หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 384
บทที่ 384
เฉียวเจาไม่พูดตอบอาจู แต่รำพึงในใจว่า เพราะมีแต่วิธีนี้ เขาถึงยอมตัดใจ
หากพูดว่าเมื่อแรกนางนึกว่าฉือชั่นชมชอบนางเป็นแค่ความสนใจชั่วครู่ชั่วยามที่คุณชายสูงศักดิ์มีต่อเด็กสาว บัดนี้นางไม่อาจไม่ยอมรับว่าเขาจริงจัง
คนผู้หนึ่งที่จริงจังกับนางแต่นางไม่มีวันสนองตอบได้ เช่นนั้นก็ทำให้เขาตัดใจโดยไวไปเลยเสียดีกว่า แล้วจะมีอะไรที่ทำให้ท้อแท้หมดหวังได้มากกว่าเขารู้ว่าหัวใจนางมีเจ้าของแล้ว อีกทั้งคนที่ชมชอบยังเป็นสหายสนิทที่สุดเล่า
เฉียวเจาอาจจะฉลาดเฉลียวและใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ แต่นี่มิได้หมายความว่านางจะไม่เป็นทุกข์
ฉือชั่นคือคนที่ช่วยนางออกจากปากเสือ เป็นดั่งขอนไม้ช่วยชีวิตคนใกล้จมน้ำซึ่งนางคว้าเอาไว้ได้ยามหวาดกลัวไร้ที่พึ่งเมื่อครั้งนางเพิ่งกลายเป็นแม่นางน้อยหลีเจา
คนผู้หนึ่งดีอย่างนี้ แม้นางอาจไม่มีวันชมชอบได้ แต่จะซาบซึ้งใจเขาตลอดไป
ฉะนั้นยามต้องทำร้ายจิตใจเขา นางย่อมรู้สึกทรมานใจเป็นธรรมดา
นับแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เฉียวเจาไม่ได้ไปกินข้าวที่โถงกินอาหารอีกเลย
ยาสมานแผลที่อาจูนำไปให้มีสรรพคุณดียิ่ง วันต่อมาตอนได้พบกับเซ่าหมิงยวน รอยฟกช้ำบนใบหน้าเขาจางหายไปมากกว่าครึ่ง
ถึงจะเป็นเช่นนี้ แม่ทัพหนุ่มในสภาพตาเขียวช้ำข้างหนึ่งยังคงแลดูน่าขันอยู่บ้าง
เฉียวเจาจ้องหน้าเขานานครู่หนึ่ง
เซ่าหมิงยวนกระดากกระเดื่องอยู่บ้าง แต่เขาไม่ได้เบนหน้าหนี ปล่อยให้นางพิศดูตามใจชอบ
“ดูทีว่าเมื่อวานพี่ฉือมือหนักไม่เบาเลย”
เซ่าหมิงยวนแย้มยิ้ม “ใช่ เจาเจา ยานั่น…”
เฉียวเจาตัดบทเขา “แม่ทัพเซ่า ท่านสมควรเข้าใจความหมายของข้ากระมัง”
นางหลุบเปลือกตาลง กล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าแค่ไม่อยากให้พี่ฉือต้องเปลืองเวลากับข้าอีกก็เท่านั้น หาได้มีความคิดอันใดต่อแม่ทัพเซ่าไม่”
“ข้ารู้”
เฉียวเจาช้อนตามองเขา
บุรุษตรงหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยน “ความคิดของเจ้า ข้ารู้ดี”
นางขมวดคิ้วอย่างสุดระงับ
เหตุใดนางถึงอ่อนอกอ่อนใจคล้ายเงื้อหมัดชกใส่ก้อนสำลีนะ ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะพูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่พอคนผู้นี้เอ่ยปากกลับรู้สึกว่ามีที่ใดที่หนึ่งไม่ใคร่ปกติ
“แม่ทัพเซ่ารู้ก็ดีแล้ว” นางทำหน้าตึงพลางกล่าวขึ้น เมื่อมีปัญหาที่ขบไม่แตก แม่นางเฉียวก็ไม่ครุ่นคิดต่ออีก
“ไม่ว่าอย่างไรล้วนต้องขอบใจเจาเจาอย่างมาก” เซ่าหมิงยวนยิ้มพลางมองเด็กสาวซึ่งทำหน้ามุ่ยๆ
“แม่ทัพเซ่า ท่านไม่รู้สึกหรือว่าเรียกข้าว่าคุณหนูหลีจะเหมาะสมมากกว่า”
“หากพี่เฉียวโม่เรียกเจ้าว่าคุณหนูหลี อย่างนั้นข้าก็เรียกเจ้าว่าคุณหนูหลี” เซ่าหมิงยวนแย้งกลับได้อย่างสบายๆ
เฉียวเจากัดริมฝีปาก นางผิดเอง แต่ไรมาเซ่าหมิงยวนมิใช่คนซื่อๆ ที่ยอมให้ใครบีบเค้นอย่างไรก็ได้
ชายหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อย แม้ว่ารอยฟกช้ำบนหน้าจะลดทอนความหล่อเหลาลงหลายส่วน เขากลับไม่ใส่ใจสักนิด กล่าวกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ “ถ้าเจาเจารู้สึกว่าไม่เหมาะสม อันที่จริงยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
“อะไร” เฉียวเจาถามกลับโดยไม่ทันคิด
“เจ้าสามารถเรียกข้าว่าถิงเฉวียนได้ เท่านี้ก็เหมาะสมแล้ว”
“เซ่าหมิงยวน!” นางว่าแล้วเชียว พวกทหารเดนตายที่กรำศึกมาอย่างโชกโชนพรรค์นี้มิใช่คนดิบดี!
คนบางคนพิสูจน์ให้เห็นทันทีว่าการคาดเดาของแม่นางเฉียวนั้นถูกต้อง
เขากุมมือนางอย่างคล่องแคล่วช่ำชองพลางบอกยิ้มๆ “เรียกข้าว่าเซ่าหมิงยวนก็ได้”
“ท่านยังมียางอายอยู่หรือไม่” เฉียวเจาจนปัญญากับเขาแล้ว นางโยนความเป็นกุลสตรีทิ้งไปในที่สุด ลดสุ้มเสียงลงด่าทอเขา
“มี” แม่ทัพหนุ่มพยักหน้า จากนั้นกล่าวต่อท้ายอย่างว่องไว “แต่ที่ข้าอยากมีมากกว่าคือเจ้า ดังนั้นถ้ามีทั้งสองอย่างพร้อมกันไม่ได้ อย่างแรกไม่ต้องมีก็ได้”
“เซ่าหมิงยวน…” เฉียวเจาพูดสามคำนี้ลอดไรฟันแล้วหลับตาลง
ไม่ได้ ต้องใจเย็นไว้
นางไม่นึกไม่ฝันว่าทันทีที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้วเขาจะเป็นคนเช่นนี้ นี่ไม่เหมือนกับที่นางนึกไว้ก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว
แม่นางเฉียวซึ่งโดนรุกไล่จนชักเสียกระบวนไม่รู้ว่าสมควรแสดงท่าทีเช่นไรกับคนบางคนจึงจะดีไปชั่วขณะ
ฝ่ายเซ่าหมิงยวนจับจ้องเด็กสาวข้างกายตาไม่กะพริบ
ผิวกายของนางขาวมาก ทั้งยังใสนวลเนียนราวกับหยก นางหลับตาอยู่อย่างนี้แพขนตายาวเหยียดจะดูเหมือนพัดด้ามน้อยๆ ที่สร้างแรงกระเพื่อมไหวในหัวใจคนได้
สีหน้าที่ไม่สงบนิ่งเช่นเคยของนางกลับทำให้เขาสบายใจขึ้นหลายส่วนอย่างไร้สาเหตุ
ใจกล้าหน้าหนา ไม่เลือกวิธีการ น่าจะเป็นหนทางที่ถูกต้องสายหนึ่ง
อืม ประเดี๋ยวต้องตกรางวัลให้เฉินกวงอย่างงามสักหน่อย
เฉียวเจาลืมตาขึ้นก็เห็นบุรุษด้านข้างทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
รู้สึกไม่วายว่ามีตรงที่ใดแปลกๆ แม่นางเฉียวมุ่นคิ้วตรึกตรองอย่างหนัก
เซ่าหมิงยวนชอบใจที่ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพังนานขึ้น จึงปิดปากไม่กล่าววาจาอย่างหัวไว
นางกวาดสายตาไปที่บางจุดโดยไม่ตั้งใจถึงรู้ตัวทันใด เจ้าคนบ้ายังจับมือข้าอย่างหน้าไม่อายอีก!
เฉียวเจาจะดึงมือคืน ชายหนุ่มอดกุมไว้แน่นๆ ไม่ได้
“ปล่อยนะ!”
แม่ทัพหนุ่มสะกดความเสียดายในใจไว้แล้วคลายมือออกอย่างใจเย็น เขาไต่ถามเด็กสาวที่โกรธเกรี้ยวอยู่ “เจาเจา ตอนนี้ข้าถอดเสื้อได้แล้วกระมัง”
เฉียวเจาไม่อยากพูดกับคนบางคนโดยสิ้นเชิงแล้ว
หรือว่าเจ้าคนบ้าผู้นี้เก็บงำนิสัยเจ้าชู้ประตูดินมาโดยตลอด ช่างซุกซ่อนได้มิดชิดนักนะ
“เจาเจา ข้าถอดเสร็จแล้ว เริ่มได้แล้วกระมัง”
เฉียวเจาพูดเอ็ดด้วยหน้าตาง้ำงอ “หยุดพูด! ไม่เช่นนั้นข้าไม่รับรองว่าจะฝังผิดจุดหรือไม่”
เซ่าหมิงยวนยิ้มน้อยๆ “ฝังผิดจุดก็ไม่เป็นไร ข้าไม่กลัวเจ็บ”
เฉียวเจาสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ปั้นหน้าตึงเอ่ยขึ้นว่า “แม่ทัพเซ่า ข้าคิดดูแล้ว อันที่จริงความคิดเห็นของท่านก่อนหน้านี้ก็ไม่เลวเลย”
“ความคิดเห็นอะไรหรือ” เซ่าหมิงยวนทำไขสือ
“ก็หาผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านมาสักคน ข้าจะสอนขั้นตอนฝังเข็มขับพิษไอเย็นให้เขา”
ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป คงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขจริงๆ
เซ่าหมิงยวนส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก เจาเจา ข้าพาเยี่ยลั่วมาเป็นองครักษ์เพียงผู้เดียว ถึงแม้เขาจะมีวรยุทธ์สูง แต่หัวสมองไม่ค่อยฉับไว เรียนรู้ไม่ได้”
เยี่ยลั่วซึ่งยืนอยู่หน้าห้องตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ “…” ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!
“เฉินกวงล่ะ”
“เฉินกวงดูท่าทางหัวไว แต่จริงๆ แล้วยังเทียบเยี่ยลั่วไม่ได้เลยนะ”
เฉียวเจาไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด นางทำหน้าขรึมๆ มองเขา
เซ่าหมิงยวนตะโกนเรียก “เยี่ยลั่ว…”
“ขอรับ!” เยี่ยลั่วที่นอกประตูขานตอบเสียงดัง
“ไปตามเฉินกวง แล้วพวกเจ้าสองคนเข้ามาพร้อมกัน” เซ่าหมิงยวนออกคำสั่งจบ ค่อยบอกกับเฉียวเจาอย่างยิ้มแย้ม “ถ้าเจาเจาไม่เชื่อ อีกประเดี๋ยวถามพวกเขาดูก็สิ้นเรื่อง”
ไม่นานนักเฉินกวงกับเยี่ยลั่วก็เปิดประตูเข้ามาแล้วเปล่งเสียงถามพร้อมกัน “ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะสั่งกำชับขอรับ”
“เยี่ยลั่ว เจ้ามีความสนใจต่อวิชาฝังเข็มหรือไม่” เซ่าหมิงยวนเอ่ยปากถาม
เยี่ยลั่วยังไม่ทันตอบ เฉินกวงก็ลอบหยิกหลังเขาทีหนึ่ง
“ซี้ด…” เยี่ยลั่วสูดปากทำหน้าเบ้กล่าวขึ้น “ไม่สนใจขอรับ หรือท่านแม่ทัพต้องการให้ข้าเรียนวิชานี้”
เซ่าหมิงยวนมองไปทางเฉียวเจา
สายตาของนางหยุดอยู่ที่เฉินกวง
เขาถามเสียงเอื่อยๆ “เฉินกวง คุณหนูหลีอยากสอนเจ้าฝังเข็ม เจ้าเต็มใจเรียนหรือไม่”
เฉินกวงสั่นศีรษะถี่รัว “ท่านแม่ทัพอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย ข้าทำหน้าที่เป็นพวกสารถียังพอไหว ถ้าต้องเรียนฝังเข็มมิใช่จะเอาชีวิตข้าหรอกหรือขอรับ”
ล้อเล่นน่า ขืนข้ากล้าตอบตกลงจริงๆ ท่านแม่ทัพที่เคารพต้องเอาชีวิตข้าแน่ๆ!
เซ่าหมิงยวนมีสีหน้าลำบากใจ ทำท่าแบสองมือออกด้านข้างกับเฉียวเจา “เจาเจา เจ้าเห็นหรือไม่…”
เฉินกวงกับเยี่ยลั่วถอยออกไปเงียบๆ อย่างรู้จังหวะมาก
เฉียวเจาแค่นเสียงเยาะ “พวกเขาเป็นคนของท่าน เป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าขัดความต้องการของท่านน่ะสิ”
“พวกเขาเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า หาใช่คนของข้าไม่” เซ่าหมิงยวนเพ่งมองเด็กสาวเบื้องหน้าอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวอย่างมีนัยลึกล้ำ
เฉียวเจาลนลานอยากจะรีบหนีไป นางพ่ายให้กับคนพาลไร้ยางอายผู้นี้แล้ว!