CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 361

  1. Home
  2. หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม
  3. บทที่ 361
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 361

“นี่แม่ทัพเซ่าไม่รู้หรอกว่าหลังจากท่านปู่หลี่มอบตำราแพทย์ที่เขียนขึ้นจากสิ่งที่ท่านศึกษามาทั้งชีวิตให้ข้า เคยบอกข้าว่ายามหมอผู้หนึ่งประจักษ์ว่าวิชาแพทย์ของตนไม่อาจรุดหน้าไปอีกขั้นได้ เมื่อนั้นการเรียนรู้ทักษะความเชี่ยวชาญของนักชันสูตร จะช่วยเปิดโลกใบใหม่ให้แก่หมอผู้นั้นเจ้าค่ะ”

เฉียวเจาพูดจบแล้วเห็นดวงตาของบุรุษที่ก้มศีรษะมองนางอยู่ทอแววลึกล้ำ ไม่รู้ครุ่นคิดอะไรอยู่ นางก็รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง

มิใช่เด็กหนุ่มวัยสิบห้าสิบหกสักหน่อย จะอยากรู้อยากเห็นมากเพียงนี้ไปด้วยเหตุใดกัน

แม่ทัพหนุ่มซึ่งไม่รู้ตัวสักนิดว่าโดนอีกฝ่ายติติงว่าอายุมากอยู่ในใจมองสำรวจทั้งสี่ด้านรอบหนึ่ง “แล้วเรือนของนักชันสูตรที่คุณหนูหลีอยากตามหาอยู่ที่ใด”

เฉียวเจาจำทางไปที่เรือนของนักชันสูตรผู้นั้นได้ แต่พอมีเรื่องเมื่อครู่นี้ เป็นธรรมดาที่นางจะทำพิรุธอีกไม่ได้ นางจึงบอกที่ตั้งเรือนให้เซ่าหมิงยวนฟัง “ที่ตั้งนี้เป็นท่านปู่หลี่บอกกับข้า พวกเราถามจากใครสักคนเพิ่มเติมเถอะเจ้าค่ะ”

“ได้” เซ่าหมิงยวนเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนจะเรียกชายหนุ่มผู้หนึ่งไว้แล้วถามทาง

ชายหนุ่มชี้นิ้วไปทิศทางนั้นพร้อมกับพูดสองสามคำ

“ขอบคุณมาก” เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะขอบคุณแล้วพาเฉียวเจาเดินไปทางนั้น

ทั้งคู่เดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาไม่นาน ถนนเริ่มแคบลง พอเดินไปข้างหน้าต่อก็เจอสะพานโค้งแห่งหนึ่ง ในคลองมีฝูงห่านขาวว่ายผ่านไป

เมื่อข้ามสะพานไปเซ่าหมิงยวนชี้ที่ตรอกสายหนึ่งข้างร้านขายน้ำมัน “น่าจะเป็นที่นั่นแล้ว”

ตรงปากตรอกมีคนสูงวัยไม่น้อยจับกลุ่มพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่ สุนัขแก่สีเหลืองตัวหนึ่งหมอบอยู่บนพื้น เห็นคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ก็เงยหน้ามองอย่างระแวดระวัง แต่เพราะมันแก่มากจริงๆ ไม่มีเรี่ยวแรงจะวิวาทกับคนแปลกหน้าเลยหมอบลงตามเดิมอย่างเกียจคร้าน

เซ่าหมิงยวนเอ่ยถามยายเฒ่านางหนึ่งอย่างสุภาพ “ท่านยาย ไม่ทราบว่าที่นี่คือตรอกอวี๋เฉียนเอ๋อร์ใช่หรือไม่ขอรับ”

ชายหนุ่มที่กล่าวถามดูสุภาพมีมารยาท กิริยาท่าทางโดดเด่น ด้านยายเฒ่าเป็นผู้มีอัธยาศัยดี นางพยักหน้าถี่ๆ พลางเอ่ยตอบ “เป็นที่นี่เอง เจ้าหนุ่มเป็นคนต่างถิ่นกระมัง จะมาหาเรือนใครรึ”

“อยากถามท่านยายว่านักชันสูตรเฉียนอาศัยอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ขอรับ”

พอเซ่าหมิงยวนถามคำนี้ออกมา รอบด้านเงียบกริบลงทันใด เหล่าผู้เฒ่าหยุดแทะเมล็ดแตง ดวงตาฝ้าฟางเบิกกว้างจ้องมองทั้งคู่เขม็ง บรรยากาศแปลกพิกลเป็นอันมาก

สีหน้าของเซ่าหมิงยวนไม่แสดงความรู้สึกใด ยังประดับรอยยิ้มสุภาพ “ท่านยาย?”

ยายเฒ่าดึงสติคืนมา มองสำรวจชายหนุ่มขึ้นๆ ลงๆ รอบหนึ่ง ค่อยพิศดูเฉียวเจาซ้ำๆ นางไม่แยแสคำพูดของเซ่าหมิงยวน พูดพึมพำกับตนเอง “สามีหนุ่มภรรยาสาวที่งดงามคู่หนึ่งเช่นนี้ ไยถึงคบค้าวิสาสะกับคนพรรค์นั้นได้นะ”

ถึงแม้เฉียวเจาจะแต่งกายแบบเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน หากในสายตาของพวกผู้เฒ่าผู้แก่ หญิงชายที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันกับสามีภรรยาที่แต่งงานกันแล้วนั้นย่อมเหมือนกัน

คำกล่าวของยายเฒ่าทำให้เซ่าหมิงยวนหน้าร้อนผ่าว เขาอดเหลือบมองเฉียวเจาไม่ได้ ก็เห็นว่านางมีสีหน้าสงบนิ่งท่าทางคล้ายไม่ได้ยิน

เซ่าหมิงยวนลอบขบขันตนเองที่ยังคร่ำครึกว่าแม่นางน้อยผู้หนึ่ง เขาก้มตัวไปถามซ้ำอีกครา “ท่านยาย ไม่ทราบว่านักชันสูตรเฉียนอาศัยอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ขอรับ”

“ไม่รู้ๆ” ยายเฒ่าโบกมือไปมา นางคล้ายหวาดหวั่นสุดใจว่าเซ่าหมิงยวนจะถามอีก ยื่นมือสั่นเทาไปหาเขาเสียเลย “เจ้าหนุ่ม ช่วยพยุงข้าที”

เซ่าหมิงยวนย่อมไม่ปฏิเสธคำขอของหญิงชราเป็นธรรมดา เขายื่นมือพยุงนางลุกขึ้น

“ขอบใจนะ” ยายเฒ่าลุกขึ้นแล้วพักเอาแรงเล็กน้อย ค่อยเอาม้านั่งพับได้หนีบไว้ใต้วงแขนเดินงกๆ เงิ่นๆ จากไป

สีหน้าของเซ่าหมิงยวนฉายแววสับสนงุนงงอยู่สักหน่อย

เฉียวเจาเม้มปากกลั้นยิ้มไว้

เขามองนางอย่างจนปัญญา จากนั้นหมุนกายเดินไปหาตาเฒ่าอีกคนหนึ่ง ใครจะรู้ว่าคนที่คุยเล่นกันอยู่เห็นดังนั้นก็พากันลุกขึ้นพรึบพรับ บ้างก็ยกม้านั่งบ้างก็หยิบถ้วยชาสลายตัวไปในอึดใจเดียว ปากตรอกที่คึกคักในทีแรกเหลือแค่ชายหนุ่มและเด็กสาวสองคนที่สบตากันกับสุนัขแก่สีเหลืองตัวหนึ่ง

เขากับนางมองหน้ากันตาปริบๆ

“นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ทัพเซ่าโดนคนรังเกียจเช่นนี้กระมัง” เฉียวเจากล่าวขันๆ

เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ “ไปเถอะ”

“ไม่ถามแล้วหรือ” นางเอียงคอมองเขา

เซ่าหมิงยวนยกมือชี้ “เรือนของนักชันสูตรเฉียนน่าจะเป็นหลังที่อยู่ลึกสุดตรอกทางซ้ายมือของพวกเราโน่น”

เฉียวเจาบังเกิดความสนใจ “แม่ทัพเซ่ารู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

เขาหยักยิ้ม “คุณหนูหลีสมควรเดาได้เช่นกันกระมัง เมื่อครู่ถึงแม้คนพวกนั้นไม่บอกอะไรสักคำก็แยกย้ายกันไป แต่สายตากลับมองทางปลายตรอกโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งมีหลายคนที่ทยอยเข้าไปตามเรือนต่างๆ ในตรอกนี้ เหลือแค่สองหลังที่อยู่ตรงกันทางท้ายตรอกที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใด”

เฉียวเจาผงกศีรษะ “จริงเจ้าค่ะ แต่ข้าบอกไม่ได้ว่าเรือนของนักชันสูตรเฉียนจะเป็นหลังที่อยู่ลึกสุดตรอกทางซ้ายมือหรือว่าขวามือกันแน่เจ้าค่ะ”

นางย่อมบอกได้แน่นอนเพราะเคยมา แต่นางสนใจใคร่รู้ว่าเซ่าหมิงยวนรู้ได้อย่างไร

“เดินไปพูดไปเถอะ” เซ่าหมิงยวนก้าวขาเพรียวยาวเดินเข้าไปในตรอก ทางเดินอันคับแคบทำให้เขาต้องเบี่ยงกายออกด้านข้าง เว้นที่ว่างให้เด็กสาวข้างกายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ระวังเท้า” เซ่าหมิงยวนพูดกำชับ

ชาวบ้านทั่วไปเหล่านี้ไม่ตระหนักถึงการรักษาความสะอาดให้ดีอย่างเห็นได้ชัด ภายในตรอกมีขยะของเสียทิ้งไว้ไม่น้อย ตลอดจนน้ำสกปรกที่เทออกมานอกประตูด้วยความมักง่ายเป็นประจำมาเนิ่นนาน ส่งผลให้น้ำขังอยู่บนพื้นเป็นหย่อมๆ จึงจำเป็นต้องเดินด้วยความระมัดระวังตลอดเวลา

เมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปกลิ่นเหม็นเน่าก็ลอยมาปะทะหน้าระลอกหนึ่งชวนให้รู้สึกอึดอัดชอบกล ครั้นไปถึงท้ายตรอกแสงสว่างก็สลัวลงราวกับเป็นคนละโลกกับนอกตรอก

เซ่าหมิงยวนหยุดฝีเท้า เขาอมยิ้มมุมปากและกล่าวอธิบายขึ้น “เหตุผลที่รู้ว่าเป็นเรือนหลังซ้ายมือเพราะข้าเห็นรูปวาดเลอะเทอะบนกำแพงนี้”

บนกำแพงสีเหลืองหม่นมีรอยขีดเขียนมั่วซั่วเละเทะ เห็นชัดว่าเป็นฝีมือของพวกเด็กซุกซนเกเร จุดที่สะดุดตาที่สุดเป็นสีแดงปื้นหนึ่ง มองไม่ออกว่าเป็นรูปอะไรกันแน่

“ดูจากท่าทีเมื่อครู่นี้ของคนพวกนั้น นักชันสูตรเฉียนไม่เป็นที่ต้อนรับอย่างเห็นได้ชัด คุณหนูหลี ท่านดูสิ กำแพงเรือนฝั่งตรงข้ามนี้สะอาดกว่ามาก แทบจะไม่มีรอยขีดเขียนเลอะเทอะพวกนี้ ฉะนั้นข้าสรุปว่าฝั่งซ้ายถึงจะเป็นเรือนของนักชันสูตรเฉียน”

คำพูดและการกระทำของเด็กจะได้รับอิทธิพลจากผู้ใหญ่อย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้พวกเขามักโหดร้ายกับคนที่ไม่ชมชอบด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจะกลั่นแกล้งรังแกอีกฝ่ายซึ่งๆ หน้าอย่างโจ่งแจ้ง

เฉียวเจาลอบคิดคำนึง ช่วงที่ผ่านมานักชันสูตรเฉียนประสบเหตุพลิกผันอันใดกัน ในครั้งนั้นตอนท่านปู่หลี่พานางมาที่นี่ยังไม่ได้มีสภาพเช่นนี้ ถึงแม้พวกชาวบ้านจะยอมรับนักชันสูตรไม่ค่อยได้ แต่ส่วนมากมักหวาดกลัว ไม่ใช่เกลียดชังและโกรธแค้นเช่นนี้

“แม่ทัพเซ่ายืนอยู่ตรงปากตรอกยังมองเห็นรอยขีดเขียนพวกนี้ด้วยหรือนี่”

หนนี้แม่ทัพหนุ่มกล่าวตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “ใช่ ข้าสายตาดี”

กับสิ่งที่เป็นสีแดง เขาจะรู้สึกได้เฉียบไวเป็นพิเศษเสมอ คงเพราะอยู่ในสนามรบนานเกินไป

เขาสืบเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าวไปเคาะประตู

เสียงเคาะประตูก๊อกๆ ดังสะท้อนก้องในตรอกที่คับแคบเงียบเชียบ หากแต่ประตูไม้ที่เป็นรอยกระดำกระด่างจนทั่วกลับมิได้เปิดออกเสียที

“หรือว่าไม่มีคนอยู่” เซ่าหมิงยวนอดพูดพึมพำไม่ได้ แต่มือยังเคาะประตูไม่หยุด

“เวลานี้น่าจะอยู่เรือนนะเจ้าคะ” ตรงกลางอกของเฉียวเจาละม้ายถูกปกคลุมด้วยเงามืดชั้นหนึ่ง

ทั้งคู่มีเวลาแค่ครึ่งวัน หากนักชันสูตรเฉียนไม่อยู่เรือน เช่นนั้นจะเป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว

“บางทีเขาอายุมากแล้วเลยไม่ได้ยิน” ชายหนุ่มพูดอย่างนี้พร้อมกับเคาะประตูแรงขึ้น

เสียงเคาะประตูดังปึงปัง ประตูเปิดผลัวะออก แต่เป็นประตูฝั่งตรงข้าม

สตรีวัยกลางคนนางหนึ่งยืนเท้าเอวด่าทออยู่หน้าประตู “จะเคาะหาอะไร จะให้คนอื่นให้อาหารหมูเสร็จก่อนไม่ได้หรืออย่างไร”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 361"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์