หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 33
คนทั้งกลุ่มเดินไปถึงเรือนเล็กฝั่งซ้ายของเรือนหยาเหอ เพิ่งเข้าสู่ลานด้านหน้าก็ได้ยินคุณหนูรองหลีเจียวส่งเสียงร้องโอดโอยไม่ขาดสายดังขึ้นเรื่อยๆ
หลิวซื่อยกมุมปากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ท่านฟังสิ ดูเหมือนคุณหนูรองจะบาดเจ็บไม่น้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเดินต่อไปด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง อาการเป็นอย่างไร ได้เห็นถึงจะรู้
สาวใช้ต่ำต้อยที่ชื่อสือหลิวเห็นเจ้านายมาที่นี่มากมายเช่นนี้ ก็ตกใจกลัวจนหัวหดรีบวิ่งเข้าไปในเรือน นายหญิง คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วเจ้าค่ะ
เศษกระเบื้องเกลื่อนพื้นกับเสียงครวญครางของหลีเจียวทำให้เหอซื่อแตกตื่นเสียกระบวนอยู่แล้ว ครั้นได้ยินที่สาวใช้รายงาน นางพรวดพราดลุกขึ้น ผลปรากฏว่าเผลอไปเหยียบถูกเศษกระเบื้องชิ้นหนึ่ง นางสูดปากด้วยความเจ็บทันใด จากนั้นล้มลงนั่งกลับไปบนเก้าอี้ นางกลัวบุตรสาวจะติติงว่าตนไม่เอาไหน ขบกรามแน่นไม่เปล่งเสียงร้อง
ท่านแม่เหยียบถูกเศษกระเบื้องหรือเจ้าคะ เฉียวเจาทรุดตัวลงนั่งยองๆ ยื่นมือไปเลิกชายกระโปรงของเหอซื่อขึ้นอย่างคล่องแคล่วไม่ขัดเขิน
เหอซื่อหดขากลับตามสัญชาตญาณ กล่าวอย่างลุกลนว่า เปล่า เปล่า…
ฝ่ามือนุ่มนิ่มและเย็นน้อยๆ คู่หนึ่งยึดขานางไว้ พร้อมเสียงบอกอ่อนๆ ดังขึ้น อย่าขยับเจ้าค่ะ
เฉียวเจายื่นมือทั้งคู่ไปประคองขาขวาของเหอซื่อยกขึ้น เห็นรอยบุ๋มใต้พื้นรองเท้าจุดหนึ่งแต่โชคดีที่ไม่ทะลุ นางก็โล่งอกแหงนหน้าขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ
เหอซื่อราวกับโดนจี้สกัดจุด นางนิ่งมองเฉียวเจาอย่างงงงัน ดวงตาเปียกชื้นขึ้นทีละน้อย
ในตอนนี้เองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเดินเข้ามาข้างในพอดี เห็นภาพเบื้องหน้าสายตาแล้วอดฉงนใจไม่ได้ เหอซื่อ นี่เจ้าเป็นอะไรไป
นางดึงสติคืนมา พูดยิ้มๆ อย่างเคลิ้มฝัน เมื่อครู่นี้ข้าเหยียบโดนเศษกระเบื้องโดยไม่ทันระวัง เจาเจากลัวข้าจะเป็นแผลเลยดูเท้าให้อยู่เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านดูสิเจาเจาช่างรู้ความปานใด
ฉะนั้นที่บอกว่าคุณหนูรองบาดเจ็บต้องเป็นนางทำตนเองแน่ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องแยกแยะให้กระจ่างนะเจ้าคะ!
เหอซื่อซาบซึ้งใจขึ้นมา น้ำตาก็ไหลพรากๆ แต่ยังไม่วายปรายตามองนายหญิงรองหลิวซื่ออย่างลำพองใจทั้งที่น้ำตากบตา
หลิวซื่อเบะปากอย่างดูถูก แต่ในใจนึกอิจฉาอยู่บ้าง บุตรสาวสองคนของนางไม่เคยเอาใจใส่นางอย่างนี้มาก่อน
หลิวซื่อชายตามองเฉียวเจาที่ลุกขึ้นอย่างหมั่นไส้ พลางนึกในใจว่า เหตุใดนางเด็กตัวดีผู้นี้ยังไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมเสียที เช่นนี้ไม่เคยชินสักนิด
เฉียวเจาซึ่งไม่อาจกลับไปเป็น ‘เหมือนเดิม’ ได้อีก นางแสดงคำนับต่อผู้มาถึง ท่านย่า ท่านอาสะใภ้รอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองดูเศษกระเบื้องหล่นทั่วพื้นแล้วขมวดคิ้ว ไฉนไม่เก็บกวาดให้สะอาด
คุณหนูรองหลีเจียวได้ยินแล้วขึงตาใส่เฉียวเจาเป็นเชิงเตือน
เฉียวเจากลับอมยิ้มตอบตามความเป็นจริง พี่เจียวบอกว่าจะเก็บหลักฐานไว้เจ้าค่ะ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเดินอ้อมผ่านเศษสกปรกเลอะเทอะบนพื้นไปหาหลีเจียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หลานเจียวบาดเจ็บที่เท้าหรือ ให้ท่านย่าดูหน่อยสิ
จวนตะวันออกมีหลีเจียวเป็นบุตรสาวสายเลือดภรรยาเอกเพียงคนเดียว และตั้งชื่อให้ว่า ‘เจียว’ สมดังความหมายตามตัวอักษรของคำว่าถนอมกล่อมเกลี้ยงโดยแท้ เวลานี้เท้านางเป็นแผล แต่กลัวเจ็บจนไม่กล้าถอดรองเท้าออก ก็เลยยื่นมือที่บาดเจ็บอยู่ออกไป พูดกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอย่างน่าเวทนาสงสาร ท่านย่า ท่านดูสิ ข้ามิได้เป็นแผลแค่ที่เท้า แม้แต่มือก็มีแผลเหมือนกัน ข้าเจ็บมากเลยเจ้าค่ะ เป็นเพราะหลีเจาคนเดียว…
กลางอุ้งมือขาวนุ่มนิ่มของเด็กสาวมีแผลตื้นๆ รอยหนึ่ง คราบเลือดแห้งแข็งแล้ว
หญิงชราเห็นว่าอาการไม่สาหัสก็ลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง กระนั้นนางไม่รู้ว่าบาดแผลที่เท้าเป็นอย่างไร จึงเอ่ยสั่งว่า กุ้ยมามา ดูเท้าให้คุณหนูรองที
กุ้ยมามาเป็นสาวใช้ที่ติดตามมากับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตอนออกเรือน รู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง จวนตะวันตกไม่ใช่ตระกูลมั่งมีสูงศักดิ์ ปกติสตรีในเรือนมีอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นเป็นไข้ปวดหัวตัวร้อน ไม่จำเป็นต้องเชิญหมอมาก็จะเรียกให้กุ้ยมามาช่วยตรวจให้
เจ้าค่ะ กุ้ยมามาขานรับคำหนึ่งแล้วเดินไปหาหลีเจียว
หลีเจียวเห็นสาวใช้ที่เดินมามีลักษณะมือหยาบเท้าใหญ่ก็นึกรังเกียจในใจสุดประมาณ นางมุ่นคิ้วแล้วหดเท้า พูดออดอ้อนฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ท่านย่าเจ้าคะ ท่านบอกกับท่านย่าและท่านแม่ของข้าแล้วหรือยัง ข้าอยากให้ต่งมามาเป็นคนดูให้เจ้าค่ะ
จะกล่าวไปแล้วต่งมามาผู้นี้มีฝีไม้ลายมืออยู่บ้างจริงๆ มารดาบุญธรรมของนางแซ่ต่ง เคยเป็นหมอหญิงในวัง ตอนท่านเซียงจวินออกเรือน มารดาของท่านเซียงจวินไปทูลกับพระสนมในวังด้วยตนเอง ขอให้พระราชทานหมอหญิงต่งมาเป็นสาวใช้ติดตามนางไปตอนออกเรือน
หมอหญิงต่งอยู่ในจวนสกุลหลีมานานยี่สิบกว่าปี พออายุมากขึ้นก็รับสาวใช้ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวบุญธรรม และถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้นางอย่างหมดไส้หมดพุง ซึ่งก็คือต่งมามาในเวลานี้นี่เอง หลังจากหมอหญิงต่งสิ้นลม ต่งมามาก็สืบทอดตำแหน่งในจวนตะวันออกของนาง
แน่นอนว่าวิชาแพทย์ของหมอหญิงต่งไม่อาจเทียบเคียงได้กับพวกหมอทั้งหลายในสำนักแพทย์หลวง ลูกศิษย์ที่นางสอนวิชาแพทย์ให้อย่างต่งมามาก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีฝีมือสูงส่งมากนัก แต่เทียบกับสาวใช้สามัญชนที่รู้วิธีรักษาโรคอย่างผิวเผิน ต้องถือว่าเก่งกาจกว่ามากแล้ว
ต่อให้ต่งมามาจะมีวิชาแพทย์สูงส่งปานใด แต่บาดแผลที่เท้าธรรมดาๆ แค่กุ้ยมามาก็รับมือไหว นางได้ยินคุณหนูพูดเช่นนี้แล้วรู้สึกดีใจสิเป็นเรื่องแปลก
นางยืนอยู่ข้างๆ รอพวกเจ้านายตัดสินใจ ใบหน้านางไม่เผยอารมณ์ใดๆ ทว่าในใจกลับค่อนขอดว่า
คุณหนูรองนี่ช่างใหญ่โตเสียเหลือเกิน หรือคิดจริงๆ ว่าตนเองมีวาสนาเป็นองค์หญิง!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอาจจะให้เกียรติจวนตะวันออก แต่มิใช่คนที่จะปล่อยให้ผู้เยาว์จูงจมูกได้ อีกทั้งไม่ไปถือสาหาความกับเด็กสาวผู้หนึ่ง นางคลี่ยิ้มพูดกล่อม เจียวเจียว เท้าเจ้ามีเลือดไหลแล้ว ทิ้งไว้นานๆ แผลจะแนบติดกับถุงเท้า อยากแกะออกภายหลังจะเป็นเรื่องยุ่งยากเลยทีเดียวนะ
หลีเจียวหน้าซีด นางคิดๆ ดูแล้วก็ยื่นเท้าข้างที่บาดเจ็บออกมาอย่างไม่สู้เต็มใจ อย่างนั้นขอให้กุ้ยมามาดูให้แล้วกันเจ้าค่ะ
กุ้ยมามาหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง หญิงชราผงกศีรษะน้อยๆ นางก็นั่งคุกเข่าถอดรองเท้าของหลีเจียวอย่างเบาไม้เบามือ
หลีเจียวพูดตวาดด้วยความเจ็บ เบาๆ หน่อยสิ!
เจ้าค่ะๆ บ่าวจะค่อยๆ ทำ… กุ้ยมามาโกรธเคืองอยู่ในใจ แต่ตีหน้านิ่งสนิท ตอนนางหยิบกรรไกรมาตัดถุงเท้าที่มีคราบเลือดติดอยู่ ใช้ปลายนิ้วก้อยที่หลบอยู่ด้านหลังจิ้มแผลที่โผล่ออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง
โอ๊ย! เจ็บจะตายอยู่แล้ว ความเจ็บปวดที่แล่นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวรวมกับความขุ่นใจต่อเฉียวเจาเมื่อครู่นี้ ทำให้แรงโทสะของหลีเจียวพลุ่งขึ้นถึงขีดสุด นางลืมเลือนความเป็นกุลสตรีที่ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงอบรมบ่มเพาะไว้ไปเสียสนิท ยกขาถีบหน้ากุ้ยมามาเต็มแรงจนหงายหลัง
เหตุพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน ทำให้คุณหนูห้าที่ทำตัวเป็นอากาศธาตุอยู่ตลอดร้องอุทานขึ้นอย่างสุดระงับ จากนั้นก็ปิดปากตนเองไว้แน่นทันที
หลีเจี่ยวตะลึงงันในคราแรก ก่อนจะเดินฉับๆ เข้าไปก้มตัวลงถามไถ่ด้วยสีหน้าร้อนรน น้องเจียว เจ้าไม่เป็นไรกระมัง
หลีเจียวกุมขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางพูดตะคอก เจ้าพวกเงอะงะซุ่มซ่าม!
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเย็นชาเล็กน้อยยามเอ่ยเสียงเรียบๆ หรงมามา ยังไม่รีบพยุงกุ้ยมามาลุกขึ้นอีก ระวังกรรไกรจะแทงถูกมือนะ
หรงมามาเดินเข้าไปฉุดกุ้ยมามาขึ้น กุ้ยมามาขอขมาต่อหลีเจียวอย่างเกรงกลัว คุณหนูรองโปรดอภัยให้ด้วย เป็นบ่าวที่มือไม้เก้งก้างทำให้คุณหนูเจ็บเองเจ้าค่ะ…
สายตาที่บ่าวรับใช้ในเรือนมองไปทางคุณหนูเจียวอีกครั้งก็แปรเปลี่ยนไปบ้างแล้ว
ยามปกติเวลาพวกนางป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่อยากเสียเงินเชิญหมอมา ก็จะไปให้กุ้ยมามาดูอาการให้เสมอ สาวใช้หรือหญิงคนงานที่พอมีเงินทองคล่องมือก็จะให้ผ้าเช็ดหน้าหรือถุงเครื่องหอม ส่วนคนที่ขัดสนมักสองมือว่างเปล่า นางเป็นคนจิตใจดี จึงไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย
เหล่าสาวใช้และหญิงคนงานต่างคิดพร้อมกัน
ฮึ ใครๆ ล้วนบอกว่าคุณหนูสามนิสัยไม่ดี ตอนนี้ดูไป คุณหนูรองต่างหากที่ยโสโอหังอย่างแท้จริง
ดวงตาของกุ้ยมามาที่ก้มศีรษะขอขมาอยู่มีแววยิ้มเยาะจุดวาบขึ้น อันชื่อเสียงดีงามนี้ สั่งสมขึ้นได้ยาก หากการทลายลงกลับขยับเพียงปลายก้อยเท่านั้น น่าเสียดายที่พวกคุณหนูผู้สูงศักดิ์เลิศลอยไม่กระจ่างในเหตุผลข้อนี้
ในเวลานี้ปิงลวี่ตะโกนเสียงดังว่า ท่านเซียงจวินกับฮูหยินใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ!