หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 435
บทที่ 435
ชาววอโค่วมาเร็วกว่าที่ใครๆ คิดไว้ ทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันได้ลงมือพวกเขาก็มาถึงใกล้ๆ ในมือถือดาบวอเตา* ส่องประกายวาววับ
ชาวบ้านพากันนิ่งงันด้วยความตกใจ
“ท่านผู้กล้าทั้งหลายอย่าเพิ่งลงมือ อย่าเพิ่งลงมือ” นายตำบลขาสั่นพั่บๆ ออกไปรับหน้า เขายกมือชี้ไปที่พวกเฉียวเจา “ท่านผู้กล้าดูสิ หญิงสาวคราวนี้หน้าตาสะสวยมากนะขอรับ ต้องสร้างความพึงพอใจให้พวกท่านแน่นอน”
เซ่าหมิงยวนโกรธจัดเงื้อเท้าเตะนายตำบลลอยหวือออกไป พอดีว่าเท้าของนายตำบลหันเข้าใส่ตัวชาววอโค่วผู้หนึ่งเลยถีบเขาตกจากหลังม้า ทั้งสองร้องครางโอดโอยเป็นเสียงเดียวกัน
ชายหนุ่มชักดาบยาวออกมาฟันใส่หัวหน้าของชาววอโค่ว
หยางโฮ่วเฉิงตะโกนเสียงดัง “ยืนทื่อกันอยู่ด้วยเหตุใด ลุยเลย! ฆ่าลูกเต่าบัดซบไม่หลงเหลือมโนธรรมสำนึกพวกนี้เสีย”
ชาววอโค่วกลุ่มนี้มีกันอยู่ยี่สิบกว่าคน ทว่าเพียงยี่สิบกว่าคนนี้ถึงกับทำให้คนทั้งเมืองเอาหญิงสาวไปประเคนให้ คนของท่าปากทะเลแห่งนี้เป็นพวกตาขาวจริงๆ!
เมื่อหยางโฮ่วเฉิงต่อสู้กับชาววอโค่วถึงรู้ว่าตนคิดผิดเสียแล้ว ชาววอโค่วพวกนี้เก่งกาจห้าวหาญอย่างมาก ยามอาวุธของสองฝ่ายปะทะกัน ดาบยาวในมือเขาแทบหลุดกระเด็นไปตามแรงสะเทือน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ประมือกับชาววอโค่ว เขาอดแตกตื่นตกใจไม่ได้
หากชาววอโค่วร้ายกาจเพียงนี้ ก็โทษมิได้ที่ชาวบ้านที่นี่จะตกเป็นลูกไก่ในกำมืออีกฝ่าย เพราะยี่สิบกว่าคนนี้ฆ่าล้างเมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้จริงๆ
หยางโฮ่วเฉิงคิดคำนึงถึงตรงหน้าก็หน้าเปลี่ยนสี
แย่แล้ว
แม้ว่าวรยุทธ์ของเขายังเทียบชั้นองครักษ์ประจำตัวของถิงเฉวียนไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะถิงเฉวียนนั้นผิดมนุษย์มนา พวกองครักษ์ของเขาก็ผิดมนุษย์มนาเฉกเดียวกัน ทว่าทั่วทั้งเมืองหลวงเขามีฝีมือในเชิงยุทธ์จัดอยู่ในลำดับต้นๆ กระทั่งเขาสู้กับชาววอโค่วยังกินแรงปานนี้ แล้วองครักษ์จินอู๋พวกนั้นจะเป็นอย่างไร
หยางโฮ่วเฉิงสบช่องชะเง้อมองไปอย่างว่องไว
สมดังคาดองครักษ์จินอู๋คนหนึ่งโดนชาววอโค่วไล่ต้อนจนล้มลงกับพื้น จากนั้นเงื้อดาบวอเตาแผ่ประกายเย็นเยียบแทงใส่คนบนพื้น
“จางซาน!” หยางโฮ่วเฉิงตะโกนดังลั่น
น่าเสียดายว่าไม่ทันการณ์แล้ว ดาบวอเตากำลังจะเสียบตรงเข้าหน้าท้องคนผู้นั้น
ติง!
เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับบางอย่างลอยมากระแทกโดนดาบวอเตาจนแฉลบออกไปเฉือนข้างลำตัวคนผู้นั้นแผลหนึ่ง
หยางโฮ่วเฉิงรีบไปพยุงเขาก็ได้ยินเสียงครางโอยดังขึ้นอีก เขามองไปก็เบิกตาโพลงอย่างสุดระงับ
เพียงเห็นองครักษ์จินอู๋ผู้หนึ่งถูกชาววอโค่วแทงเข้าที่ส่วนท้องทีหนึ่ง สองมือของเขาจับดาบไว้ถอยกรูดๆ ล้มลงกับพื้นสิ้นใจ
“ข้าขอแลกชีวิตกับพวกเจ้า!” หยางโฮ่วเฉิงกวัดแกว่งดาบทะยานกายเข้าไป
ประจวบเหมาะกับนายตำบลตะกายตัวลุกขึ้นตอนนี้ เขาตะเบ็งเสียงพูด “รีบมาช่วยกันเร็วเข้า!”
หยางโฮ่วเฉิงอบอุ่นในอก ไม่ว่าเมื่อครู่นายตำบลผู้นี้จะแสดงท่าทางน่ารังเกียจเดียดฉันท์ปานใด ในยามคับขันก็ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี ถึงอย่างไรล้วนเป็นชาวต้าเหลียงด้วยกัน
ใครจะรู้ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในหัว เขาก็ถูกชาวบ้านสองคนขัดขาล้มลง
ชั่วพริบตาที่ล้มกระแทกพื้น หยางโฮ่วเฉิงก่นด่าในใจ
มารดามันเถอะ! หากบิดายังรอดชีวิตไปได้ เรื่องแรกที่จะทำก็คือจับเจ้านายตำบลสมควรตายคนนั้นสับเป็นชิ้นๆ โยนเลี้ยงสุนัข
“ช่วยกันเร็วเข้า! ไม่เช่นนั้นรอให้ชาววอโค่วจัดการคนต่างถิ่นพวกนี้ได้คงถึงคราวคิดบัญชีกับพวกเราแล้ว” นายตำบลตะโกนบอกเสียงดัง
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนเย็นชาดุจน้ำแข็ง เขากระโจนกายเข้ามาพยุงหยางโฮ่วเฉิงขึ้นก่อนส่งตัวให้เฉินกวงแล้วตะเบ็งเสียงพูด “พวกเจ้าถอยไปที่ด้านในร้านสุรา! เยี่ยลั่ว ดูคุณหนูหลีไว้ให้ดี!”
เยี่ยลั่วอารักขาเฉียวเจาถอยร่นไปทางร้านสุรา “คุณหนูหลีตามข้าไป!”
นางมิได้ละล้าละลัง เพียงมองเซ่าหมิงยวนปราดหนึ่งก็ตามเยี่ยลั่วถอยเข้าร้านสุราทันที
ในเมื่อช่วยเหลือไม่ได้ก็อย่าสร้างปัญหาให้เขามากขึ้น
พอทุกคนถอยเข้าไปในร้านสุราหมดแล้ว เยี่ยลั่วเฝ้าอยู่ข้างกายเฉียวเจาไม่ห่าง ด้านเฉินกวงยืนอยู่หน้าประตูร้าน คอยป้องกันชาววอโค่วที่ฝ่าวงล้อมบุกเข้ามา ซ้ำยังต้องระวังชาวบ้านพวกนั้น
“แม่ทัพเซ่ามีความมั่นใจในการรับมือชาววอโค่วพวกนั้นหรือไม่” เฉียวเจาถามไถ่เยี่ยลั่ว
หญิงสาวไม่บอกให้เยี่ยลั่วออกไปช่วยเหลือ เพราะนางรู้ว่าเซ่าหมิงยวนสั่งให้เขาปกป้องนาง เขาจะไม่มีทางอยู่ห่างจากนางแม้แต่ครึ่งก้าว
แม่นางเฉียวลอบถอนใจเบาๆ ที่แท้ก็มีเวลาที่ข้ากลายเป็นภาระของผู้อื่น ความรู้สึกเช่นนี้ชวนให้หดหู่ใจดีแท้
“คุณหนูหลีวางใจเถอะขอรับ” เยี่ยลั่วกล่าวเพียงถ้อยคำนี้ ชาววอโค่วพวกนั้นรับมือได้ไม่ง่าย ดาบกระบี่ไม่มีตา ใครจะรับรองได้ว่ามีความมั่นใจสิบส่วน
เขาเป็นห่วงท่านแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพสั่งให้เขาคุ้มครองคุณหนูหลี เช่นนั้นไม่ว่าด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาล้วนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านแม่ทัพให้ดีที่สุด
เฉียวเจาคิดอ่านได้เฉียบไว นางได้ยินเยี่ยลั่วบอกเช่นนี้ย่อมกระจ่างแจ้งแล้ว จึงพาให้ในใจอดตึงเครียดไม่ได้
นางได้เห็นความร้ายกาจของชาววอโค่วแล้ว เซ่าหมิงยวนคนเดียวจะรับมือกำลังคนตั้งมากถึงเพียงนั้นได้จริงๆ หรือ
เฉินกวงขึงตาใส่เยี่ยลั่วก่อนกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “คุณหนูสาม ท่านวางใจได้เต็มที่ขอรับ ท่านแม่ทัพของพวกเราไม่เคยพบเจอคลื่นลมมรสุมอันใดมาบ้าง รับมือชาววอโค่วไม่กี่คนเท่านี้ไม่นับว่ามีอะไร อีกอย่างมีท่านอยู่ด้วย ท่านแม่ทัพต้องไม่ยอมให้ท่านได้รับบาดเจ็บแน่นอน”
เจ้าคนทื่อมะลื่อเยี่ยลั่วพูดจาไม่เป็นจริงๆ ทำให้ภาพของท่านแม่ทัพในสายตาผู้อื่นเสียหายมากเกินไปแล้ว
ตอนนี้เองก็มีเสียงครวญครางดังลอยมา
องครักษ์จินอู๋ซึ่งโดนฟันที่ตัวดาบหนึ่งฟื้นสติขึ้นมาแล้วร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
เฉียวเจาเดินเข้าไปทันที นางย่อกายลงฝังเข็มห้ามเลือดให้เขาอย่างว่องไว
ในเมื่อเป็นห่วงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นางก็จะทำสิ่งที่สามารถทำได้
เพียงหวังว่าเขาจะปลอดภัยจึงจะดี
นางยอมรับว่าเฉินกวงพูดได้ไม่ผิด ถ้าคนผู้นั้นบาดเจ็บ นางคงต้องเสียใจ
คนมิใช่ต้นไม้ใบหญ้า อยู่ร่วมกันทุกเช้าค่ำมานานปานนี้ นางจะไม่รู้สึกรู้สาได้เช่นไร
เซ่าหมิงยวน ท่านต้องรักษาภาพความกล้าหาญชาญชัยในใจผู้คนไว้ อย่าทำให้ข้าผิดหวังนะ
เฉียวเจารักษาอาการบาดเจ็บของคนผู้นั้นเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยทำแผลบนตัวองครักษ์จินอู๋หลายคนจนเรียบร้อย หยางโฮ่วเฉิงเอ่ยเตือนขึ้น “คุณหนูหลี สือซีก็บาดเจ็บแล้ว”
นางอึ้งงันไปเล็กน้อย จากนั้นเดินไปหาฉือชั่นที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองออกไปข้างนอก แล้วไต่ถามอย่างตรงไปตรงมา “พี่ฉือมีบาดแผลตรงที่ใดเจ้าคะ ข้าจะดูอาการให้”
ฉือชั่นหันหน้ามาพูดเสียงเรียบ “อย่าไปฟังหยางเอ้อร์พูดจาเหลวไหล แค่ถลอกตรงข้อศอกเล็กน้อย ขอยาสมานแผลสักตลับให้ข้าทาก็พอแล้ว”
เฉียวเจาประหลาดใจอยู่บ้างที่ฉือชั่นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยเช่นนี้ บันดาลให้นางชะงักไปชั่วขณะ
เขาหัวเราะขลุกขลัก “มัวตะลึงอยู่ด้วยเหตุใดกัน หรือข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วจะไม่พูด ข้าเป็นพวกที่ชอบฝืนใจตนเองพรรค์นั้นหรือ”
เฉียวเจาถึงคลายยิ้ม นางยื่นขวดกระเบื้องสีขาวใบหนึ่งส่งให้พร้อมเอ่ยถาม “ต้องการให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้อง” เขารับมันไว้แล้วมองนางนิ่งๆ เปล่งเสียงพูดคำหนึ่งว่า “ชายหญิงไม่พึงแตะเนื้อต้องตัวกัน”
ในกาลก่อนเขาปักใจว่าท้ายที่สุดนางต้องเป็นภรรยาของตน ดังนั้นทำอย่างไรก็ได้ บัดนี้ชะตากำหนดไว้ให้นางเป็นภรรยาของสหายรัก แล้วเขาจะหาเรื่องกลัดกลุ้มเพิ่มขึ้นไปไย
ฉือชั่นคิดเช่นนี้แล้วทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูเซ่าหมิงยวนโรมรันพันตูกับชาววอโค่วพวกนั้นอยู่ห่างๆ จากจุดนี้ได้ถนัดถนี่
เห็นสหายรักเผ่นโผนโจนทะยานอยู่กลางหมู่ชาววอโค่วอย่างเป็นอิสระตามสบาย เงื้อดาบฟันฉับก็มีฝ่ายตรงข้ามล้มลง ฉือชั่นลอบทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้
เซ่าหมิงยวนกล่าวได้ถูกต้อง พวกตนอยู่กับเขาก็ได้แต่เป็นตัวถ่วงเท่านั้น
หลังจบการเดินทางสู่แดนใต้ครานี้แล้วกลับถึงเมืองหลวง เขาจะพยายามแสวงหาหนทางที่เหมาะสมกับตนเอง
เฉียวเจากับหยางโฮ่วเฉิงพากันเดินเข้ามามองออกไปข้างนอกผ่านทางหน้าต่าง
หยางโฮ่วเฉิงด่าสาดเสียเทเสียด้วยความโมโห “ชาวบ้านที่นี่ล้วนบัดซบสิ้นดี มารดามันเถอะ!”
ในเวลาอย่างนี้ เจ้าลูกเต่าพวกนั้นยังช่วยพวกชาววอโค่วอีก
ทันใดนั้นหินก้อนหนึ่งก็ถูกขว้างออกมาจากฝูงชน เซ่าหมิงยวนกำลังต่อสู้ติดพันอยู่กับหมู่ชาววอโค่วจนไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น เลยโดนหินก้อนนั้นกระแทกเข้าที่ศีรษะเขาเต็มรัก
เฉียวเจาหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน
* ดาบวอเตา คือดาบซามูไร