หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 39
พำนักอยู่ในจวนเสนาบดีโค่วนั่นเอง… เฉียวเจาพูดพึมพำ นางเดาไม่ผิดจริงๆ ถ้าพี่ใหญ่เข้าเมืองหลวง ต้องไปหาท่านตาแน่ ไม่รู้ว่าเวลานี้พี่ใหญ่ได้รับข่าวนางเสียชีวิตแล้วหรือยัง
วันนี้ท่านเสนาบดีโค่วขอพระราชานุญาตสืบสวนเหตุไฟไหม้จวนสกุลเฉียวว่าเป็นเภทภัยธรรมชาติหรือฝีมือคนกันแน่ ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งผู้แทนพระองค์เดินทางไปสืบหาความจริงให้กระจ่างที่อำเภอจยาเฟิงแล้ว
พอเห็นบุตรสาวฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ หลีกวงเหวินก็เล่าเพิ่มมากขึ้นด้วยความยินดี
แล้วทรงแต่งตั้งใต้เท้าท่านใดเป็นผู้แทนพระองค์เจ้าคะ เฉียวเจาโพล่งถาม
หลีกวงเหวินอมยิ้มกล่าว ก็ท่านลุงใหญ่ทางจวนตะวันออกของเจ้าอย่างไรเล่า
เฉียวเจาขนลุกซู่ไปทั่วแขนในพริบตา
ฮ่องเต้แต่งตั้งขุนนางกรมอาญาเป็นผู้แทนพระองค์ไปสืบสวนเหตุการณ์ไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล ส่วนหลีกวงเยี่ยนท่านลุงใหญ่ทางจวนตะวันออกซึ่งรั้งตำแหน่งรองเสนาบดีกรมอาญาคนปัจจุบันก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านตานั่นเอง
ขณะที่นางซึ่งเป็นสตรีสกุลเฉียวกลายเป็นสตรีสกุลหลี คนในตระกูลของนางในร่างนี้รับหน้าที่ไปสืบเรื่องครอบครัวนางในร่างเดิม ความบังเอิญเฉกนี้ คงได้แต่พูดว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตที่แสนลี้ลับ
เจาเจา เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน หลีกวงเหวินพูดจบแล้วตะลึงงันไปเมื่อเห็นดวงตาของบุตรสาวคนรองมีน้ำตาเอ่อคลอวาววับ
เฉียวเจาไม่อาจบอกเหตุผลได้ จำต้องกล่าวว่า ท่านพ่อเล่าได้ดี กินใจข้าเจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินสะท้านสะเทือนไปทั้งอก แค่นี้ก็ประทับใจแล้วหรือนี่ ที่แท้บุตรสาวคนรองของข้ามักน้อยเพียงนี้?!
เขาพลันนึกละอายใจอยู่บ้างที่หลายปีมานี้วางตัวเมินเฉยกับนาง ขาดเพียงแต่ตบอกรับรองเท่านั้น เจาเจา วันหน้าหากเจ้ายังอยากฟังเรื่องเล่าอีกล่ะก็ มาหาท่านพ่อได้ทุกเมื่อ
เฉียวเจาตาเป็นประกาย พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มหวานแต่กำเนิดของตน ดีเหลือเกิน ขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินเก็บแท่นฝนหมึกในอกเสื้อ ตอนเดินออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่พองฟู เขาอดครุ่นคิดไม่ได้
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าข้ายังมีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องด้วยหรือนี่!
รอเมื่อภายในห้องสงบเงียบแล้ว เฉียวเจาก้าวขาเดินไปที่ห้องข้างฝั่งซ้ายของเรือน
ห้องนี้จัดเป็นห้องหนังสือ มีสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือพร้อมสรรพ ยังตั้งพิณโบราณตัวหนึ่งไว้ข้างหน้าต่าง แต่ฝุ่นจับแล้ว
นางหยิบกระดาษปึกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือขึ้นมา ตัวอักษรบนกระดาษสละสลวยเรียบร้อย ลายเส้นหนักแน่น งดงามสะอาดตาเป็นพิเศษ เป็นพระธรรมท่อนหนึ่งที่เพิ่งคัดลอกไว้
เฉียวเจามองปราดหนึ่งแล้วพูดสั่งอาจู ไปหยิบอ่างไฟมาใบหนึ่ง
ปิงลวี่พูดฉอดๆ คุณหนู อาจูเพิ่งมาใหม่ ไหนเลยจะรู้ว่าเก็บอ่างไฟไว้ที่ใด ให้ข้าไปหยิบเถอะเจ้าค่ะ
พอเห็นผู้เป็นนายพยักหน้า ปิงลวี่ชายตามองอาจูก่อนจะออกไปหน้าระรื่น
เฉียวเจาหาได้ใส่ใจไม่ ที่ใดมีคนที่นั่นมีความขัดแย้ง ขอเพียงอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมก็จะไม่กระทบต่อส่วนรวม
ไม่นานนักปิงลวี่หยิบอ่างไฟใบหนึ่งเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มละไม เมื่อก่อนซวงหงเป็นคนเก็บ ข้าเกือบลืมว่าวางไว้ที่ใดแล้วเจ้าค่ะ
อาจูไปหยิบเชิงเทียนในห้องข้างฝั่งขวากลับมาโดยไม่พูดไม่จา
ปิงลวี่เบะปาก เวลากลางวันแสกๆ เจ้าเอานี่มาทำอะไร
อาจูทำท่าทางเงอะงะซื่อๆ คุณหนูจำเป็นต้องใช้
คุณหนูเจ้าคะ… ปิงลวี่หันหน้าไปมองเฉียวเจา
เฉียวเจาประหลาดใจในความละเอียดรอบคอบของอาจู นางพูดยิ้มๆ ว่า ข้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ
เพลานี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ นางจะใช้งานอ่างไฟ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องมีเทียนจุดไฟ
ปิงลวี่ฟังแล้วเขม้นตามองอาจูอย่างตื่นตัวระวังภัย เจ้าคนนอกผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากนัก ช่างน่าชังดีแท้!
อาจูเบนสายตาไปทางอื่นอย่างเยือกเย็น
เฉียวเจาจุดเทียนไขแล้วจ่อกระดาษปึกนั้นกับเปลวไฟ
ปิงลวี่สะดุ้งตกใจ ถลันเข้าไปจะช่วยมันไว้ ว้าย! คุณหนู นี่ท่านทำอะไรเจ้าคะ
จนใจที่เปลวไฟลุกโชนติดกระดาษทั้งปึกในชั่วอึดใจ เฉียวเจาปล่อยมือทิ้งลงอ่างไฟ มันก็ลุกไหม้กลายเป็นขี้เถ้าอย่างรวดเร็ว
ปิงลวี่สุดแสนเสียดาย คุณหนู ไฉนท่านเผาพระธรรมที่คัดลอกไว้อย่างไม่ง่ายดายไปเสียล่ะเจ้าคะ
เขียนได้ไม่ถูกใจน่ะสิ เฉียวเจาอธิบายอย่างนุ่มนวล
ปิงลวี่เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ นี่ยังไม่ถูกใจอีกหรือเจ้าคะ คุณหนู ข้ารู้สึกว่าท่านเขียนได้ดียิ่งแล้ว
นางนิ่งคิดแล้วพูดตบท้าย สวยกว่าลายมือนายท่านอีกเจ้าค่ะ
สวยอย่างเดียวยังไม่พอ เฉียวเจามองดูว่าในอ่างไฟเหลือแค่ขี้เถ้ากองหนึ่งไม่มีแม้แต่สะเก็ดไฟแล้ว ถึงสั่งการสาวใช้ทั้งสองคน พวกเจ้าเก็บให้เรียบร้อยแล้วออกไปเถอะ ข้าจะอยู่ในนี้คัดลอกพระธรรมสักหลายๆ บท
เจ้าค่ะ
สองสาวใช้เก็บกวาดห้องหนังสือสะอาดแล้วถอยออกไป
เฉียวเจาปูกระดาษบนโต๊ะแล้วฝนหมึก นางจมอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งก่อนยกพู่กันเริ่มเขียน
ตัวอักษรลายเส้นอ่อนช้อยพลิ้วไหวดุจดอกไม้งามลานตาผลิบานช้าๆ ใต้ปลายพู่กันของนางตามลำดับตัวแล้วตัวเล่า เป็นคนละลายมือกับคัมภีร์พระธรรมที่เผาทิ้งก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ผ่านไปนานเท่าใดก็สุดรู้ เฉียวเจาวางพู่กันลง เพ่งสายตาที่กระดาษด้วยสีหน้าเลื่อนลอย
ลายมือนี้คล้ายคลึงกับท่านปู่มากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดกลางคัน นางต้องได้พบกับองค์หญิงใหญ่องค์นั้นอย่างแน่นอน
เสียงผู้คนบนถนนอึกทึกอื้ออึง กระนั้นในห้องส่วนตัวของเพิงน้ำชาอู่ฝูริมทางสงบเงียบเป็นอันมาก
ฉือชั่นสั่งน้ำชามาหนึ่งกา นั่งอยู่ข้างหน้าต่างรินดื่มเอง
ไม่นานนักเสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงระเบียงทางเดิน ชั่วครู่ต่อมาหยางโฮ่วเฉิงผลักประตูเข้ามา ถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา จากนั้นยื่นมือหยิบกาน้ำชามารินให้ตนเองถ้วยหนึ่งแล้วหงายคอกระดกดื่มพรวดเดียว
มูมมาม ฉือชั่นพูดเยาะ
หยางโฮ่วเฉิงไม่ใส่ใจสักนิด เขาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วกล่าวทอดถอนใจ ดักหน้าเจ้าคนแซ่เซ่าไม่ทันอีกตามเคย วันนี้เขาออกจากเรือนไปตั้งแต่เช้าตรู่
ฉือชั่นได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์ ทำหน้าตึงกล่าวว่า พวกคนใหญ่คนโตช่างงานยุ่งเสียจริง
หยางโฮ่วเฉิงขบขันในใจ นัดพบคนไม่สำเร็จ คุณชายฉือก็มีน้ำโหแล้ว เขาไม่อยากเห็นสหายรักอาละวาด จึงรีบพูดอธิบาย นั่นนะสิ ข้าถามบ่าวไพร่ในจวนได้ความว่าเขาไปรับหีบศพของภรรยาที่ตายไป เขาไปครานี้ยังบอกไม่ได้ว่าอีกกี่วันถึงจะกลับมา ฮึ จะไปก็ไป ไม่รู้จักส่งข่าวถึงพวกเรา
อื้อ…นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญนะ ฉือชั่นฟังเหตุผลแล้วเอ่ยอย่างกระดากๆ
ใช่ ข้าก็คิดเช่นนี้ จริงสิ เหตุใดไม่เห็นจื่อเจ๋อ
พออีกฝ่ายเอ่ยถึงคนผู้นี้ ฉือชั่นยิ้มออกแล้ว วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องสาวเขา เขาต้องรั้งอยู่ในจวนต้อนรับขับสู้ญาติผู้พี่ผู้น้องทั้งหลาย
หยางโฮ่วเฉิงฟังแล้วขยิบตา ข้าว่าเป็นญาติผู้พี่ผู้น้องสาวๆ กระมัง
ทั้งสามเป็นสหายที่เล่นกันมาตั้งแต่เล็กจนโต เป็นธรรมดาที่จะรู้ถึงความกลัดกลุ้มของอีกฝ่ายที่โดนญาติผู้น้องจากจวนกู้ชางป๋อท่านนั้นตามตื๊ออย่างไม่ลดละ
เมื่อนึกถึงว่าตอนนี้จูเยี่ยนตกอยู่ในสภาพใดแล้ว มิตรผู้หวังร้ายสองคนนี้ปราศจากความเห็นอกเห็นใจใดๆ
พวกเขาดื่มชาคุยเล่นกันครู่หนึ่ง แล้วแยกย้ายกันไป
ฉือชั่นกลับถึงวังองค์หญิงใหญ่ฉางหรง เถาเซิงเด็กรับใช้ก็เอ่ยรายงานว่า คุณชาย ตงอวี๋กูกู* นำความมาบอกว่าองค์หญิงใหญ่ทรงเชิญท่านไปห้องหนังสือขอรับ
รู้แล้ว
ฉือชั่นผลัดอาภรณ์เป็นชุดอยู่กับเรือนแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือด้วยฝีเท้าไม่เร็วไม่ช้า
ท่านแม่ตามข้ามามีธุระอันใดขอรับ เขากล่าวจบแล้วก็เลื่อนสายตาลงไปที่ภาพวาดซึ่งคลี่กางอยู่บนโต๊ะหนังสือเบื้องหน้าองค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงยื่นนิ้วมือแตะๆ ที่ภาพวาดตรงหน้า
นิ้วมือของนางเรียวยาวอวบอิ่มทาเล็บสีแดงสด ขยับขึ้นๆ ลงๆ จนฉือชั่นหงุดหงิดใจ
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงกลอกตาช้าๆ ไปจับจ้องใบหน้าบุตรชาย เห็นสีหน้าอดทนข่มกลั้นเต็มทีของเขากับตา นางกลับผลิยิ้มอย่างเบิกบานใจ ชั่นเอ๋อร์ ที่แท้วันนั้นเจ้ามิได้พูดเท็จ เจ้าไหว้วานผู้อื่นให้ลอกแบบภาพวาดนี้จริงๆ
ฉือชั่นแสดงสีหน้าตกตะลึง ถ้อยคำที่เขาพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธวันนั้น ท่านแม่ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เหตุใดวันนี้ยัง…
นิ้วมือขององค์หญิงใหญ่ฉางหรงแตะเบาๆ ที่ม้วนภาพ เป็นกระดาษที่วาดภาพ
ฉือชั่นแจ่มแจ้งในบัดดล ใช่แล้ว ภาพเป็ดเล่นน้ำเป็นผลงานในวัยหนุ่มของอาจารย์เฉียว หากเป็นของแท้ ผู้เก็บสะสมจะหวงแหนสักเพียงใด กระดาษก็ไม่มีทางดูใหม่เช่นนี้
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงอ้าปากถามเป็นคำรบที่สอง ข้าสนใจใคร่รู้อย่างมากว่าคนที่ลอกแบบภาพนี้เป็นผู้ใด
* กูกู แปลว่าป้าหรืออาหญิง เป็นคำที่ใช้เรียกสตรีอาวุโส หรือนางข้าหลวงอาวุโสที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมนางกำนัลทั้งหลาย