หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 40
ฉือชั่นย่อมไม่เอ่ยถึงเฉียวเจาเป็นแน่ เขาพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่ทราบขอรับ แค่พบกันโดยบังเอิญ
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงดูท่าทางไม่เชื่อคำพูดของบุตรชาย ริมฝีปากแต้มชาดสดสวยของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะๆ พบกันโดยบังเอิญแล้วเจ้าจะไหว้วานเขาให้ช่วยรึ
นางรู้นิสัยของบุตรชายดี ถ้าไม่ใช่คนที่เชื่อถือได้อย่างแท้จริง เขาไม่มีทางเอ่ยปากขอร้อง
ฉือชั่นมองสบสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของมารดาแล้วขุ่นเคืองขึ้นมากะทันหัน เขากล่าวเสียงห้วน ท่านแม่ไม่เชื่อก็ตามใจ ว่าแล้วก็หันหลังเดินออกไป
ไม่ได้ขอให้ใครช่วยสักหน่อย เป็นเด็กสาวผู้นั้นเสนอตัวจะทำเองต่างหาก
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงมองตามชายเสื้อของบุตรชายจนหายลับตาไปตรงหน้าประตูห้องหนังสือแล้ว รอยยิ้มบนริมฝีปากเลือนหายไป นางพลันยกมือฉีกภาพเป็ดเล่นน้ำตรงหน้าขาดดังแควก
แม้นนางข้าหลวงตงอวี๋ซึ่งยืนอยู่มุมห้องตลอดนั้นจะเคยชินกับอารมณ์ปรวนแปรขององค์หญิงใหญ่ฉางหรง ขณะนี้ยังอดร้องอุทานขึ้นไม่ได้ องค์หญิงเพคะ!
ตรงระเบียงยาวนอกห้องหนังสือ ฉือชั่นชะงักฝีเท้าแล้วหมุนตัวขวับเดินย้อนกลับไป
เขายืนอยู่นอกประตูเพ่งสายตามองภาพที่ฉีกขาดครึ่งท่อนในมือองค์หญิงใหญ่ฉางหรงด้วยสีหน้าปึ่งชา รังสีเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมารอบกาย
เถาเซิงเด็กรับใช้ที่ตามติดอยู่ด้านหลังแอบถอยหลังสองสามก้าวแล้วยืนนิ่งราวกับแกล้งตาย
ฉือชั่นไม่เอื้อนเอ่ยวาจาสักคำ เพียงจับจ้องผู้เป็นมารดาเฉยๆ รูปหน้าของเขาคมคายสมส่วนไร้ที่ติดุจภาพวาด แม้ในยามเดือดดาลยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบมิได้
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงเห็นแล้วเจ็บแปลบใจ โยนภาพวาดที่ขาดเสียหายแล้วไปตรงข้างเท้าเขา กล่าวเสียงเย็นๆ ว่า ในเมื่อเป็นของเทียม ถึงวาดได้สมจริงเพียงใดข้าก็ไม่พิศวาสอยากได้ ชั่นเอ๋อร์น่าจะเข้าใจนะ
ฉือชั่นยืนอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าที่ขาวซีดด้วยความโกรธค่อยๆ มีสีเลือดขึ้นทีละน้อย เขาก้มตัวลงเก็บภาพวาดตรงปลายเท้า พูดเสียงราบเรียบ ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว
เขากำภาพวาดแน่นๆ หมุนกายเดินไป เสียงปิดประตูเต็มแรงดังปึงลอยมาพร้อมกับแรงสะเทือนจนกระบอกพู่กันสลักลายทำจากไม้จันทน์ม่วงบนโต๊ะหนังสือสั่นระริกตามไปด้วย
ภายในห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบงันเนิ่นนาน นางข้าหลวงตงอวี๋ถึงปริปากพูดอย่างระมัดระวัง องค์หญิงจะทรงทำเช่นนี้ไปเพื่ออันใดเพคะ
ในวังองค์หญิงอันใหญ่โต ถ้อยคำเฉกนี้มีแต่ตงอวี๋ที่กล้าพูด
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงนิ่งเงียบเป็นนาน แพขนตาที่หลุบลงกระพือเบาๆ นางเอ่ยถาม เหตุใดรึ เจ้าเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเขาหรือ
หม่อมฉันมิบังอาจ แค่ว่าองค์หญิงทรงรักคุณชายมากแท้ๆ… ไยต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกต้องตึงเครียดพร้อมแตกหักทุกเมื่อเฉกนี้
ตงอวี๋ไม่กล้ากล่าวถ้อยคำหลังออกจากปาก
องค์หญิงใหญ่ฉางหรงโบกมือไปมาอย่างหมดความสนใจ เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง
ตงอวี๋ยอบกายคำนับ ก้าวออกนอกห้องแล้วปิดประตูเบาๆ
ฉือชั่นสาวเท้ายาวๆ เดินฉับๆ กลับไปเรือนพำนักของตน ยกมือปัดจอกสามขาเขียนลายทองบนโต๊ะเล็กด้านข้างใบหนึ่งจนกระเด็น
เถาเซิงเด็กรับใช้ที่ตามอยู่ข้างหลังรับจอกสามขาราคาแพงลิบที่ลอยหวือกลางอากาศไว้แล้วกอดแนบอก ลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นเอาของล้ำค่าที่ตนช่วยรักษาไว้ได้ไปวางในจุดที่ไกลตัวฉือชั่นมากที่สุดอย่างเบาไม้เบามือถึงเดินกลับมา ก่อนจะทำใจดีสู้เสือกล่าวขึ้นว่า คุณชาย ดื่มน้ำชาหรือไม่ขอรับ
ไม่ดื่ม! ฉือชั่นก้าวขาเดินไปนั่งข้างโต๊ะ คลี่ภาพวาดที่กำไว้ในมือตลอดกางออก
องค์หญิงใหญ่ฉีกภาพวาดโดยไม่ปรานีปราศรัยแม้แต่น้อย ภาพเป็ดเล่นน้ำที่เหมือนของแท้จนแทบแยกไม่ออกเช่นนี้ ผู้อื่นมีเงินพันชั่งก็ยากจะซื้อหาได้ แต่ยามนี้กลับขาดเป็นชิ้นๆ ราวกับโดนห้าม้าแยกร่างก็ไม่ปาน
ฉือชั่นค่อยๆ เอาเศษภาพวาดมาวางประกอบกันทีละชิ้นตามเดิมแล้วยกมือลูบรอยขาดเบาๆ
เถาเซิงยืนอยู่ด้านข้าง รู้สึกได้ชัดเจนอย่างมากว่าผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี เขาลอบถอนใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ยปากขึ้น คุณชาย ถ้าท่านชมชอบ ข้าจะไปเสาะหาที่ตลาดวัตถุโบราณดู ไม่แน่อาจพบของแท้ของอาจารย์เฉียวก็เป็นได้นะขอรับ
ไม่ต้องแล้ว ฉือชั่นปฏิเสธทันที สายตาที่มองตรงจุดสะพานขาดในภาพวาดทอแววหม่นมัวลึกล้ำหยั่งอารมณ์ไม่ออก
เถาเซิงชะเง้อคอมองภาพเป็ดเล่นน้ำที่โดนฉีกขาดแล้วลอบคับแค้นใจแทนผู้เป็นนาย
องค์หญิงใหญ่ทรงไร้มนุษยธรรมเกินไป เจ้านายทำภาพวาดของอาจารย์เฉียวเปื้อนโดยไม่ระวัง หวั่นเกรงว่าองค์หญิงจะไม่พอพระทัย อุตส่าห์ดั้นด้นไปถึงจยาเฟิงขอภาพวาด ผลสุดท้ายขอกลับมาได้แล้ว องค์หญิงก็ฉีกทิ้งโดยไม่ลังเลใจแม้สักนิด
เฮ้อ…มีมารดาคุ้มดีคุ้มร้ายเช่นนี้ที่ใดกัน
เถาเซิงแอบชำเลืองมองฉือชั่นพลางนึกในใจต่อ
มิน่าเจ้านายก็ชักอารมณ์ปรวนแปรมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เข้าตำราที่ว่าคนใกล้หมึกติดสีดำนั่นเอง
น่าเสียดายนัก ฉือชั่นกล่าวพึมพำ
เถาเซิงพินิจดูสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวังก่อนเอ่ยเสนอขึ้น หรือไม่ท่านวานอาจารย์ที่วาดภาพนี้ให้วาดใหม่อีกภาพดีหรือไม่ขอรับ
อาจารย์? สีหน้าของคุณชายฉือผู้เย็นชาเป็นนิจจู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนไป เขาเลิกคิ้วชายตามองเถาเซิง
สายตาอย่างนั้นทำให้เถาเซิงเข่าอ่อนระทวยอย่างห้ามไม่อยู่
คุณชาย ดวงตาที่สวยงามถึงเพียงนี้ของท่านไม่เหมาะจะมองคนเช่นนี้จริงๆ นะขอรับ
เด็กรับใช้บางคนที่ยังคงต้านทานเสน่ห์ของเจ้านายรูปงามของตนไม่อยู่เปิดยิ้มอย่างเคลิ้มลอย คุณชายบอกข้าว่าอาจารย์ท่านนั้นอยู่ที่ใด ข้าจะไปจัดการให้ท่านเองขอรับ
เจ้าอยากไปหรือ
เถาเซิงพยักหน้าแรงๆ แสดงความภักดี
อย่าได้หวัง ไม่รู้ว่าคิดไปถึงอะไร ฉือชั่นพลันยิ้มออกมา แต่พอสายตาปะทะกับภาพเป็ดเล่นน้ำที่ขาดเป็นชิ้นๆ ก็หุบยิ้ม สีหน้าผ่อนคลายขึ้นหลายส่วนในที่สุด เขาพูดเอื่อยๆ หยิบกล่องดีๆ มาหนึ่งกล่อง
ขอรับ ผู้เป็นเด็กรับใช้ประจำตัวคุณชายฉือได้ต้องพอมีไหวพริบเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้อยู่ เถาเซิงหยิบกล่องยาวๆ ทำด้วยไม้จันทน์ม่วงใบหนึ่งมาอย่างว่องไว
ฉือชั่นมองภาพเป็ดเล่นน้ำเป็นแวบสุดท้ายแล้วใส่ลงในกล่อง
เถาเซิงแบมือสองข้างรอคุณชายวางกล่องบนมือตน กลับเห็นผู้เป็นนายลุกขึ้นเอากล่องไปเก็บไว้เอง
ชายหนุ่มเห็นสายตางงงันของเด็กรับใช้ก็ตีหน้าเคร่ง เรื่องนี้ห้ามบอกใคร
เขาพูดจบแล้วหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยถึงกล่าวเสริมขึ้น โดยเฉพาะพวกจื่อเจ๋อกับหยางเอ้อร์
เถาเซิงยกมือขึ้นไปอยู่ข้างๆ ริมฝีปากทำท่ารูดเชือกปิด จากนั้นตะเบ็งเสียงกล่าวแสดงความเด็ดเดี่ยว ถึงตายข้าก็ไม่พูดขอรับ
ฉือชั่นหมดคำพูด ถึงเด็กรับใช้จะเบาปัญญาเช่นนี้ เขากลับอารมณ์ดีขึ้นเล็กๆ น้อยๆ
อื้อ วันหน้าอาจจะมีโอกาสไปหาแม่นางน้อยผู้นั้นให้วาดใหม่อีกภาพ…ก็ใครใช้ให้ภาพขาดไปแล้วเล่า
บนถนนหลวงชานเมืองหลวง ชายหนุ่มชุดสีขาวผู้หนึ่งห้ออาชาเต็มเหยียด ต้นไม้ร่มรื่นสองข้างทางเลื่อนผ่านไปเบื้องหลังอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งว่าทิวทัศน์งดงามปานใดล้วนไม่อาจประทับอยู่กลางใจเขาได้แม้สักเศษเสี้ยวขณะ
พอไปถึงหัวมุมถนน เขากระโจนกายลงจากหลังอาชาฉับพลัน ชักดาบยาวข้างเอวสะบัดฟันใส่จุดๆ หนึ่ง
เสียงกู่ร้องของอาชาสีขาวคละเคล้าเสียงกังวานใสของดาบและกระบี่กระทบกันดังขึ้นพร้อมกับบุรุษชุดสีดำผู้หนึ่งก้าวออกมาจากหลังต้นไม้
นัยน์ตาทอประกายกระจ่างใสบริสุทธิ์ทั้งคู่ของชายหนุ่มชุดสีขาวเป็นสีดำสนิทดั่งนิลกาฬถูกแช่อยู่ในน้ำละลายหิมะบนภูเขาสูง จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าบุรุษชุดสีดำซึ่งโผล่ออกมา เขาเอ่ยถามว่า ท่านเป็นใคร ดูเหมือนว่าตั้งแต่ออกจากประตูเมืองก็ติดตามข้ามาตลอด
บุรุษชุดสีดำเก็บกระบี่ยาวกลับที่เดิม กล่าวยิ้มๆ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่ผ่านทางมา เป็นความบังเอิญเท่านั้น
บุรุษชุดสีขาวเบนสายตาไปหยุดที่มือซึ่งเก็บกระบี่ขึ้นของบุรุษชุดสีดำ เขาเม้มริมฝีปากบางเข้าหากัน เลิกคิ้วกล่าวเป็นเชิงถาม องครักษ์จินหลิน?
บุรุษชุดสีดำหลากใจครามครัน เห็นบุรุษชุดสีขาวมีสีหน้านิ่งเฉยแล้วรู้ว่าหากตนโกหกก็จะตกเป็นรอง เขายกยิ้มร้ายกาจเฉกอันธพาล ท่านแม่ทัพสายตาเฉียบคมยิ่ง ไม่ทราบว่ารู้ฐานะของข้าได้เช่นไร
ท่าจับดาบ เซ่าหมิงยวนกวาดตามองกระบี่ยาวตรงเอวของบุรุษชุดสีดำอย่างเยือกเย็น แม้ว่าท่านจะพกกระบี่ แต่ดูจากมุมและตำแหน่งชักกระบี่ อาวุธที่เหมาะสมมากที่สุดมีเพียงชนิดเดียว…ดาบซิ่วชุน*
เซ่าหมิงยวนกล่าวจบแล้วนิ่งมองบุรุษชุดสีดำ ตอนนี้ท่านคงเผยจุดประสงค์ที่ติดตามข้ามาได้แล้วกระมัง
* ดาบซิ่วชุน แปลตรงตัวว่าปักวสันต์ ตัวดาบแคบยาวและโค้งเล็กน้อย น้ำหนักเบาปราดเปรียว