หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 424
บทที่ 424
“ท่านแม่ทัพ ด้านนอกมีความเคลื่อนไหวแปลกๆ ขอรับ” เฉินกวงตวัดดาบในมือจัดการคนชุดดำไปได้หนึ่งคนแล้วกระโจนกายมาอยู่ข้างๆ ผู้เป็นนายพร้อมกล่าวขึ้น
เซ่าหมิงยวนจับสังเกตได้แล้วว่าสถานการณ์ผิดปกติไปทว่าสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาออกคำสั่งเสียงราบเรียบ “ไปดูด้านนอกสิ”
“น้อมรับคำสั่ง” เฉินกวงฝ่าผ่านหมู่คนที่โรมรันพันตูกันอยู่ปีนขึ้นไปบนขอบกำแพง เห็นเจ้าหน้าที่ทางการกับทหารประจำเมืองชูคบเพลิงเต็มพรืดไปหมดก็หน้าถอดสีไปถนัดตา เขากระโดดลงพื้นแล้ววิ่งไปหาเซ่าหมิงยวนอย่างร้อนรน
“ท่านแม่ทัพ มีทหารมากมายปิดล้อมพวกเราไว้แล้ว”
“เท่าไร” เซ่าหมิงยวนเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น
สำหรับคนที่รบทัพจับศึกมาเป็นเวลานานเช่นพวกเขาย่อมกะประมาณจำนวนคนได้แม่นยำกว่าคนทั่วไปมากนัก เฉินกวงกล่าวโดยไม่หยุดคิดใคร่ครวญ “ข้าคะเนว่ามีถึงเจ็ดแปดร้อยคนขึ้นขอรับ”
“เจ็ดแปดร้อยคน?” เซ่าหมิงยวนยิ้มเยาะ “เจ้าเมืองหลี่จะทุบหม้อข้าวจมเรือแล้วจริงๆ”
“ท่านแม่ทัพ พวกเราจะทำฉันใดกันดีขอรับ”
“เจ้าไปคุ้มครองพวกคุณหนูหลีให้ดี จะให้เกิดอะไรขึ้นกับนางไม่ได้”
“ขอรับ ข้าจะคุ้มครองฮูหยินแม่ทัพเป็นอย่างดีแน่นอน” เฉินกวงยืดอกกล่าว
คิ้วเข้มพาดเฉียงของชายหนุ่มเลิกขึ้นสูง
เฉินกวงยกมือปิดปาก หมุนกายออกวิ่งไป แย่แล้ว เพราะสถานการณ์รบอยู่ในภาวะคับขันเลยหลุดปากพูดโดยไม่ระวัง
เซ่าหมิงยวนมองตามแผ่นหลังของเฉินกวงพลางหัวเราะในลำคอ เจ้าเฉินกวงคนนี้พูดจาได้เข้าทีดีแท้
ประตูทางเข้าเรือนของหญิงขายเต้าหู้พังไปนานแล้ว คนด้านนอกที่ยืนอยู่หน้าประตูเริ่มตะโกนพูด
“โจรที่อยู่ในนั้นฟังให้ดี! ท่านเจ้าเมืองมาถึงแล้ว พวกเจ้ารีบวางอาวุธมอบตัวเสีย ไม่เช่นนั้นพวกข้าบุกเข้าไปแล้วจะไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียวเป็นการขจัดเภทภัยให้ราษฎร!”
เสียงต่อสู้กันในลานเรือนเงียบลง
เซ่าหมิงยวนก้าวขาเดินไปทางข้างนอก
หยางโฮ่วเฉิงอดร้องเรียกไม่ได้ “ถิงเฉวียน คนที่เจ้าเมืองหลี่คิดจะฆ่าไม่ให้เหลือมิใช่โจรแต่เป็นพวกเรา”
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะน้อยๆ “ข้ารู้”
เขากล่าวคำนี้แล้วสาวเท้าไปตรงประตูใหญ่
กำลังทหารที่เรียงรายเป็นแผงจนมองไม่เห็นท้ายแถวอยู่ด้านนอกยังมีจำนวนมากกว่าคนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋น เพราะพวกเขาถือคบเพลิงไว้ ส่งผลให้สว่างไสวไปทั่วบริเวณ เจ้าเมืองหลี่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างหน้า เขามองเห็นชายหนุ่มที่เดินออกมาก็แสยะยิ้มอย่างอำมหิตอยู่ใต้แสงไฟ
เผชิญหน้ากับเทพสงครามตามเสียงเล่าขาน เจ้าเมืองหลี่ดูจะระแวดระวังตัวอย่างยิ่งยวด ทหารสองคนถือโล่ในมือคอยคุ้มกันเขาอย่างแน่นหนามิดชิด
“ที่แท้เป็นใต้เท้าหลี่นั่นเอง” เซ่าหมิงยวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ความสุขุมเยือกเย็นของเขาทำให้เจ้าเมืองหลี่ไม่พึงพอใจ เขาแค่นเสียงกล่าว “ท่านโหวมีวรยุทธ์สูงส่งเหนือใครดังคาด โจรเร่ร่อนตั้งมากมายปานนั้นยังทำร้ายท่านไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ”
แม่ทัพหนุ่มยิ้มบางๆ “ดังนั้นใต้เท้าหลี่เลยมาช่วยพวกโจรอีกแรงหนึ่งใช่หรือไม่”
สีหน้าของเจ้าเมืองหลี่แปรเปลี่ยนไปกะทันหัน เขานึกว่าถึงขั้นนี้แล้วชายหนุ่มเบื้องหน้าต้องยอมอ่อนข้อลง แต่ถึงไม่อ่อนข้ออย่างน้อยก็ต้องเผยสีหน้าแตกตื่นทำอะไรไม่ถูกให้เห็น
ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีสักอย่าง ไม่เพียงไม่มี ทั้งยังเป็นฝ่ายชิงฉีกหน้าแตกหักก่อน
เจ้าเมืองหลี่ประจักษ์ได้เช่นนี้ก็ยิ่งไม่พึงพอใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “ข้านับถือท่านโหวจริงๆ ที่ในเวลาเช่นนี้ยังทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนได้อีก”
เซ่าหมิงยวนสบตากับเจ้าเมืองหลี่ด้วยสายตาสงบนิ่ง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “นั่นเป็นเพราะใต้เท้าหลี่ไม่รู้จักข้าดี กลัวก็เป็นเช่นนี้ ไม่กลัวก็เป็นเช่นนี้ ในเมื่อสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว จะทดท้อใจไปไยเล่า ใต้เท้าหลี่ ท่านว่าใช่หรือไม่”
เจ้าเมืองหลี่หัวร่อเสียงดัง “ท่านโหวกลับเป็นผู้ที่คิดอ่านได้แจ่มชัด! น่าเสียดายว่าหากมิใช่ท่านบีบคั้นกันอย่างไม่ลดละ คนอย่างท่านโหว ข้ารู้สึกเลื่อมใสนัก”
เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วน้อยๆ “ข้าฟังคำกล่าวนี้ของใต้เท้าหลี่ไม่เข้าใจ ระยะนี้ข้าออกไปเยี่ยมเยียนสหายทุกวัน เป็นการบีบคั้นท่านอย่างไม่ลดละจากเหตุผลใดกันเล่า”
เจ้าเมืองหลี่แค่นหัวเราะ “บีบคั้นอย่างไม่ลดละหรือไม่ ท่านโหวรู้ดีแก่ใจ”
“เอ๊ะ?” ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มเปล่งประกายวูบหนึ่ง “ข้าจะเข้าใจได้ที่ใดกันเล่า ข้าเพียงอยากหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังการสังหารครอบครัวท่านพ่อตาข้าออกมา ใครจะรู้ว่าจะไปละเมิดข้อห้ามของใต้เท้าหลี่เข้า เรื่องมาถึงขั้นนี้ข้าจะขอให้ท่านไขความกระจ่างให้ได้หรือไม่ว่าการตายของชาวสกุลเฉียวเกี่ยวข้องกับท่านหรือไม่”
เจ้าเมืองหลี่ไม่มีทางโฉดเขลาถึงกับยอมรับเรื่องนี้กับปากต่อหน้าธารกำนัล เขากล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเล่ห์ร้าย “หากท่านโหวมีข้อกังขา มิสู้ไปถามไถ่จากท่านพ่อตาของท่านเองเถอะ”
เขายกมือขึ้นจะออกคำสั่งให้ลงมือได้ จู่ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ช้าก่อน!”
เจ้าเมืองหลี่ชะงักมือ อดเหลียวหน้าไปไม่ได้
เจียงอู่ในชุดเสื้อแพรรัดสายคาดเอวนกหลวน* รูปลักษณ์กิริยาสง่าผ่าเผย เขานำพาองครักษ์จินหลินกองหนึ่งเดินเข้ามา
เจ้าเมืองหลี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ในเวลาเช่นนี้เขาไม่แจ่มแจ้งว่าเหตุใดองครักษ์จินหลินถึงยื่นมือก้าวก่าย เขานึกว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะเข้าใจอะไรๆ ได้ตรงกันมาตั้งนานแล้วจึงจะถูก
“ท่านเจียงอู่” เจ้าเมืองหลี่ประสานมือคารวะ
เจียงอู่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าเมืองหลี่กับเซ่าหมิงยวน เขาคารวะทักทายเซ่าหมิงยวนก่อนค่อยยกยิ้มไต่ถามเจ้าเมืองหลี่ “นี่ใต้เท้าหลี่ทำอะไรหรือ”
“ข้าได้รับข่าวว่ามีโจรเร่ร่อนกบดานอยู่ที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋น จึงตั้งใจนำกำลังทหารบุกมาปราบปรามขอรับ” เจ้าเมืองหลี่ตอบยิ้มๆ
เจียงอู่ขมวดคิ้ว “เสียงดังเอะอะเหลือเกิน”
“หลายวันก่อนข้าได้บอกกล่าวกับท่านเจียงอู่แล้วว่าพักนี้ทางจยาเฟิงไม่ค่อยสงบ แล้วก็เป็นไปตามคาด คืนนี้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เพียงแต่ไม่นึกว่าจะรบกวนท่านให้รำคาญใจ ต้องขออภัยท่านด้วยขอรับ” เจ้าเมืองหลี่กล่าวอย่างมีนัยลึกซึ้ง
เจียงอู่เหยียดมุมปาก ท่านพ่อบุญธรรมเคยบอกว่าเจ้าเมืองหลี่ผู้นี้เป็นคนของสมุหราชเลขาธิการหลัน เมืองจยาหนานตั้งอยู่ในชัยภูมิพิเศษ เขาในฐานะเจ้าเมืองเลยกลายเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลวงกับทางทะเลแดนใต้ หลายๆ เรื่องที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ล้วนได้เจ้าเมืองจยาหนานเป็นคนลงมือสะสาง
แม้นคนผู้นี้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ ผู้หนึ่ง แต่เขากลับล่วงเกินอีกฝ่ายได้ไม่ถนัด
“ท่านเจียงอู่ ถึงแม้โจรเร่ร่อนจะดุร้ายเจ้าเล่ห์ แต่ข้านำกำลังเกือบหนึ่งพันคนมาปราบปราม ทางนี้คงไม่ต้องให้ท่านวุ่นวายใจ รอเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลงข้าจะเชิญท่านไปร่วมดื่มสุรากันสักจอกที่หอเยี่ยนหยางนะขอรับ”
เจียงอู่มองเซ่าหมิงยวนแวบหนึ่งแล้วนิ่งตรึกตรองครู่เดียวก็ตัดสินใจได้ เขาส่งยิ้มบางๆ ให้กับเจ้าเมืองหลี่ “ใต้เท้าหลี่ แต่ไรมาการปราบโจรมิใช่หน้าที่ของกององครักษ์จินหลิน ข้าไม่สนใจจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่นี่ แต่ข้าต้องการคนผู้หนึ่ง”
“ท่านต้องการใครหรือ” เจ้าเมืองหลี่คาดไม่ถึงอยู่บ้าง
เจียงอู่คงไม่ได้ต้องการตัวกวนจวินโหวกระมัง เรื่องราวล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ กวนจวินโหวจะมีชีวิตอยู่จนเห็นแสงตะวันพรุ่งนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเจียงอู่ยืนอยู่ข้างเดียวกับกวนจวินโหวจริงๆ หรือว่าเขาต้องแตกหักกับกององครักษ์จินหลิน
“ข้าต้องการคุณหนูหลีที่อยู่ข้างกายกวนจวินโหวผู้นั้น” เจียงอู่บอกด้วยน้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า
เจ้าเมืองหลี่ไม่ทันได้แสดงท่าทีใดๆ เซ่าหมิงยวนก็เดือดดาลอย่างหนักแล้ว “เจ้าพูดอีกทีสิ?”
ดวงตาของเจียงอู่ไหววูบ เขาคลายยิ้ม “ท่านโหวเข้าใจผิดแล้ว ข้าอยากคุ้มครองคุณหนูหลีเท่านั้น หาได้มีความหมายอื่นใดไม่”
มาตรว่าเขาจะรู้สึกฉงนฉงายกับคำสั่งของบิดาบุญธรรมอย่างมาก แต่ไม่มีวันฝ่าฝืนเด็ดขาด
ปัญหาระหว่างเจ้าเมืองหลี่กับกวนจวินโหวซับซ้อนยุ่งเหยิงเกินไป เขาคร้านจะเอาตัวเข้าไปพัวพัน ขอเพียงมีคำอธิบายให้ท่านพ่อบุญธรรมได้เท่านั้นเป็นพอ
ร่างของเด็กสาวปรากฏขึ้นข้างกายเซ่าหมิงยวน
“เจ้าออกมาด้วยเหตุใด” เซ่าหมิงยวนเบนหน้าไปถามนาง แววตาแข็งกร้าวอ่อนละมุนลงในพริบตา
“ข้าได้ยินว่ามีคนอยากพาข้าไป”
เจียงอู่ยิ้มน้อยๆ “เช่นนั้นคุณหนูหลีเต็มใจติดตามข้าไปหรือไม่เล่า”
กลุ่มของกวนจวินโหวถูกคนนับพันโอบล้อมไว้ มีแต่ตายสถานเดียว โอกาสรอดชีวิตเช่นนี้แม่นางน้อยต้องคว้าไว้เป็นแน่กระมัง
เฉียวเจามองเจียงอู่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง จู่ๆ ก็คลี่ยิ้มหวาน “ข้าไม่เต็มใจติดตามท่านไป ข้าต้องการให้ใต้เท้าเจียงอยู่ที่นี่”
* นกหลวน เป็นนกเทพที่อยู่ในตระกูลพญาหงส์ตามตำนานความเชื่อของชาวจีน