หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 379
บทที่ 379
เฉียวเจาปรับตัวไม่ค่อยทันในชั่วขณะ
ถึงพักนี้จะคุ้นเคยกับขั้นตอนพวกนี้ก็ตามที แต่วันนี้เขาถอดอย่างคล่องแคล่วว่องไวไปบ้างหรือไม่
“เจาเจาเริ่มได้เลย”
นางเม้มมุมปากและพยักหน้า
คนบางคนเอนกายลงนอนอย่างเชื่อฟัง
เพราะพิษไอเย็นในกายถูกขับออกไปได้ไม่น้อย ผิวกายของเขาไม่ดูซีดขาวปานนั้นอีกแล้ว มันแผ่ประกายวาวๆ ละม้ายไข่มุก
แผงอกครัดเคร่ง กล้ามหน้าท้องเป็นลอนชัด มีร่องลึกพาดเป็นแนวจากกลางท้องหายเข้าไปใต้กางเกงขายาว
สายตาของเฉียวเจาหยุดอยู่ตรงนั้น นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ แต่นึกไม่ออกในชั่วครู่ชั่วยาม
หลังจากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้ว ยามเฉียวเจาจ้องมองตรงนั้นกลับนึกกระดากกระเดื่องอยู่บ้าง นางดึงสายตาคืนเงียบๆ และหยิบเข็มเงินออกจากถุงผ้า
นิ้วมือนางจับเข็มเงินแตะลงบนกลางอกอีกฝ่ายแล้วชะงักกึก
นางเลื่อนสายตาลงล่างมองไปที่จุดบางจุดซ้ำอีกครา กระจ่างแจ้งในที่สุดว่าความรู้สึกไม่ปกตินั่นมาจากที่ใด
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเผยเนื้อตัวมากถึงเพียงนี้!
ทุกครั้งเขาจะดึงกางเกงขึ้นสูงๆ แทบจะถึงใต้อกเลยทีเดียว หากมิใช่ว่าจุดที่ฝังเข็มเป็นบริเวณรอบอก นางคงสงสัยว่าเขาสวมกางเกงแทนเสื้อตัวในได้แล้ว
ครั้นเห็นนางเพ่งมองตรงนั้น เซ่าหมิงยวนเริ่มหน้าร้อนวาบๆ แต่ยังหลุบตาลงไม่ขยับตัว
เฉียวเจาดึงสายตากลับไปมองที่ชายหนุ่ม เห็นเขานอนนิ่งสงบเสงี่ยมให้มองดูตามสบายแล้วขุ่นเคืองใจอย่างสุดระงับ
นี่เขาจะทำอะไร!
หรือคิดว่าเปลือยกายมากขึ้นข้าก็จะยอมรับเขา
เจ้าคนบ้าผู้นี้เห็นข้าเป็นคนเช่นใด ข้าเป็นพวกตัณหาหน้ามืดพรรค์นั้นใช่หรือไม่
แม่นางเฉียวสีหน้าบูดบึ้งแล้ว
แม่ทัพหนุ่มทำตาปริบๆ อย่างงุนงง
เพราะอะไรเจาเจาถึงโมโห เมื่อก่อนนางชอบมองชัดๆ ซ้ำยังชอบจับ…
เซ่าหมิงยวนนึกถึงคำพูดของเฉินกวงที่ว่า ‘ยิ่งหน้าหนายิ่งดี’
นี่ก็ไม่มีอะไรน่าลำบากใจ เขาสามารถทำได้อย่างเต็มที่
คนบางคนแอบให้กำลังใจตนเองก่อนจะยื่นมือไปจับมือเรียวงามของเด็กสาวมาวางบนหน้าท้องของตน แต่แล้วดวงหน้าหล่อเหลาก็เหยเกทันที
เฉียวเจาหลุบตามองเข็มเงินที่ปักอยู่บนท้องเขาแล้วหลุดหัวเราะพรืดอย่างกลั้นไม่อยู่
ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำอย่างกระดากอาย เขาลืมไปว่ามือเจาเจาถือเข็มเงินเอาไว้
“เจ็บหรือไม่”
“ไม่เจ็บ”
เฉียวเจาค้อนเขาวงหนึ่ง “สมน้ำหน้า!”
นางกำลังเตรียมฝังเข็มให้เขา จู่ๆ มาจับมือนางด้วยเหตุใดเล่า
“แม่ทัพเซ่าอยากลองดูว่าเข็มจะแทงเข้าไปได้หรือไม่หรือเจ้าคะ” เด็กสาวยื่นนิ้วมือเรียวดุจลำเทียนไปจิ้มเบาๆ ตรงหน้าท้องชายหนุ่ม
เซ่าหมิงยวนลอบสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ไม่กล้าเปล่งเสียงพูด
“อย่าขยับยุกยิกอีก” เฉียวเจาดึงเข็มเงินออกแล้วเอ่ยเตือน
“ได้”
เขามองดูเด็กสาวที่ก้มหน้าฝังเข็มให้ตนด้วยสายตาจดจ่อ
ดังคำกล่าวว่า ‘ทุกสรรพสิ่งย่อมเป็นไปตามกรรม’
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปเสาะหาน้ำแข็งพันปีให้เจาเจา พิษไอเย็นในตัวคงไม่กำเริบหนัก แล้วถ้าอาการไม่สาหัสถึงเพียงนี้เจาเจาไม่มีทางยื่นมือช่วยเป็นแน่ เช่นนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้รู้จักนิสัยใจคอของนางและมีจิตปฏิพัทธ์ต่อนาง
และถ้าเขาเห็นเจาเจาเป็นเช่นเด็กสาวธรรมดาๆ นางหนึ่ง พี่เฉียวโม่ก็ไม่มีทางมอบถุงผ้าแพรใบนั้นให้เขาเป็นแน่
เซ่าหมิงยวนไม่โง่เขลา เฉียวโม่มิได้แพร่งพรายตัวตนแท้จริงของเฉียวเจาทันที แต่ทำท่าจะพูดไม่พูดหลายครั้งหลายหน แสดงว่านางไม่คิดจะให้เขารู้ตั้งแต่ต้น
เซ่าหมิงยวนเพียงคิดถึงตรงนี้ก็หวาดผวาไม่หาย
หากเป็นอย่างนั้นจะน่าเสียดายสักปานใดกัน
เคราะห์ดีที่ทุกสิ่งล้วนเหมาะเจาะพอดีเช่นในยามนี้
เฉียวเจาดึงเข็มออกแล้วสังเกตเห็นคนบางคนมองตนอยู่อย่างเคลิ้มลอย นางอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เสร็จแล้ว สวมเสื้อลุกขึ้นเถอะ”
เซ่าหมิงยวนนอนนิ่งไม่ขยับ
“เป็นอะไรหรือ”
“มือชา เจาเจาเอาเสื้อมาให้ข้าได้หรือไม่”
เฉียวเจาหยิบเสื้อของเขาแล้วเลิกคิ้วพลางถาม “แม่ทัพเซ่า ยังต้องให้ข้าพยุงท่านลุกขึ้นด้วยใช่หรือไม่”
แม่ทัพหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน “ก็ดี”
ก็ดีกับผีน่ะสิ!
แม่นางเฉียวผู้สุขุมเป็นนิจสบถด่าคำหนึ่งในใจอย่างเหลืออด นางขว้างเสื้อใส่หน้าชายหนุ่ม จากนั้นหมุนกายออกเดินไป
ท่าทีโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัดของหญิงสาวทำให้เซ่าหมิงยวนสะดุ้งโหยง เขาดีดตัวขึ้นจากเตียงแล้วกระโดดลงพื้นไปรวบตัวนางไว้ทางข้างหลัง
“เจาเจา อย่าไปนะ”
เฉียวเจาเขม็งเกลียวไปทั้งเนื้อทั้งตัว
นางรู้สึกถึงแผงอกอุ่นจัดของอีกฝ่ายอย่างแจ่มชัด ถึงอย่างไรนี่ต่างจากยามสวมอาภรณ์ ต่างกันในแบบที่ทำให้คนหน้าแดงจรดใบหูและแข้งขาอ่อนระทวย
เซ่าหมิงยวนกอดเฉียวเจาไว้แล้วถึงรู้สึกตัว เขาตะลึงงันไป
เขายังไม่สวมเสื้อตัวนอกก็กอดเจาเจา นางต้องโกรธแทบแย่กระมัง
เขาไม่ได้คิดจะถูกเนื้อต้องตัวนางเลย เมื่อครู่นี้เป็นท่าทีตอบสนองตามสัญชาตญาณแต่ประการเดียว
แต่เจาเจาคงไม่ฟังเขาอธิบายเป็นแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้คนบางคนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอย่างเป็นไรเป็นกัน ซ้ำยังยื่นหน้าไปกระซิบวิงวอนริมใบหูของคนในวงแขน “เจาเจา อย่าไปนะ…”
ลมหายใจเย็นเฉียบดุจน้ำแข็งพ่นรดใส่ลำคอขาวผ่องของนางที่ค่อยๆ แดงซ่านละม้ายดอกท้อผลิบานดอกแล้วดอกเล่า
เด็กสาวตัวแข็งทื่อไปหมด นางหวนประหวัดถึงคืนนั้นในถ้ำกลางเขาอย่างช่วยไม่ได้
ราตรีแสนยาวนาน นางกับเขาต่างอยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าจวบจนฟ้าสาง…
พอเห็นเฉียวเจาไม่มีอาการตอบสนอง เซ่าหมิงยวนตกลงใจเด็ดเดี่ยวพูดอย่างตรงไปตรงมาทันทีว่า “เจาเจา ข้ามอบใจให้เจ้ามาเนิ่นนานแล้ว…เจ้าเป็นภรรยาของข้าอีกครั้งดีหรือไม่”
เฉียวเจาเรียกสติคืนมา นางยกมือขึ้นพยายามแกะมือเขาออก กล่าวด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เซ่าหมิงยวน ปล่อยมือนะ”
“ข้าไม่ปล่อย”
เขาไม่เชื่อว่านางจะเห็นเขาเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ต่อกันแม้แต่น้อย ด้วยนิสัยของเจาเจา หากในใจไม่มีเขาอยู่สักเศษเสี้ยว ไม่มีทางยอมให้เขาทำเช่นนี้เป็นอันขาด
ฝ่ายเฉียวเจานึกว่าตนเองหูฝาดไป
เซ่าหมิงยวนพูดอะไรนะ เจ้าคนพาลผู้นี้เป็นใครกันแน่
“เซ่าหมิงยวน ท่านไปร่ำเรียนลูกไม้ของคนเจ้าชู้ประตูดินพวกนี้มาจากที่ใด ตกลงท่านจะปล่อยมือหรือไม่”
“ไม่ปล่อย ขืนข้าปล่อยเจ้าก็ไม่ยอมพบข้าแล้ว”
อย่างน้อยต้องรอพรุ่งนี้ถึงจะได้พบกัน เขารอไม่ไหว
เผชิญกับคนพาลพรรค์นี้ เฉียวเจาโกรธจนทำอะไรไม่ถูก
นางถูกเขาพันธนาการไว้กับอ้อมอกแนบแน่นไม่กล้าแม้แต่จะดิ้นขัดขืน เพราะทำอย่างนั้นมันไม่น่าดูเอาเสียเลย
“เซ่าหมิงยวน ท่านคิดจะทำอะไร หวังใช้กำลังข่มเหงหรือ” เฉียวเจาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เยือกเย็นมากที่สุด
คนบางคนกล่าวตามสัตย์จริง “มิกล้าคิด”
“เช่นนั้นท่านปล่อยมือนะ ถึงอย่างไรคงพูดคุยกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้กระมัง” พูดจบเฉียวเจายังดูแคลนตนเองที่ใช้น้ำเสียงประนีประนอมเฉกนี้
สำหรับพวกเจ้าชู้ประตูดินพรรค์นี้ ไม่สมควรตบหน้าฉาดใหญ่ๆ รึ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอย่าหันหลังเดินหนีไปนะ” เซ่าหมิงยวนโอบร่างแบบบางของเด็กสาวไว้ พลันรู้สึกว่าความคิดของเฉินกวงถูกต้องเหลือเกิน
“ได้” เฉียวเจาเดือดดาลจนหลับตาลง
มือใหญ่ที่รัดตัวนางไว้คลายออกกะทันหัน เฉียวเจาหมุนกายขวับเงื้อมือขึ้นด้วยสีหน้าโกรธกรุ่นๆ
เซ่าหมิงยวนหลับตาลง ถึงขั้นก้มศีรษะไปให้นางตบได้ถนัดมือ
เฉียวเจากัดริมฝีปากสุดแรง นางลดมือลง
รออยู่นานครู่หนึ่ง เซ่าหมิงยวนถึงลืมตาขึ้น
นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสีขาวตัดกันชัดและแจ่มกระจ่างอย่างมาก ยามนี้ในนั้นฉายแววฉงนชัดเจนแลดูใสซื่อดุจเด็กน้อย
นางยกเท้าเตะหน้าแข้งบุรุษตรงหน้าทีหนึ่ง พลางกล่าวอย่างฉุนเฉียว “เซ่าหมิงยวน ท่านคาดเดาได้อยู่แล้วว่าข้าทำอะไรท่านไม่ได้ใช่หรือไม่”
“ข้าเปล่านะ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะทำอย่างไรกับข้าก็ได้ต่างหาก”
ข้อแม้คือห้ามไม่ไยดี หาไม่แล้วเขายังคงต้องทำหน้าหนาต่อไป