หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 377
บทที่ 377
พอได้ยินถ้อยคำนี้ของเฉียวเจา ใบหูของเซ่าหมิงยวนพลันแดงก่ำทันใด
เฉียวเจารู้สึกหมดคำพูดเหลือหลาย ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายปากว่ามือถึง แต่กลับยังมีหน้าทำเป็นอายได้อีก
“จุดนี้แม่ทัพเซ่าคงทำได้กระมัง”
เซ่าหมิงยวนไม่ปริปาก ใบหน้าเริ่มแดงเรื่อไปด้วย
เขาไม่อยากพูดคำเท็จโกหกนาง เขาทำไม่ได้
เขาเห็นนางก็อยากกอดไว้ไม่ปล่อยมือ
เฉียวเจาเห็นดังนั้นก็ทึกทักว่าเขาตอบตกลง พาให้ในใจผ่อนคลายลง นางแย้มปากยิ้มเอ่ยว่า “แม่ทัพเซ่า ท่านไม่ต้องรู้สึกอึดอัดนึกว่าต้องรับผิดชอบอะไรต่อข้า พวกเราอยู่ร่วมกันเหมือนอย่างที่ผ่านมาก็พอเจ้าค่ะ”
ประกายในดวงตาของเซ่าหมิงยวนเข้มขึ้น เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางเหมือนสงบนิ่ง “ความหมายของเจาเจาคือไม่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราหรือ”
แม่นางเฉียวหลากใจ “พวกเรามีความสัมพันธ์อะไรกัน”
หรือที่นางอุตส่าห์พูดไปตั้งมากมาย เปล่าประโยชน์
เซ่าหมิงยวนชักคับอกคับใจ เขามองเฉียวเจานิ่งๆ
หญิงสาวเกือบกลอกตาขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
เขายังจะทำน้อยอกน้อยใจอีก ราวกับโดนนางหลอกลวงทิ้งขว้างกระนั้น
“แม่ทัพเซ่า ข้าบอกไปแล้วว่าตอนนี้ข้าคือหลีเจา!”
“แต่เจ้าก็คือเฉียวเจา ไม่เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงอยู่บนเรือลำนี้” เซ่าหมิงยวนมองนางอย่างจริงจัง “เจาเจา สิ่งที่เจ้าทำเหล่านี้ล้วนต้องเป็นเฉียวเจาถึงจะกระทำ ต่อให้ปฏิเสธอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าเป็นเฉียวเจาไม่ได้”
ดวงตาของบุรุษฝั่งตรงข้ามทอประกายลึกซึ้งเหลือเกิน ทำให้เฉียวเจาหลบตาเขาโดยไม่รู้ตัว นางกล่าวทอดถอนใจ “ใช่ แม้ว่าข้าจะยึดครองร่างกายของหลีเจาไว้ แต่ไม่อาจหลุดพ้นจากตัวตนของเฉียวเจาไปได้ชั่วชีวิต ถึงกระนั้นธนูดอกนั้นมิได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราขาดสะบั้นลงแล้วหรอกหรือ เซ่าหมิงยวน ท่านต้องรู้ดีว่านับแต่ท่านยิงธนูดอกนั้นออกมา เฉียวเจาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ทว่าเฉียวซื่อภรรยาของท่านได้ตายจากไปแล้ว”
เซ่าหมิงยวนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง สีหน้าเผือดลงทีละน้อย “เจาเจา เจ้าเกลียดข้าหรือไม่”
ท่าทางเขาดูคล้ายลูกสุนัขถูกทอดทิ้ง ชวนให้สงสารอย่างปราศจากเหตุผล
เฉียวเจาเบือนหน้าหนี กล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่เกลียด”
“จริงนะ?” เซ่าหมิงยวนตาเป็นประกาย
“หากว่าเกลียดท่าน เหตุใดยังฝังเข็มขับพิษให้ท่านอีกเล่า” เฉียวเจาย้อนถามแล้วยังพูดเสริมอีกคำหนึ่ง “ข้านึกว่าแม่ทัพเซ่าแจ่มแจ้งแล้วเสียอีก”
เขาพยักหน้า “ข้าแจ่มแจ้งดี”
ถึงจะแจ่มแจ้งสักเพียงใดก็ยังคงหวาดหวั่นกังวล มีเพียงได้ฟังคำตอบของเจ้าจึงจะสบายใจ
“แต่ว่าไม่เกลียดท่าน มิได้หมายความว่าข้ายังต้องเป็นภรรยาของท่าน เข้าใจหรือไม่”
ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเม้มเข้าหากันแน่น เขาไม่เข้าใจ ถึงเข้าใจก็จะแสร้งไม่เข้าใจ
อันที่จริงก่อนที่เขาจะรู้ว่าคุณหนูหลีคือเฉียวเจา ระหว่างเขากับนางก็ใกล้ชิดกันเหลือเกินแล้ว
นางฝังเข็มให้เขาทุกวัน ได้เห็นร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาวันละครั้ง แล้วตอนเหตุดินถล่มที่เขาลั่วสยา เขาอุ้มนางไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ยังมีวิธีป้อนยาเขาตอนหมดสติในถ้ำกลางภูเขา เขาคาดเดาได้รางๆ มาโดยตลอด ทว่าไม่กล้าคิดต่อจากนั้น
เขาไม่ได้โง่เขลาถึงขั้นเดาไม่ออก หากแต่ไม่กล้าเดา
เขาให้คำสาบานไว้ว่าจะครองกายเพื่อภรรยาที่จากไป จึงได้แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้กับสตรีที่พึงใจ ปัดความรับผิดชอบที่ควรแบกรับไว้ทิ้งไป
บัดนี้เขารู้ว่าพวกนางเป็นคนคนเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เขาล้วนไม่คิดปล่อยมือ
“เจาเจา มีคำถามหนึ่งที่ข้าอยากถามเจ้าเรื่อยมา”
“แม่ทัพเซ่าเชิญกล่าวเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเฉียวเจาสุภาพมาก
ในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อหลังถูกล่วงรู้ตัวตนแท้จริงแล้ว นางไม่อาจปล่อยให้เจ้าคนผู้นี้หลงเข้าใจอะไรผิดๆ จะทำให้เขาได้คืบเอาศอก นางต้องทำให้เขาแจ่มแจ้งว่าระหว่างเขากับนางไม่ได้เป็นอะไรกัน!
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลงราวกับไม่กล้ามองนาง “เอ่อ…คือว่าตอนที่ข้าหมดสติอยู่ในถ้ำคราวนั้น เจ้าป้อนยาให้ข้าอย่างไรหรือ”
“แค่กๆๆ…” คำถามนี้ถามอย่างกะทันหันเกินไป เฉียวเจาเริ่มไอออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ใบหน้านางซับสีแดงระเรื่อ
เวลาเจาเจาหน้าแดงชวนมองจริงๆ เซ่าหมิงยวนคิดคำนึง
เขารีบยื่นมือไปตบหลังนางเบาๆ พูดเสียงนุ่ม “ใจเย็นๆ ข้าแค่ถามเท่านั้น”
เฉียวเจาไอจนน้ำตาเล็ด นางมองเขาตาขุ่นเขียว
แค่ถามอะไรกัน จงใจชัดๆ!
“เอาล่ะๆ ข้าไม่ถามก็ได้ ข้ารู้แล้ว” เซ่าหมิงยวนรินน้ำถ้วยหนึ่งส่งให้นาง
เฉียวเจาไอหนักยิ่งขึ้น นางดื่มน้ำไปหลายคำก่อนจะถลึงตามองเขาเขม็ง “ท่านรู้อะไร…”
เขาก้มหน้าหัวเราะเบาๆ “รู้วิธีที่เจ้าป้อนยาข้า”
“เซ่าหมิงยวน!”
“ขอรับ” เซ่าหมิงยวนขานตอบ
เฉียวเจาหน้าแดงก่ำ ชี้ไปที่ประตูห้อง “ท่านออกไปเสีย”
“ได้” เซ่าหมิงยวนลุกขึ้นเดินออกไปอย่างอยู่ในโอวาทมาก
อืม จะบีบคั้นเจาเจามากเกินไปไม่ได้ ถึงอย่างไรวันนี้นางยังต้องฝังเข็มให้ข้า อีกประเดี๋ยวก็ได้เจอหน้ากันอีก
เฉียวเจาได้ยินเสียงปิดประตูก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นกรอกเข้าปากอึกใหญ่ จากนั้นวางมันลงแล้วเริ่มจมอยู่ในภวังค์ความคิด
ไฉนนางไม่เคยค้นพบมาก่อนเลยว่าเจ้าคนบ้าผู้นั้นมิใช่คนซื่อๆ เลยสักนิด
เขารู้ตั้งแต่เมื่อไร
ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือหากไม่รู้ว่านางคือเฉียวเจา เขาตั้งใจจะแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ตลอดไปหรือ นี่คือไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับแม่นางน้อยหลีเจาไปอีกขั้นหนึ่ง
ไร้ความรับผิดชอบ เดรัจฉานในคราบมนุษย์!
เฉียวเจาก่นด่าในใจ แต่กลับอารมณ์ดีขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คุณหนู แม่ทัพเซ่ามิได้ทำเรื่องไม่ดีกระมัง” ปิงลวี่เห็นคุณหนูของตนใจลอยอยู่ตลอด นางจึงอดถามขึ้นไม่ได้
เฉียวเจาดึงความคิดคืนมา สังเกตเห็นสาวใช้น้อยเอาแต่มองที่ปากนางอย่างไม่ละสายตาก็กระอักกระอ่วนใจอย่างมาก แต่แสร้งทำหน้านิ่งเฉยอย่างสุดกำลัง “วันหน้าอย่าพูดจาเรื่องอย่างนี้ส่งเดช ถูกใครได้ยินจะเข้าใจผิดเอาได้”
ปิงลวี่ทำสีหน้าขึงขัง “คุณหนูวางใจได้ ข้าไม่พูดจาส่งเดชเด็ดขาด แต่ว่าหน้าท่านแดงมากเลยเจ้าค่ะ แม่ทัพเซ่าต้องทำอะไรไว้เป็นแน่กระมัง”
“ไม่มี เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะพักผ่อน” เฉียวเจาต้านทานความสอดรู้สอดเห็นของสาวใช้น้อยไม่ไหว จึงรีบบอกให้นางออกจากห้อง
หลังจากเหลืออยู่ตัวคนเดียว นางล้มตัวลงนอนบนเตียง กอดหมอนนุ่มๆ ถอนใจเฮือกหนึ่ง
พี่ใหญ่เปิดเผยตัวตนแท้จริงของข้า มิใช่สร้างปัญหาเพิ่มขึ้นหรอกหรือ!
เดิมทีนางนึกว่าพูดกันให้รู้เรื่องก็เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าคนผู้นั้นกลับไม่ให้ความร่วมมือ ยังเอ่ยถึงเรื่องในถ้ำจนพลิกกลับเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือนาง
ความสุภาพมีมารยาทและรู้จังหวะรุกถอยในกาลก่อนของเขาหายไปที่ใดกัน
ขณะที่แม่นางเฉียวคับข้องใจสุดจะกล่าว ท่านแม่ทัพซึ่งออกจากห้องของนางไปกลับอยู่ในอารมณ์เบิกบานสำราญใจ
ไม่สำคัญว่าตอนนี้เจาเจาจะยอมรับเขาได้หรือไม่ นางยังมีชีวิตอยู่คือเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีมากที่สุด
ถึงกระนั้นเขาต้องพยายามให้มากขึ้น ขวนขวายหาทางสู่ขอนางมาเป็นภรรยาให้ได้ในเร็ววัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้เซ่าหมิงยวนพลันรู้สึกว่าเจอกับศึกหนักยืดเยื้อเสียแล้ว เขาเดินกลับถึงห้องตนเองก็ผงกศีรษะเล็กน้อยกับเฉินกวงซึ่งยืนอยู่หน้าประตู “เข้ามา”
เขาเข้าไปนั่งลง ชี้เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “นั่งสิ”
เฉินกวงรีบนั่งลง เขานึกในใจ ดูท่าท่านแม่ทัพมีปัญหาอยากขอคำชี้แนะอีกแล้ว
สมดังคาด เซ่าหมิงยวนนั่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนอ้าปากพูด “เฉินกวง มีปัญหาหนึ่งอยากถามเจ้า”
“ท่านแม่ทัพเชิญกล่าว จริงสิ เป็นสหายธรรมดาใช่หรือไม่ขอรับ”
เซ่าหมิงยวนขึงตามองเฉินกวงแวบหนึ่ง
เจ้าหนุ่มนี่จงใจกระมัง เห็นทีว่าไม่ได้อัดสั่งสอนมานานเกินไป รนหาที่เสียแล้ว
“ไม่ใช่สหายธรรมดา เป็นว่าที่ฮูหยินแม่ทัพของพวกเจ้า”
เฉินกวงไถลพรืดตกจากเก้าอี้ลงไปบนพื้นเสียงดังตึ้งทันที
ท่านแม่ทัพ ท่านพูดเรื่องน่าตกตะลึงปานนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยเช่นนี้ เคยใคร่ครวญถึงความรู้สึกของผู้อื่นบ้างหรือไม่ขอรับ
พอเห็นเฉินกวงมีท่าทีถึงเพียงนี้ เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หือ?”
เฉินกวงรีบตะกายตัวลุกขึ้น เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าตนเองจะตบแต่งภรรยาเสียอีก หัวใจเต้นตึกตักไม่หยุดขณะไต่ถามอย่างระมัดระวัง “ใครคือว่าที่ฮูหยินแม่ทัพของพวกข้าหรือขอรับ”