางขานรับคำหนึ่งแล้ววิ่งตัวปลิวออกไป
สวรรค์คุ้มครองคุณหนูของนางด้วย อย่าให้โดนฮูหยินผู้เฒ่าของจวนตะวันออกจับกิน ท่านเซียงจวินผู้นั้นรักคุณหนูรองเป็นที่สุด
ด้านอาจูไม่เอื้อนเอ่ยคำใด เพียงหยิบไม้กวาดกับบุ้งกี๋เข้ามาเตรียมเก็บกวาด
หลีเจียวพูดเสียงกระด้างขึ้นทันทีว่า ห้ามเก็บกวาดนะ ปล่อยทิ้งไว้ตามเดิม
นางถลึงตามองเฉียวเจาอย่างเคืองแค้น เจ้าคิดทำลายหลักฐานหรืออย่างไร
อาจูหยุดนิ่งหันไปมองผู้เป็นนาย
เฉียวเจาพยักหน้ากับอาจู ปล่อยทิ้งไว้ก่อนเถอะ
อาจูลอบกังวลใจ นางมองเฉียวเจาซ้ำอีกครั้งอย่างอดใจไม่อยู่ เห็นผู้เป็นนายมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วจิตใจก็สงบลงหลายส่วนอย่างชอบกล นางถอยไปอยู่ด้านข้างเงียบๆ
ภายในเรือนชิงซง นายหญิงรองหลิวซื่อกำลังปรับทุกข์กับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ข้าพูดไว้ไม่ผิดกระมัง หลังจากหลานเจากลับมาแล้วจวนเราไม่แสดงทีท่าอะไร ทางจวนฉางชุนป๋อก็มาถอนหมั้นทันที เฮ้อ…ต้องมาพลอยเดือดร้อนเพราะหลานเจากันไปหมดอย่างนี้ วันหน้าคุณหนูคนอื่นๆ ในจวนจะทำฉันใดดีเจ้าคะ…
คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกระตุกริก
อืม จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่หลานเจากลับมา นี่คือเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นเพียงเรื่องเดียว
การหมั้นหมายนี้ถูกยกเลิกเสียได้ก็ดี หลานเจี่ยวใกล้จะออกเรือนไปเต็มที พอคิดถึงว่าหลานสาวที่ประพฤติตัวดีไม่มีด่างพร้อยต้องแต่งงานกับเจ้าเด็กเดรัจฉานเช่นนั้น ตกดึกนางก็ข่มตานอนไม่หลับกี่คืนต่อกี่คืนก็ไม่รู้
ทีนี้สิ้นเรื่องแล้ว ได้ถอนหมั้นแล้วยังไม่ต้องวิตกว่าจวนกู้ชางป๋อจะคิดเห็นเช่นไร จบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคิดคำนึงอย่างสำราญบานใจ พลางยื่นมือไปหยิบผลไม้ลูกหนึ่งในถาดมากัดคำหนึ่ง
หญิงชรายังฟันฟางดีอยู่ พอได้ยินเสียง ‘กร๊อบ’ ดังก้องขึ้น ผลไม้ลูกนั้นก็ถูกกัดแหว่งไปเกือบครึ่งลูก
หลิวซื่อข่มใจไว้จนมุมปากกระตุกริกๆ นางกัดฟันพูดแกมสะอื้นไห้เสียเลย ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ข้ายังมีบุตรสาวอีกสองคนยังไม่ออกเรือน หากวันนี้ท่านไม่ให้คำตอบอะไรข้าสักอย่าง ข้าก็จะ…
น้องสะใภ้ก็จะอะไรหรือ เหอซื่อก้าวเท้าเดินเข้ามาแสดงคารวะต่อฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแล้วโต้กลับหลิวซื่อทันที ข้ารู้อยู่แล้วว่ามาช้าไปก้าวเดียว น้องสะใภ้ต้องเหยียบย่ำบุตรสาวข้าจนจมดิน หรือว่าบุตรสาวของน้องสะใภ้เป็นสตรีในห้องหอ ส่วนบุตรสาวของข้าถูกลมหอบมาอย่างนั้นรึ หรือว่าออกไปซื้อแป้งผัดหน้าแล้วได้รับแจกมาเปล่าๆ กัน
นางพูดฉอดๆ จบก็หันหน้าไปร้องไห้กับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ฮือๆๆ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะเจ้าคะ มีท่านอาสะใภ้ที่ใดกันพยายามจะบีบคั้นหลานสาวให้ตายอย่างไม่ลดละ ตระกูลเรามิใช่ปัญญาชนหรือเจ้าคะ เรื่องไร้มโนธรรมเยี่ยงนี้ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว…
เหอซื่อ! ไฟโทสะของหลิวซื่อปะทุขึ้นทันใด
มีใครที่ใดกันพูดจาขวานผ่าซากระคายหูเช่นนี้ บุตรสาวพวกเศรษฐีบ้านนอกไร้การอบรม!
ฮือๆๆ ท่านแม่ฟังสิเจ้าคะ น้องสะใภ้เรียกข้าอย่างไม่มีมารยาทถึงเพียงนี้ แม้นข้าจะเป็นภรรยาคนที่สอง แต่ก็เป็นพี่เขยของนางที่ส่งแม่สื่อเอาเกี้ยวแปดคนหามไปรับมาแต่งงานเข้าตระกูลอย่างถูกต้องตามประเพณี…
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งชายตามองหลิวซื่อปราดหนึ่ง
หลิวซื่อแทบกลอกตาขึ้นด้วยความโมโห นางพร่ำเตือนตนเองอยู่ในใจไม่หยุด
อย่าลดตัวลงไปทะเลาะกับพวกลูกสาวเศรษฐีบ้านนอก สุภาพไว้! รักษากิริยาไว้!
พี่สะใภ้ นางเรียกขานอย่างอดกลั้น
เหอซื่อหยุดร้องไห้ทันควัน ขานตอบเสียงใส อื้อ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหยิบผลไม้ขึ้นกัดอีกคำหนึ่ง นางหาได้มีน้ำโหไม่ หากถือสาจริงๆ คงโมโหสะใภ้สองคนนี้จนตายไปนานแล้ว
เวลานี้เองชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสพาปิงลวี่เข้ามาอย่างร้อนรน
ปิงลวี่คุกเข่าลงดังตุบ ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูรองบาดเจ็บที่เท้าเจ้าค่ะ
คำพูดนี้ดังขึ้น หนังตาของหญิงชราก็กระตุกทีหนึ่งกะทันหัน
หลิวซื่อเห็นว่าเป็นปิงลวี่แล้วยกมุมปากโค้งขึ้นทันใด อุ๊ย นี่มิใช่ปิงลวี่ที่รับใช้คุณหนูสามหรอกหรือ คุณหนูรองอยู่ที่เรือนคุณหนูสามใช่หรือไม่ แล้วจู่ๆ บาดเจ็บที่เท้าได้อย่างไรกัน
เหอซื่อสะดุ้งเฮือก ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าไปดูก่อนนะเจ้าคะ
หญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วสั่งการสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง หรงมามา เรียกกุ้ยมามาไปที่เรือนหยาเหอด้วย ชิงอวิ๋น เจ้าไปที่จวนตะวันออกรายงานให้ท่านเซียงจวินทราบ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดกำชับจบ จากนั้นทั้งหมดก็ยกขบวนกันไปที่เรือนพำนักของเฉียวเจา