หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 374
บทที่ 374
เซ่าหมิงยวนดื่มสุราเข้าไป กอปรกับในกายมีพิษไอเย็นสะสมมานานปี ลมหายใจที่พ่นออกมาจึงเย็นเฉียบละม้ายหิมะน้ำแข็ง กระไอความเย็นปนกลิ่นเมรัยฉุนแรงรินรดใส่หน้าเฉียวเจา ทำให้นางหน้าแดงซ่านในพริบตา
หญิงสาวตกอยู่ในความตะลึงพรึงเพริดเกินไปจนลืมแสดงท่าทีโต้ตอบ
วงแขนทรงพลังของบุรุษรัดร่างนุ่มนิ่มแบบบางของเด็กสาวไว้แนบแน่น เขาจุมพิตนางอย่างสะเปะสะปะ แทนที่จะบอกว่าจูบ น่าจะเรียกว่าขบกัดมากกว่า
เขากัดริมฝีปากของคนในอ้อมแขนอย่างตะกละตะกลามราวกับอยากกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
ชายหนุ่มซึ่งจูบนางอยู่สั่นเทาไปทั้งสรรพางค์กาย ความยินดีเจียนคลั่งจากการได้สิ่งที่สูญเสียไปคืนมาอีกครั้งทำให้หัวสมองเขาว่างเปล่าขาวโพลน ทว่าท่าทีที่ดูเหมือนโอนอ่อนคล้อยตามกลายๆ ของเด็กสาวยิ่งทำให้เขาหมดความยับยั้งชั่งใจ แลบลิ้นไปดุนฟันของนางอย่างรุนแรงดุเดือดโดยปราศจากความลังเล
เพลานี้เฉียวเจาได้สติคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน นางผลักเซ่าหมิงยวนออกสุดแรงแล้วเงื้อมือตบหน้าเขาฉาดหนึ่ง พลางกล่าวด้วยความโกรธแทบตาย “เซ่าหมิงยวน ท่านเสียสติไปแล้ว”
อาจูที่นอกประตูร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก ท่าทางของแม่ทัพเซ่าเมื่อครู่นี้ผิดปกติไปมาก นางยังได้กลิ่นสุราอีกด้วย
หรือว่าแม่ทัพเซ่าจะขาดสติหลังเมาสุรา คิดจะฉวยโอกาสกับคุณหนู
อาจูคิดไปเช่นนี้แล้วร้อนใจมากขึ้น ทว่าในสถานการณ์อย่างนี้นางไม่กล้าตะโกนเสียงดัง จะได้ไม่ดึงคนอื่นมาที่นี่จนเป็นการทำลายชื่อเสียงคุณหนูของตน
นางรีบไปเคาะประตูห้องติดกัน
เฉียวเจาออกเดินทางคราวนี้พาสาวใช้ติดตามมาสองคน ปกติระหว่างอาจูกับปิงลวี่จะมีคนหนึ่งนอนอยู่ในห้องเป็นเพื่อนนาง อีกคนนอนอยู่ห้องด้านข้าง
วันนี้เป็นเวรของอาจู ส่วนปิงลวี่ไปนอนพักแล้ว
ปิงลวี่ได้ยินเสียงเคาะประตูก็เปิดประตูออกพลางพูดบ่นอุบอิบ “มีเรื่องอะไรหรือ”
อาจูลดสุ้มเสียงลง “ปิงลวี่ เจ้าฟังแล้วอย่าร้องโวยวายนะ”
ปิงลวี่พยักหน้างงๆ นางชอบร้องโวยวายเมื่อไรกัน นางเป็นสาวใช้ผู้สุขุมเยือกเย็นเช่นนี้!
พอเห็นปิงลวี่พยักหน้า อาจูรีบบอก “เมื่อครู่แม่ทัพเซ่าบุกเข้าไปในห้องคุณหนู…”
“อะไรนะ!”
อาจูมือไวตาไวเอามือปิดปากนางไว้ รู้สึกอ่อนใจเหลือจะกล่าว “ไหนบอกว่าจะไม่เอะอะโวยวายเล่า”
ปิงลวี่ออกแรงแกะมืออาจูออก “ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าดูแลคุณหนูประสาอะไร”
นางพูดพลางเดินออกไปข้างนอก
ภายในห้องเซ่าหมิงยวนโดนตบหน้าทีหนึ่ง แววตาเริ่มกลับมาเป็นปกติในที่สุด
เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าปึ่งชา “เซ่าหมิงยวน ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ข้ามาสักอย่างจะเป็นการดีที่สุด”
เขาถึงกับจูบนางโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นเช่นนี้ หรือว่าพวกบุรุษดื่มสุราแล้วโยนสติสัมปชัญญะให้สุนัขกินใช่หรือไม่ ไม่ถูกสิ ต่อให้ดื่มสุราเข้าไป แต่เขาวิ่งโร่มาจูบนางเพราะเหตุใดกัน
ความคิดในหัวแม่นางเฉียวผู้เยือกเย็นเป็นนิจสับสนยุ่งเหยิงไปหมด
เซ่าหมิงยวนกะพริบตาปริบๆ แววตาแจ่มใสมากขึ้น ครั้นสายตาเขาปะทะกับกลีบปากแดงที่บวมน้อยๆ ของเด็กสาว หัวสมองก็อึงอลไปอีกครา สิ่งซึ่งเรียกว่าสติสัมปชัญญะที่เพิ่งเรียกคืนมาได้ก็ขาดผึงเป็นคำรบที่สอง
เขาหมุนกายขวับเปิดประตูออก ปิงลวี่กับอาจูล้มคะมำเข้ามาพร้อมกัน ทว่าตัวการร้ายเบี่ยงหลบไปด้านข้างอย่างคล่องแคล่วว่องไวก่อนจะเผ่นหนีไปเลย
เฉียวเจางงงันจึงพูดอะไรไม่ออก “…”
อาจูปิดประตูไว้ตามเดิมอย่างรวดเร็ว
ปิงลวี่ถลันเข้าไป “คุณหนู แม่ทัพเซ่ามิได้ทำอะไรท่านกระมัง”
นางเลื่อนสายตาลงไปยังริมฝีปากที่โดนกัดเป็นแผลของเฉียวเจาแล้วเบิกตากว้างฉับพลัน พูดตะกุกตะกัก “คะ…คุณหนู ปากท่านเลือดไหลแล้ว”
อาจูหน้าเสีย เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
แม่ทัพเซ่าถึงกับ…ถึงกับลวนลามคุณหนูจริงๆ!
“คุณหนู…” อาจูส่งเสียงเรียกอย่างห้ามไม่อยู่
เฉียวเจาหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก นางยกมือแตะปากทีหนึ่งแล้วผละออก เห็นคราบเลือดดวงหนึ่งติดอยู่ตรงปลายนิ้วขาวผ่อง
เจ้าคนบ้าเซ่าหมิงยวน!
ปิงลวี่เบิกตาแทบถลน “คุณหนู แม่ทัพเซ่าตีท่านหรือเจ้าคะ”
สาวใช้น้อยโกรธจัด “เกินไปแล้ว เขาทำเช่นนี้กับคุณหนูได้อย่างไร”
นางพูดถึงตรงนี้แล้วชักเริ่มสงสัยอีก “น่าแปลก ไฉนตีที่ปาก”
“ปิงลวี่!” อาจูกระตุกแขนเสื้อของปิงลวี่แรงๆ ทีหนึ่ง
สาวใช้น้อยถึงหัวไวขึ้นมาในบัดดล นางพลันแจ่มแจ้งแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร ยกมือปิดปากอุทาน “สวรรค์!”
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแม่ทัพเซ่าจะเป็นคนพรรค์นี้!
ด้านเฉียวเจาเพียงรู้สึกว่าโตจนป่านนี้ยังไม่เคยกระอักกระอ่วนถึงเพียงนี้มาก่อน นางสงบอารมณ์ลงได้เล็กน้อย กวาดตามองไปที่ปิงลวี่กับอาจู “เรื่องในวันนี้พวกเจ้าถือเสียว่าไม่ได้เกิดขึ้น เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ” อาจูขานตอบเสียงแผ่วเบา
ปิงลวี่พยักหน้าหงึกหงัก
พอพูดกำชับสาวใช้สองคนเสร็จ เฉียวเจาก็ก้าวขาเดินไปข้างนอก นางอยากไปถามเซ่าหมิงยวนนักว่าวันนี้เขาเกิดเสียสติอะไรกันแน่
เฉียวเจาไปถึงหน้าประตูกลับชะงักฝีเท้าหยุดยืนนิ่ง
รอพรุ่งนี้ค่อยถามอีกทีจะดีกว่า เขาดื่มสุราเข้าไปแล้วไม่ค่อยปกติอย่างชัดเจน ถ้าเกิด…
นางคิดถึงตรงนี้ก็หน้าร้อนซู่ ข่มความอายแกมโกรธและฉงนใจไว้เดินไปนั่งลงบนเตียงตามเดิมแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าใครมา ห้ามเปิดประตูทั้งนั้น”
ฝ่ายเซ่าหมิงยวนเมื่อกลับถึงห้องของตนเองแล้วก็ปิดประตู เขาทิ้งตัวพิงบานประตูยกสองมือขึ้นถูหน้า
เมื่อครู่นี้เขาทำอะไรลงไปบ้าง
ครั้นสติสัมปชัญญะกลับเข้าที่เข้าทาง เซ่าหมิงยวนฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ก็วิ่งทะยานไปที่เตียงนอน
เขาหยิบกระดาษสีพื้นที่หล่นอยู่บนเตียงขึ้นมาอ่านถ้อยความในนั้นวนไปวนมาเป็นสิบๆ รอบ ถึงเอามันแนบกับอก ยืนยิ้มอยู่คนเดียว
คุณหนูหลีก็คือเฉียวเจา เป็นเฉียวเจาภรรยาของข้า…
เซ่าหมิงยวนเอนกายลงนอนกลิ้งไปมาบนเตียงคล้ายเด็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่
หลีเจาก็คือเฉียวเจา เฉียวเจาก็คือหลีเจา พวกนางเป็นคนคนเดียวกัน!
มิน่าหมอเทวดาหลี่ถึงให้ความสนใจคุณหนูหลีเป็นพิเศษ
มิน่าความสนิทสนมระหว่างพี่เฉียวโม่กับคุณหนูหลีนั้น คนช่างสังเกตมองปราดเดียวก็รู้สึกได้ว่าไม่คล้ายคนที่เพิ่งนับถือกันเป็นพี่น้องบุญธรรม
มิน่าลายมือของคุณหนูหลีเหมือนกับของเฉียวเจาภรรยาข้าทุกประการ ขณะที่ลายมือของนางเมื่อสองปีก่อนกลับเหมือนไก่เขี่ยแทบดูไม่ได้
มิน่าคุณหนูหลียืนกรานจะมาจยาเฟิงเพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริงที่วางเพลิงเรือนสกุลเฉียว
มิน่าคุณหนูหลีมีท่าทีต่อเขาแปลกๆ มักโมโหข้าอย่างไม่มีเหตุผลบ่อยๆ
มิน่าคุณหนูหลีทั้งฉลาดหลักแหลมทั้งน่ารักนักหนา…
แม่ทัพหนุ่มนอนยิ้มคนเดียว คำว่า ‘มิน่า’ ผุดขึ้นในห้วงความคิดเขานับไม่ถ้วนอย่างเข้าใจอะไรๆ ได้กระจ่างชัดแล้ว สุดท้ายเขางอตัวน้อยๆ ยกสองมือปิดหน้าร่ำไห้น้ำตาไหลพรากอย่างไร้สุ้มเสียง
เขานึกว่าชาตินี้ตนถูกลิขิตให้ต้องอยู่เหมือนตกนรก จะชังไม่อาจชัง จะรักไม่อาจรัก ขอร้องไม่ได้ ปล่อยวางไม่ได้ ต้องประสบกับการพบพรากจากลา ลิ้มรสความทุกข์ยากนานัปการของมนุษย์ และโดดเดี่ยวเดียวดายจวบจนบั้นปลายชีวิต ท้ายที่สุดไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ ไว้ในโลกนี้แม้แต่น้อยนิด
หากที่แท้สวรรค์ยินยอมเมตตาเขาครั้งหนึ่ง
“เจาเจา…” เซ่าหมิงยวนเปล่งเสียงพูดสองคำนี้ออกมา
อันว่าสุราไม่มอมเมาคน หากจิตใจตนหลงมัวเมาเอง
ชายหนุ่มหวาดหวั่นสุดใจว่าเพราะดื่มสุราเลยเกิดภาพลวงตา เขาอ่านถ้อยความบนกระดาษสีพื้นอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่งถึงวางใจได้โดยสิ้นเชิง
ไม่ผิดแล้วๆ พี่เฉียวโม่เขียนไว้ในกระดาษสารอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง คุณหนูหลีคือเฉียวเจาภรรยาเขาจริงๆ อย่างไร้ข้อกังขา
แต่เหตุใดนางถึงปิดบังเขามาโดยตลอดเล่า…
เซ่าหมิงยวนคิดถึงตรงนี้ก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง นึกขึ้นได้ในที่สุดว่าตนบุกไปกระทำเรื่องบัดซบอะไรในห้องเฉียวเจาเมื่อครู่นี้
สีหน้าของแม่ทัพหนุ่มนิ่งขึงไป
เขาบังคับจูบเจาเจา
เจาเจาต้องคิดว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ไม่รู้จักยางอายแน่ๆ แล้วนางจะไม่ไยดีเขานับแต่นี้เป็นต้นไปหรือไม่
ยังดีที่พิษไอเย็นในกายยังขับออกไม่หมดเกลี้ยง นางจะโกรธเคืองปานใด คงไม่ทอดทิ้งข้าโดยไม่ดูดำดูดีกระมัง
เสี้ยวเวลานี้เซ่าหมิงยวนพลันอยากให้ช่วงเวลาฝังเข็มขับพิษยืดยาวไปเรื่อยๆ อย่างไม่จบสิ้นใจจะขาด
เขาลงจากเตียงคิดจะไปหาเฉียวเจา ทว่าฝืนสะกดอารมณ์ชั่ววูบนี้ไว้ด้วยสติสัมปชัญญะสุดท้าย
วันนี้เจาเจาของข้าคงตกใจเสียขวัญแล้วเป็นแน่ อดทนรอถึงพรุ่งนี้เถอะ