หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 36
หลีเจียวก้มหน้ามองมือขวาที่ได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทันคิด
พี่เจียว ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ
หลีเจียวใจหล่นวูบ ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานางเป็นที่หนึ่งในบรรดาคุณหนูทั้งหลายเสมอ ไม่เคยถูกบีบคั้นให้ตกอยู่ในสภาพอึดอัดคับใจเยี่ยงนี้ บันดาลให้นางอับอายจนพาลโกรธ เอ่ยขึ้นทันที ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดอะไร เส้นลายมือของแต่ละคนล้วนไม่เหมือนกันคืออะไรกัน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน
ความพาลพาโลของคุณหนูผู้นี้ทำให้เฉียวเจาอึ้งงันไป นางกล่าวทอดถอนใจ พี่เจียวจะไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ถึงอย่างไรคนเราเกิดมามีความถนัดต่างกัน
หากเป็นนาง พ่ายแพ้ให้ผู้อื่นก็จะยอมรับผลแต่โดยดี ทำเช่นนี้ยิ่งน่ารังเกียจแท้ๆ เหตุผลผิวเผินแค่นี้ สตรีผู้นี้ก็ไม่เข้าใจกระนั้นหรือ
เกิดมามีความถนัดต่างกัน? เจ้า…เจ้าจะบอกว่าข้าโง่เขลารึ หลีเจียวคิดตามทันได้ฉับพลัน ครั้นปะทะเข้ากับสายตาเป็นเชิงว่า ‘เด็กน้อยแววดีสอนสั่งได้’ แล้วเดือดดาลยกใหญ่ เจ้าพูดอีกทีสิ…
หุบปาก! ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงตวาดขึ้น
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบเชียบทันใด หลีเจียวหน้าเสียมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเจียง พลางเรียกขานเสียงอ่อยๆ ท่านย่า…
นางรู้ว่าถึงแม้ท่านย่าจะรักใคร่เอ็นดูตน แต่หากออกนอกเรือนแล้วทำเรื่องน่าขายหน้าล่ะก็ จะไม่ละเว้นโดยง่าย
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเลื่อนสายตาจากใบหน้าของหลีเจียวไปหยุดที่ใบหน้าของคุณหนูใหญ่หลีเจี่ยว
นางกำลังยืนเหยียดแผ่นหลังตรง ตัวแข็งเกร็งไม่กล้าหายใจแรงๆ
เรื่องในวันนี้แฝงความพิลึกพิลั่นไปหมด หลีซานดึงพวกนางสองคนเข้ามาติดกับได้อย่างไร
ไม่ถูก นับแต่หลีซานกลับมาราวกับไม่ค่อยเหมือนคนเดิม หรือที่กล่าวกันว่าคนเราผ่านมรสุมชีวิตมาได้จะฉลาดขึ้นเป็นความจริงหรือ
เสียงกระแอมกระไอของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงทำให้หลีเจี่ยวสะดุ้งโหยง หลุดจากภวังค์ในพริบตา
น้องสะใภ้ หลานเจียว…ไม่รู้ความ ข้าจะพานางกลับไปอบรมสั่งสอนให้ดีๆ ขณะฮูหยินผู้เฒ่าเจียงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำนี้จากปาก ทรมานใจเสียยิ่งกว่าโดนคนอื่นตบหน้านางฉาดหนึ่ง
เรื่องทั้งหมดกระจ่างแจ้งถ่องแท้แล้ว ไล่เลียงต่อไปรังแต่จะฉีกหน้าตนเอง
คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกระตุกริกๆ
วุ่นวายอยู่นานสองนาน ที่แท้เป็นหลานเจียวที่เกะกะระรานก่อน ตอนหลังยังใส่ความคนอื่นนั่นเอง
ยังคงเป็นท่านเซียงจวินที่มองอะไรได้ปรุโปร่ง ถือโอกาสที่เด็กยังเป็นไม้อ่อนดัดได้ ต้องอบรมสั่งสอนให้ดี… ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดลากเสียงยาวท้ายประโยค ยกคำพูดเมื่อครู่นี้ตอบแทนอีกฝ่ายอย่างครบถ้วนกระบวนความ
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงโกรธจนมือสั่น เพราะโดนตอกกลับจนพูดไม่ออกสักคำ
ฝ่ายฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไม่คิดจะแล้วกันไปเท่านี้ จวนตะวันตกจะไม่มีเกียรติยศฐานะปานใด นางก็มีบุตรชายเป็นขุนนางถึงสองคน หรือว่าหลานสาวคนอื่นเป็นสมบัติมีค่า หลานสาวของนางเป็นต้นหญ้าริมทางกัน
นางส่งสายตาให้เหอซื่อ
เสี้ยวเวลานี้เหอซื่อซึ่งหัวทื่อไม่ต่างอะไรกับตอไม้ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองเกิดมีไหวพริบขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ เข้าใจความหมายของมารดาสามีในพริบตา นางกล่าวผสมโรงว่า นั่นน่ะสิเจ้าคะ ท่านเซียงจวินคงยังไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้กุ้ยมามาถอดรองเท้าให้คุณหนูรอง ยังโดนนางถีบจนหงายหลังด้วย
มีเรื่องเช่นนี้จริงรึ เวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงไม่มีแก่ใจถือสาท่าทีของเหอซื่อ นางเอ่ยถามหลีเจียวด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เด็กสาวหน้าถอดสีด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมอกมารดาทันที
กุ้ยมามาที่ทำตัวเป็นไม้ประดับอยู่ตลอดลุกลนขออภัย เป็นเพราะบ่าวเงอะงะซุ่มซ่ามเองเจ้าค่ะ คุณหนูรองสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว
ยามมองดูกุ้ยมามาขอขมาลาโทษ ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงชักครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด นางถลึงตาใส่อู่ซื่อกับบุตรสาวของอีกฝ่ายแล้วละอายใจเกินกว่าจะรั้งอยู่ต่อ ลุกพรวดขึ้นกล่าวว่า กลับจวน
ฮูหยินผู้เฒ่า เท้าของเจียวเจียว…
ไม่ถึงตาย ให้คนแบกขึ้นหลังกลับไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงข่มความโกรธจนกลับมาถึงจวนตะวันออก สั่งให้คุณหนูห้าหลีซูกลับห้องแล้วตบโต๊ะดังปัง บัดซบสิ้นดี! คุกเข่าลง
หลีเจียวไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าเจียง นางทนเจ็บตะเกียกตะกายลงจากหลังของสาวใช้ คุกเข่ากับพื้นอย่างทุลักทุเล
อู่ซื่อเห็นแล้วสงสารจับใจ ส่งเสียงเรียกอย่างห้ามใจไม่อยู่ ฮูหยินผู้เฒ่า…
ไฟโทสะของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงโหมแรงขึ้น อู่ซื่อ เจ้าเลี้ยงดูบุตรสาวออกมาเป็นเยี่ยงนี้ ยังกล้าขอความเมตตาแทนนางอีกหรือ
ข้ามิบังอาจเจ้าค่ะ อู่ซื่อคุกเข่าลงดังตุบ
ตอนนี้เองสาวใช้อาวุโสยกน้ำชามาให้ หญิงชรารับมาจิบคำหนึ่ง น้ำชาที่ไม่เย็นไม่ร้อนเกินไปทำให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น นางวางถ้วยน้ำชาลง ก้มลงมองสองแม่ลูกที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างวางอำนาจ อ้าปากกล่าวเนิบๆ เจียวเจียว เมื่อก่อนข้าสอนเจ้าไว้อย่างไรบ้าง
หลีเจียวก้มหน้าน้ำตาไหลพรากๆ ท่านย่า ข้าสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ
เช่นนั้นเจ้าว่ามาสิว่าผิดตรงที่ใด ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงยกถ้วยน้ำชาขึ้น
ข้าไม่สมควรพูดโกหกปรักปรำหลีซาน ยิ่งไม่สมควรควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ ลงไม้ลงมือกับบ่าวไพร่ตามอำเภอใจ… หลีเจียวทบทวนตนเองไปพลาง พิศดูสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเจียงไปพลาง เห็นนัยน์ตาข้างหนึ่งของหญิงชราเป็นสีขาวขุ่นๆ ส่วนอีกข้างฉายแววเย็นกระด้างแล้วพูดต่อไม่ออกกะทันหัน
ผิด ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกระแทกถ้วยน้ำชาบนโต๊ะเล็กด้านข้าง เสียงถ้วยกระเบื้องกับโต๊ะไม้กระทบกันบังเกิดเสียงดังตึ้งราวกับไม้ตีกลองกระแทกลงกลางอกหลีเจียว ทำให้หัวใจนางสั่นสะเทือนตามไปด้วยความตกใจกลัวมากขึ้น
ความผิดข้อแรก เจ้าผิดที่ไม่มีสติปัญญาถึงขั้นนั้นก็อย่าขุดหลุมพรางผู้อื่นตามชอบใจ ถ้าขุดหลุมพรางแล้วก็ต้องฝังให้จมดิน ไม่ให้นางมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ มิใช่ยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตนเอง! ความผิดข้อที่สอง เจ้าผิดที่ลงโทษบ่าวไพร่ด้วยวิธีหยาบกระด้างที่สุด ซ้ำยังทำต่อหน้าธารกำนัล หรือเจ้ากลัวว่ากิตติศัพท์ฉาวโฉ่เป็นพวกเกะกะระรานจะไม่แพร่ออกไปใช่หรือไม่ ความผิดข้อที่สาม เจ้าผิดที่พ่ายยับเยินแล้วไม่ยอมรับ แต่โดยดีกลับพาลหาเรื่องอีก ไม่หลงเหลือความเป็นกุลสตรีของชาวตระกูลใหญ่แม้สักเศษเสี้ยว!
หลีเจียวฟังแล้วอ้าปากค้าง มองฮูหยินผู้เฒ่าตาไม่กะพริบ
เข้าใจแล้วใช่หรือไม่
เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ
พอเห็นหลานสาวทำหน้างงงัน ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงก็ส่ายหน้ากับตนเอง
หลานสาวของนางผู้นี้เป็นคนอารมณ์ร้อน ยามปกติจดจำคำสั่งสอนของนางได้ยังบังคับตนให้วางท่าเรียบร้อยสง่างามได้ ทว่าพอเกิดเรื่องขึ้นก็จะควบคุมตนเองไม่อยู่ทันที
สมดังคำกล่าวว่าดินอ่อนเหลวเป๋ว…
หญิงชราคิดถึงตรงนี้แล้วชะงักกึก
ต่อให้นางเป็นดินอ่อนเหลวเป๋วก็ต้องเจียระไนให้เป็นหยกงาม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเหนือกว่าจวนตะวันตก!
เอาล่ะ อู่ซื่อ พาเจียวเจียวออกไปเถอะ หลังจากนี้เจียวเจียวต้องคัดลอกพระธรรมวันละสองชั่วยาม ฝึกฝนกายใจ!
ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ เรื่องเวลาจะไม่…
ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองค้อนอู่ซื่อวงใหญ่ นางเจ็บที่เท้า มิใช่เจ็บมือ! วันประสูติของพุทธองค์ใกล้เข้ามาแล้ว หรือเจ้าไม่อยากให้นางได้แสดงฝีมือ
เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว อู่ซื่อพาบุตรสาวออกจากห้องไป
หลีเจียวรู้สึกหน้ามืด สองชั่วยาม หักเวลาเรียนออก นี่นางจะไม่มีแม้แต่เวลาชำระกายหรือไร
ในเรือนเล็กฝั่งซ้ายของเรือนหยาเหอ หลังจากคนของจวนตะวันออกไปแล้วก็ดูว่างโล่งขึ้นไม่น้อยทันที
หลีเจี่ยวลอบสูดหายใจเฮือกหนึ่งแล้วคุกเข่าลง ท่านย่า ท่านแม่ ข้าปล่อยให้อคติบังตาบังใจจนมืดบอดไปชั่วขณะ พวกท่านโปรดลงโทษข้าด้วยเจ้าค่ะ
เหอซื่อด่าทออย่างระงับใจไม่อยู่ เจ้าอายุยังน้อยก็เลวร้ายจริงๆ ยืนกรานเสียงแข็งผสมโรงไปกับคนอื่นปรักปรำน้องสาวตนเอง
หลีเจี่ยวสั่นสะท้านไปทั้งร่างคล้ายแบกรับน้ำหนักไม่ไหว ดวงหน้ารูปไข่ซีดขาวราวหิมะ นางหลุบตาลงพลางกล่าว วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีมากเกินไป ถึงได้หลงผิดไปชั่วครู่ชั่วยาม ท่านแม่จะโกรธข้าก็สมควรแล้ว ไม่ว่าท่านแม่จะลงโทษอย่างไร ข้าล้วนไม่ปริปากบ่นสักคำ
นางพูดจบแล้วก้มหมอบติดพื้น โขกศีรษะเต็มแรงครั้งหนึ่ง
ยังไม่พยุงคุณหนูใหญ่ขึ้นมาอีก เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมีน้ำโหอยู่ พอเห็นหลีเจี่ยวทำเช่นนี้กลับบังเกิดความสงสารแล้ว
ชีวิตของเด็กกำพร้ามารดามักยากลำบากกว่าบ้าง หญิงชราจึงมักลำเอียงให้ความเอ็นดูสงสารมากกว่าอย่างช่วยไม่ได้
ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสรีบพยุงหลีเจี่ยวขึ้น ก่อนจะเห็นหน้าผากของอีกฝ่ายเป็นรอยเขียววงหนึ่ง