หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 375
บทที่ 375
เซ่าหมิงยวนกลับไปนอนลงตามเดิม
ถูกต้อง อดทนไว้ อดทนถึงพรุ่งนี้ก็สิ้นเรื่อง
ด้านนอกหน้าต่างดวงจันทร์สุกสกาวแสงดาวริบหรี่ สายลมกลางลำน้ำเย็นจางๆ ทว่าคนด้านในหน้าต่างนอนพลิกกายไปมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่นานสองนาน สุดท้ายยังคงลุกขึ้นนั่ง
เขาทนไม่ไหว เขาอยากเจอนางจนอดใจไม่อยู่แล้ว
เซ่าหมิงยวนลงจากเตียงเปิดประตูออกจากห้อง เขายืนพิงราวรั้วเรือมองไปยังทิศทางห้องของเฉียวเจาตาไม่กะพริบจวบจนแสงแรกของวันใหม่จับขอบฟ้าถึงกลับเข้าห้อง
แม้ว่าอากาศยังไม่หนาวเย็นลง แต่ยืนอยู่ข้างนอกทั้งคืนเป็นเหตุให้มือเท้าของชายหนุ่มเย็บเฉียบ กระนั้นหัวใจเขากลับร้อนผ่าว มันไม่เคยเต้นถี่รัวอย่างนี้มาก่อน
อาการใจเต้นแรงเช่นนี้เป็นความรู้สึกที่ดีงามเฉกนี้เองหรือนี่
เซ่าหมิงยวนกลับไปข่มตาหลับได้ครู่หนึ่ง เมื่อใกล้ถึงเวลากินอาหารเช้าก็ลืมตาตื่นขึ้นเอง
“ท่านแม่ทัพไม่นอนต่ออีกสักครู่หรือขอรับ” เฉินกวงถามไถ่
กลางดึกเมื่อคืนเขาสะลึมสะลือลุกขึ้นมาถ่ายเบา เห็นร่างร่างหนึ่งยืนอยู่ริมราวรั้วด้านนอกก็ตกใจจนหายง่วงงุนเป็นปลิดทิ้ง ถึงเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นท่านแม่ทัพของเขานั่นเอง ดึกดื่นค่ำคืนท่านแม่ทัพไม่หลับไม่นอน อยากจะทำอะไรกันล่ะนี่
“ไม่ล่ะ ไปกินข้าว” เซ่าหมิงยวนกล่าวยิ้มๆ
เฉินกวงเกาท้ายทอย รู้สึกไม่วายว่าท่าทางของท่านแม่ทัพดูสดใสกระชุ่มกระชวยราวกับจะติดปีกบินขึ้นฟ้าได้ทุกเมื่อ
มีพิรุธ มีพิรุธอย่างยิ่งยวด!
รอกระทั่งเซ่าหมิงยวนสาวเท้าออกไปแล้ว เฉินกวงดึงตัวเยี่ยลั่วไปที่มุมหนึ่งแล้วกระซิบถาม “เยี่ยลั่ว เมื่อวานท่านแม่ทัพพบกับเรื่องดีๆ อะไรหรือ”
“เปลื้องผ้าต่อหน้าคุณหนูหลี?” เยี่ยลั่วผู้เงียบขรึมเป็นนิจนิ่งคิดอย่างจริงจังแล้วก็นึกเรื่องที่พิเศษกว่านี้ไม่ออก
เฉินกวงโบกมือไปมา กล่าวอย่างไม่เห็นพ้องด้วย “นั่นไม่นับเป็นเรื่องดีเป็นพิเศษ แค่เรื่องปกติเท่านั้น”
เรื่องปกติ?
เยี่ยลั่วลูบจมูก ฉะนั้นช่วงที่เขาออกทะเลไปนี้ เกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านแม่ทัพกับคุณหนูหลีกันแน่
เฉินกวงถลึงตาใส่เยี่ยลั่วอย่างไม่ได้ดั่งใจ เขาโคลงศีรษะ “ช่างเถิด ดูท่าว่าเจ้าคงไม่รู้อะไรสักอย่าง วันนี้ให้ข้าอยู่เวรดีกว่า”
หนนี้เซ่าหมิงยวนพาเยี่ยลั่วติดตามมาด้วยคนเดียว มาตรว่าเฉินกวงจะเป็นสารถีของเฉียวเจา แต่การเดินทางไกลคราวนี้นั่งเรือตลอด เป็นธรรมดาที่ไม่ต้องใช้งานเขา เขาก็กุลีกุจอกลับมาเป็นองครักษ์ของเจ้านายตัวจริงดังเดิม
“ตกลง” เยี่ยลั่วไม่คัดค้าน
“ไปเถอะ พวกเราไปกินข้าวกันก่อน” เฉินกวงดึงเยี่ยลั่วทีหนึ่ง ทั้งคู่ก็เดินกอดคอกันออกจากห้องไป
อีกด้านหนึ่งเฉียวเจาซึ่งจิตใจไม่สงบเพราะการกระทำที่น่าตกใจของเซ่าหมิงยวน ก็ย่อมจะนอนหลับไม่สนิทเช่นกัน
เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นนายลุกจากเตียง อาจูกับปิงลวี่เข้ามาปรนนิบัติในสภาพตาโหลจากการอดนอนเช่นเดียวกัน
คนหนึ่งยกอ่างน้ำด้วยสองมือ คนหนึ่งคอยส่งผ้าเช็ดหน้า หลังจากเฉียวเจาล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ อาจูเป็นคนมุ่นมวยห่วงคู่ง่ายๆ ให้นาง จากนั้นจับชายกระโปรงให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปข้างนอก
“คุณหนู…” อาจูร้องเรียกจากทางข้างหลังแล้วทำท่าอึกอัก
เฉียวเจาหมุนกายไป “มีอะไรหรือ”
อาจูหน้าแดงเรื่อๆ นางชี้ที่ริมฝีปากเฉียวเจา
เฉียวเจาชะงักเล็กน้อย ยกมือลูบปากก่อนเอ่ยสั่ง “หยิบคันฉ่องมา”
ปิงลวี่ถือคันฉ่องด้วยสองมือเอามาให้ พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “คุณหนู ท่านดูสิเจ้าคะ บวมเจ่อหมดเลย เป็นเพราะแม่ทัพเซ่าผู้เดียว”
ใบหน้าของเด็กสาวในคันฉ่องซีดขาวอยู่บ้างดูไม่ค่อยสดชื่นกระฉับกระเฉง แต่ริมฝีปากกลับเป็นสีแดงสดเห็นรอยบวมเด่นชัด
สภาพอย่างนี้บอกว่ากัดปากตนเองโดยไม่ระวัง คนอื่นจะเชื่อหรือไม่
เจ้าคนบ้านั่น!
เฉียวเจาเม้มปากแล้วสั่งให้อาจูหยิบกล่องไม้แดงใบหนึ่งจากหีบสัมภาระ เอายาขี้ผึ้งตลับหนึ่งในนั้นออกมา ใช้ปลายนิ้วเขี่ยเนื้อยาสีขาวใสนิดเดียวมาทาริมฝีปากบางๆ
ทีนี้เป็นอย่างไรล่ะ อาหารเช้าก็ไม่ต้องออกไปกินแล้ว
“คุณหนู ข้าไปยกอาหารมาให้ท่านนะเจ้าคะ”
เฉียวเจาพยักหน้า “ดี บอกว่าเมื่อคืนข้านอนหลับไม่สนิทเลยปวดศีรษะอยู่สักหน่อย วันนี้ไม่ออกไปกินอาหารแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
นางนิ่งคิดแล้วเอ่ยขึ้น “ถ้ามีคนจะมาเยี่ยมข้า บอกว่าข้าหลับอยู่ ไม่สะดวก”
คนอื่นไม่ต้องพูดถึง ถ้าฉือชั่นรู้ว่านางไม่สบายคงต้องมาเยี่ยมแน่ ขืนให้เขาเห็นนางในสภาพนี้เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก
เฉียวเจายิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง
เซ่าหมิงยวนคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมากันแน่ ไหนเล่าความสุขุมเยือกเย็น ไหนเล่าความหนักแน่นสำรวมตน
อีกอย่างเพิ่งสูญเสียภรรยาไปไม่ถึงหนึ่งปีกระมังก็บุกเข้าห้องส่วนตัวของเด็กสาว ขบกัดไม่เลือกที่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง?
แม่นางเฉียวยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง
เจ้าคนบ้าใจร้ายใจดำแล้วยังมากตัณหาอีก!
“ถ้าเป็นแม่ทัพเซ่ามาล่ะเจ้าคะ” ปิงลวี่ถามหยั่งเชิง
เฉียวเจาทำหน้าตึง “เช่นนั้นก็ให้เขาเข้ามา”
อาจูออกจากห้องเงียบๆ ไปที่โถงกินอาหาร
ภายในโถงกินอาหารเซ่าหมิงยวนมาถึงเป็นคนแรก เขานั่งไม่เป็นสุข ดวงตาจับจ้องหน้าประตูโดยตลอด
ตอนเขาแต่งงานยังไม่รู้สึกประหม่าตื่นเต้นปานนี้
ประเดี๋ยวเจาเจามาแล้ว ข้าจะพูดอะไรดี นางจะโกรธเคืองอยู่อีกหรือไม่
ช่างเถิด เรื่องอย่างนั้นแสนจะพิสดารเหลือเชื่อ ไม่เหมาะจะบอกให้คนอื่นล่วงรู้ รอไว้ตอนเจาเจาฝังเข็มให้ข้าวันนี้ค่อยคุยกันจะดีกว่า
หยางโฮ่วเฉิงกับฉือชั่นเดินตามหลังกันเข้ามา
“ถิงเฉวียน เจ้ามาถึงแต่เช้าถึงเพียงนี้เลยหรือ” หยางโฮ่วเฉิงขยี้ๆ ตาพลางเอ่ย
“หิวตั้งนานแล้ว” เซ่าหมิงยวนอมยิ้มกล่าวขึ้น
แม้นเขาจะยิ้ม กลับทำให้คนรู้สึกว่าเขาเหม่อลอยอยู่
หยางโฮ่วเฉิงกับฉือชั่นอดสบตากันไม่ได้ พอท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้เกิดกับสหายรักแล้วดูขัดแย้งกันเหลือเกิน หรือว่ามีเรื่องอะไรที่พวกเขาไม่รู้ใช่หรือไม่
“ใจลอยไปที่ใดแล้ว” ฉือชั่นยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเซ่าหมิงยวน
เขาหลุบตาลงตักโจ๊กกินคำหนึ่งแล้วกล่าวติชม “โจ๊กหมูรมควันวันนี้รสชาติไม่เลวเลย”
ฉือชั่นทำหน้างุนงง “ถิงเฉวียน ที่เจ้ากินอยู่เป็นโจ๊กต้มพุทราแดงนะ”
เซ่าหมิงยวนกะพริบตาปริบๆ “โจ๊กต้มพุทราแดงหรือ เอ่อ…โจ๊กต้มพุทราแดงก็รสชาติไม่เลว”
ฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงมองหน้ากันไปมา นี่ยืนยันได้แล้วว่าสหายรักไม่มีสติแล้วจริง
เวลานี้เองอาจูเดินหิ้วกล่องอาหารเข้ามา นางบอกกับคนทั้งสามตามคำกำชับของเฉียวเจา จากนั้นเอาสำรับอาหารเช้าของผู้เป็นนายใส่ในกล่องแล้วย่อตัวคำนับและกล่าวขอตัว
“นางไม่สบายหรือ” ฉือชั่นลุกขึ้นยืน “ข้าไปดูสักหน่อย”
“คุณชายฉือ คุณหนูของข้ายังนอนอยู่เจ้าค่ะ เพราะสองวันมานี้ต้องเร่งเดินทางเป็นเหตุให้คุณหนูเหนื่อยล้าเท่านั้นเอง นางจึงอยากจะนอนหลับต่ออีกครู่หนึ่ง ท่านไปตอนนี้เกรงว่าจะไม่ใคร่สะดวก” อาจูบอกปัดกลับไปอย่างไม่โอหังไม่เจียมตน
“เช่นนั้นก็ให้คุณหนูของเจ้าพักมากๆ มีเรื่องใดก็รีบมารายงาน” ถึงแม้ฉือชั่นยังไม่คลายใจ แต่ก็เข้าใจแล้วว่าจะไม่คำนึงถึงอะไรเฉกเช่นที่ผ่านมาไม่ได้ ลงท้ายรังแต่ทำให้หญิงในดวงใจรำคาญ
เขายังมีเวลาอีกยาวนาน ค่อยๆ รอนางได้
อาจูไปแล้ว เซ่าหมิงยวนกินอาหารเช้าลวกๆ ไม่กี่คำก็ลุกขึ้นเดินออกไป
เจาเจาปวดศีรษะ? ใช่หรือไม่ว่านอนหลับไม่สนิท
เฮ้อ…เป็นความผิดของข้าเอง เมื่อวานเจาเจาคงเสียขวัญเพราะข้าแล้ว
ถึงกระนั้นก็ตามเมื่อนึกถึงที่ตนเสียมารยาทเมื่อคืน เซ่าหมิงยวนหาได้นึกเสียใจภายหลังไม่
หากเลือกใหม่ได้อีกครั้ง เขายังคงจูบนางเหมือนเดิม
ก็นางเป็นภรรยาของเขา
แต่เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบไปอธิบายกับเจาเจาให้กระจ่างชัด
เซ่าหมิงยวนสาวเท้าไปถึงหน้าประตูห้องของเฉียวเจาอย่างห้ามใจไม่อยู่ ครั้นนึกไปถึงคำบอกของอาจู เขาก็ชะงักฝีเท้า
เจาเจายังพักผ่อนอยู่ เขารออีกประเดี๋ยวเถอะ
ปิงลวี่เห็นท่านแม่ทัพยืนอยู่หน้าประตู นางเอ่ยด้วยสีหน้ามึนตึง “แม่ทัพเซ่าเข้าไปสิเจ้าคะ”
เซ่าหมิงยวนประหลาดใจเล็กน้อย เขาเดินเข้าห้องด้วยฝีเท้าเบาหวิว
ฉือชั่นยืนอยู่กลางระเบียงทางเดินเบิกตากว้าง
ไหนบอกว่านอนหลับอยู่ไม่พบใครเล่า