หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 401
บทที่ 401
เมื่อได้ยินถ้อยคำน่าตกใจเฉกนี้ของซานจื่อ ทุกคนในที่นั้นกลับมีสีหน้าสงบนิ่ง ส่วนเซ่าหมิงยวนไม่แม้แต่จะเลิกคิ้วขึ้นด้วยซ้ำ เขากล่าวถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คนผู้นั้นคือเถี่ยจู้ใช่หรือไม่”
ซานจื่อถอยกรูดๆ มองเขาอย่างตะลึงลานพลางกล่าวเสียงหลง “ท่านรู้ได้อย่างไร”
นี่ก็คือยอมรับแล้ว
หยางโฮ่วเฉิงลอบถอนใจ เด็กหนุ่มยังอ่อนหัดเกินไป โดนถิงเฉวียนพูดตะล่อมไม่กี่คำก็หลุดปากออกมาแล้ว
“ซานจื่อ เชิญเถี่ยจู้มาคุยกันได้หรือไม่”
ซานจื่อมีสีหน้าอึดอัดใจ เขาส่ายหน้าไม่หยุด
เซ่าหมิงยวนกล่าวเสียงนุ่ม “ไม่ต้องกลัว พวกข้าสนใจแค่ว่าฆาตกรเป็นใคร เกี่ยวพันกับเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวหรือไม่ ส่วนเรื่องอื่นหาได้ใส่ใจไม่”
นี่คือการบอกซานจื่อเป็นนัยๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างซานจื่อกับเถี่ยจู้ หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างเถี่ยจู้กับหญิงขายเต้าหู้ พวกเขาล้วนจะไม่พูดมาก
ซานจื่อเข้าสำนักศึกษาตั้งแต่วัยเยาว์ มาตรว่าการเข้าใจโลกและประสบการณ์ชีวิตจะห่างชั้นกับพวกคุณชายในตระกูลสูงศักดิ์ของเมืองหลวงไกลลิบลับ แต่เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลมแต่กำเนิด จึงเข้าใจความหมายของเซ่าหมิงยวนได้อย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มอดลังเลใจไม่ได้ ภายในใจขัดแย้งกันอย่างหนัก
คนในหมู่บ้านต่างไม่รู้เรื่องที่แม่ของเขากับเถี่ยจู้อยู่กินกันแล้ว เมื่อแรกที่เขาค้นพบโดยบังเอิญยังเสียใจอยู่นานถึงค่อยๆ ยอมรับได้ มิใช่เพื่ออื่นใด มารดาเลี้ยงดูเขาอย่างเหนื่อยยาก ส่งเสียให้เขาศึกษาเล่าเรียน มิใช่ง่ายดายกว่าจะมีคนที่ไม่เลวยินยอมทำดีต่อแม่เขา ทำให้แม่เขาไม่ต้องอยู่อย่างลำบากปานนั้น ต่อให้เขาไม่เต็มใจก็ต้องคิดถึงมารดาบ้าง จะเห็นแก่ตัวเกินไปไม่ได้
กระนั้นในสายตาของชาวบ้าน แม่ของเขากับอาเถี่ยจู้ทำเช่นนี้เป็นเรื่องไร้ยางอายมาก ทันทีที่พวกเขารู้เข้าจะต้องชี้หน้านินทาแม่ของเขาอย่างแน่นอน
แม้ว่าตอนนี้ท่านแม่จากไปแล้ว เขาก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของมารดากับอาเถี่ยจู้เปิดเผยออกมา เป็นต้นเหตุให้นางตกเป็นที่ครหาของผู้คน
แต่ปล่อยให้ฆาตกรที่สังหารมารดาลอยนวลอยู่เหนืออาญาบ้านเมือง เขาทำใจยอมรับไม่ได้ยิ่งกว่า!
พอเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มปนเปได้ด้วยอารมณ์หลายหลาก เซ่าหมิงยวนถอนใจเบาๆ กล่าวขึ้น “จับกุมฆาตกรมารับโทษทัณฑ์ ทำให้ผู้ล่วงลับนอนตายตาหลับ นี่คือความกตัญญูของผู้เป็นบุตรอย่างแท้จริง”
พินิจจากเด็กหนุ่มยอมรับที่มารดาอยู่กินกับบุรุษอื่นได้ก็รู้ว่าเขามิใช่คนคร่ำครึเห็นแก่ตัว ฉะนั้นการบอกเหตุผลที่ชัดเจนเพื่อให้เขาช่วยพวกตนหาตัวฆาตกรจึงมิใช่เรื่องยาก
สมดังคาด หลังเซ่าหมิงยวนกล่าวคำนี้ ซานจื่อสะดุ้งเฮือก เขาอิดเอื้อนครู่หนึ่งถึงพยักหน้า “ได้ ท่านรอสักครู่ขอรับ ข้าไปเชิญอาเถี่ยจู้มาที่นี่”
เด็กหนุ่มบอกคำนี้ทิ้งไว้ก่อนหมุนกายวิ่งออกจากเรือนไป เซ่าหมิงยวนส่งสายตาบอกเฉินกวง เขาตามไปเงียบๆ อย่างเข้าใจความหมาย
เมื่อภายในห้องเหลือแค่พรรคพวกเดียวกัน หยางโฮ่วเฉิงกล่าวยิ้มๆ “ถิงเฉวียน คุณหนูหลี คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะเดาถูกจริงๆ เถี่ยจู้กับหญิงขายเต้าหู้มีความสัมพันธ์เป็นคู่รักกันจริงๆ”
ฉือชั่นถูๆ หน้าอย่างหงุดหงิด เขาพูดอย่างไม่แน่ใจ “ข้ายังขบไม่แตกอยู่บ้าง”
“ขบเรื่องใดไม่แตก” เซ่าหมิงยวนถามยิ้มๆ
“มารดาของเขาคบชู้ เขายังปิดบังให้ คนทั่วไปพบเจอเรื่องพรรค์นี้ล้วนต้องตัดขาดกับมารดากระมัง”
เซ่าหมิงยวนกวาดสายตาผ่านใบหน้าเฉียวเจา กล่าวทอดถอนใจ “สำหรับคนบางคนแล้ว อคติของผู้คนไม่สำคัญเท่าความสุขของผู้เป็นที่รัก”
ฉือชั่นนิ่งอึ้งไป เป็นเช่นนี้หรือ
นี่หมายความว่าเขาก็สมควรก้าวข้ามปมในใจ ยอมรับที่ท่านแม่ของเขาชุบเลี้ยงนายบำเรอหรือ
รู้สึกไม่วายว่ามีตรงที่ใดทะแม่งๆ ดูเหมือนเขาโดนชักจูงให้คล้อยตามไปด้วย
คุณชายฉือนึกไปถึงเรื่องน่ารำคาญใจของครอบครัวตนเองแล้วจิตใจยุ่งเหยิงไปหมด
ด้านซานจื่อวิ่งตลอดทางไปจนถึงหน้าเรือนของเถี่ยจู้แล้วเคาะประตูใหญ่
“ใครกัน” เสียงของเจ้าของเรือนดังมาจากข้างใน
“อาเถี่ยจู้ ข้าเอง…”
ประตูเปิดออกในชั่วอึดใจ เถี่ยจู้เหลียวซ้ายแลขวา เห็นว่ารอบด้านปลอดคนถึงดึงตัวซานจื่อเข้าไปทันที เขาพูดเสียงเบาๆ “ไฉนมาในเวลานี้ ไม่กลัวคนอื่นเห็นรึ”
เฉินกวงที่ตามมาด้านหลังเห็นดังนั้นจึงแอบปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงริมกำแพงเรือน
“อาเถี่ยจู้ ไปที่เรือนข้าด้วยกันเถอะ”
“ซานจื่อ เจ้า…”
“อาเถี่ยจู้ ข้าบอกเรื่องที่ท่านเห็นฆาตกรกับท่านโหวแล้ว เขาอยากพบท่านนะ”
เถี่ยจู้หน้าถอดสีไปถนัดตา “ซานจื่อ เจ้าบอกได้อย่างไรกันเล่า คนพวกนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ถ้าเกิดพวกเขาก็ให้ร้ายคนอื่นเหมือนกันจะทำฉันใด”
“อาเถี่ยจู้ ข้ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนดี”
เถี่ยจู้กระทืบเท้า “ซานจื่อ เจ้ายังเด็ก คนดีคนเลวแยกแยะได้ชัดเจนจากเปลือกนอกที่ใดกัน”
“แต่ท่านโหวผู้นั้นรู้ว่าแม่ข้าโดนฆ่าตาย…”
“อะไรนะ เขารู้ได้อย่างไร”
“พอเขาเข้าไปพักในเรือนก็ให้นักชันสูตรคนนั้นตรวจสอบดู เพราะข้าได้ยินเขาพูดเช่นนี้ถึงตัดสินใจบอกความจริงออกมา อาเถี่ยจู้ ถ้าพวกเราพลาดโอกาสหนนี้ไป แม่ข้าต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมแล้วจริงๆ”
เถี่ยจู้นิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วกล่าวทอดถอนใจ “เจ้าพูดถูก ตกลง ซานจื่อ ข้าไปกับเจ้า”
เห็นสองคนเดินย่องออกจากประตูเรือน เฉินกวงทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียงแล้วลอบติดตามอยู่ด้านหลัง
เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเซ่าหมิงยวนอีกครา เถี่ยจู้ยังลุกลี้ลุกลนกว่าซานจื่อมาก เขาอึกๆ อักๆ นานครู่หนึ่งก็ยังกล่าววาจาไม่ออก
เซ่าหมิงยวนยิ้มน้อยๆ “พี่เถี่ยจู้ พวกเราพบกันอีกแล้ว”
เถี่ยจู้หน้าแดงก่ำในพริบตา เขาผงกศีรษะถี่รัว
“เชิญนั่ง” เซ่าหมิงยวนยกมือชี้ที่นั่งด้านข้าง น้ำเสียงของเขานุ่มนวล กระทั่งสีหน้าแววตาก็แฝงรอยอ่อนโยน มีอานุภาพปลอบขวัญคนได้
เฉียวเจาอดคิดไม่ได้ว่าบุรุษที่อารมณ์เย็นเยี่ยงนี้กลับผิดแผกไปเป็นคนละคนยามอยู่กลางสนามรบ
วันนั้นเขายืนอยู่ตรงเชิงกำแพงประจันหน้ากับเสียงโห่ร้องของชาวต๋าจื่อ สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง แววตาเฉยเมยทรงอำนาจสมกับเป็นบุรุษใจเพชร
บุคลิกที่ตรงข้ามกันเฉกนี้ปรากฏอยู่ในตัวคนผู้เดียวกันก็เป็นเรื่องน่าสนใจนัก
สายตาที่เพ่งมองอยู่เนิ่นนานของเด็กสาวทำให้เซ่าหมิงยวนผินหน้ามองนางอย่างห้ามใจไม่อยู่
เหตุใดเจาเจาจับจ้องเขาอยู่ตลอด
วันนี้หลังลงเขามาก็ยุ่งวุ่นวายไม่หยุด เขายังไม่มีเวลาสำรวจความเรียบร้อยของตนเอง หรือว่าบนใบหน้าเปื้อนฝุ่น
แม่ทัพหนุ่มยกมือจับปลายจมูกทีหนึ่งโดยไม่ให้ผิดสังเกต เห็นปลายนิ้วสะอาดหมดจดก็ฉงนใจยิ่งขึ้น
แต่ว่าเจาเจายอมมองก็เป็นเรื่องดี
เซ่าหมิงยวนคิดถึงตรงนี้ใบหูก็แดงเรื่อๆ เขากล่าวต่อ “พี่เถี่ยจู้ เมื่อครู่ซานจื่อบอกกับพวกข้าหมดแล้ว ตอนนี้ท่านโปรดเล่าอย่างละเอียดด้วยว่าพบเห็นฆาตกรได้เช่นไร”
หยางโฮ่วเฉิงลูบๆ จมูก ถิงเฉวียนเริ่มพูดแบบกำกวมล่อหลอกคนอีกแล้ว
เถี่ยจู้มองซานจื่อแวบหนึ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกว่าคำกล่าวนี้ของเซ่าหมิงยวนดูเหมือนไม่มีอะไรไม่ถูกเลยพยักหน้า
เถี่ยจู้หมดความกังวลใจโดยสิ้นเชิง เขาอ้าปากพูด “หลังข้าพูดแล้ว พวกท่านจะเอาเรื่องข้ากับซิ่วเหนียงไปบอกผู้อื่นหรือไม่”
ไม่ต้องถามให้มากความ ‘ซิ่วเหนียง’ ที่เถี่ยจู้เอ่ยถึงต้องเป็นหญิงขายเต้าหู้อย่างไม่ต้องสงสัย
เซ่าหมิงยวนกล่าวทันที “ไม่แน่นอน พวกข้ามิใช่คนที่ชอบซุบซิบนินทา เมื่อสืบหาความจริงของเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวได้แล้วก็จะกลับไป”
“แล้วพวกท่านรับรองได้หรือไม่ว่าข้ากับซานจื่อจะปลอดภัย” เถี่ยจู้ไต่ถามอีก
ถ้อยคำนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
เซ่าหมิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “แน่นอนอยู่แล้ว พี่เถี่ยจู้ให้ความช่วยเหลือพวกข้า พวกข้ารู้สึกขอบคุณอย่างมาก ย่อมต้องคุ้มครองท่านกับซานจื่อให้ปลอดภัยเป็นธรรมดา ทว่าพี่เถี่ยจู้ถามเช่นนี้เพราะกริ่งเกรงอะไรอยู่ใช่หรือไม่”
แววหวาดกลัวผุดขึ้นในดวงตาของเถี่ยจู้ “พักก่อนมีคนในหมู่บ้านเมาสุราแล้วพูดว่าซิ่วเหนียงถูกคนฆ่าตาย หลังจากคนนั้นพูดเรื่องนี้ได้ไม่นานก็จบชีวิตลง”