หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 441
บทที่ 441
หยางโฮ่วเฉิงอ้าปากค้าง “คุณหนูหลี ท่านอย่าล้อเล่นจะได้หรือไม่”
เฉียวเจาหัวเราะ “ข้าจะล้อเล่นกับพี่หยางด้วยเหตุใดเจ้าคะ”
นางเคยเรียนวิชาหมัดมวยกับน้องสามของเซ่าหมิงยวน แต่มีพรสวรรค์ในเชิงนี้อยู่น้อยนิด มีแต่ยิงธนูที่นับว่าพอไหว แต่ผ่านไปนานหลายปีถึงจับธนูอีกครั้ง จะยิงได้แม่นยำอย่างนั้นที่ใดกัน
กระนั้นตรงเข้ากลางอกในดอกเดียวก็เป็นเรื่องที่ตัวนางเองยังคาดไม่ถึง
“ยามนั้นข้าคิดแค่ว่าอย่างไรเรือนกายของนายตำบลไม่ได้เล็กๆ ดีชั่วลูกธนูดอกนั้นต้องยิงโดนตัวเขา พอจะขู่ให้คนพวกนั้นตกใจได้” เด็กสาวยิ้มตาพริ้มพลางกล่าวอธิบาย
มุมปากของหยางโฮ่วเฉิงกระตุกริกๆ อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ
เขาเกาท้ายทอยพลางถาม “คุณหนูหลี แล้วท่านไม่กลัวว่ายิงเฉไปอีกนิดก็จะโดนตัวคนอื่นหรือ”
เฉียวเจาเหยียดมุมปาก “อย่างไรก็เป็นพวกที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ยิงโดนตัวใครล้วนเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“…” คุณหนูหลีพูดได้เต็มปากเต็มคำเช่นนี้ ข้ากลับหมดคำพูดจะโต้ตอบได้
“ต้มเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจายกหม้อยาลงจากเตาอย่างระมัดระวัง นางส่งยิ้มให้เขา “พี่หยางรีบไปกินอาหารเถอะ ข้าเอายาไปให้พี่เซ่าแล้วค่อยตามไปนะเจ้าคะ”
“อ้อ ได้สิ” หยางโฮ่วเฉิงพยักหน้าแล้วหมุนกายเดินไป
“คุณหนู ระวังลวกมือ ให้ข้ายกเถอะเจ้าค่ะ” อาจูยื่นมือมารับ
เฉียวเจาคิดๆ แล้วยื่นถาดให้อาจู “อาจู เจ้าเอาไปให้เถอะ”
ถ้าเกิดนางเจอเขาแล้วพูดอะไรกระทบกระเทือนจิตใจเขาจนปวดศีรษะขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร
“คุณหนู?” อาจูรับถาดไว้ยืนนิ่งไม่ขยับ
เฉียวเจาทอดถอนใจ “ช่างเถอะ ตามข้าไป”
หากนางไม่ไปเขาคงคิดฟุ้งซ่านตามเคย คนป่วยก็ยุ่งยากอย่างนี้นี่เอง
นายบ่าวสองคนมาถึงหน้าประตูห้องของเซ่าหมิงยวน เยี่ยลั่วกุลีกุจอทักทาย
“แม่ทัพเซ่านอนพักอยู่หรือ”
“ท่านแม่ทัพรอท่านอยู่ตลอด คุณหนูหลีเชิญเข้าไปขอรับ” เยี่ยลั่วเปิดประตู
เซ่าหมิงยวนอยู่ในห้องได้ยินเยี่ยลั่วบอกเช่นนี้ก็สบถด่าในใจ เจ้าตอไม้ผู้นี้ ข้ากำชับว่าหากคุณหนูหลีมาแล้วให้รีบเชิญเข้ามา ไม่ได้บอกให้พูดตามสัตย์จริงเช่นนี้!
เสียงฝีเท้าลอยมา เซ่าหมิงยวนได้กลิ่นหอมของยา พาให้อบอุ่นในอกอย่างช่วยไม่ได้ ที่แท้เจาเจาไปต้มยาให้ข้า
เฉียวเจาก้าวฉับๆ มาที่ข้างเตียง “พี่เซ่า ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”
บุรุษบนเตียงนั่งเอนหลังพิงหมอน มุมปากประดับรอยยิ้มบางๆ “ดีขึ้นมากแล้ว”
“ข้าต้มยาเปิดทวารลดปราณเสียให้ท่านชามหนึ่ง ท่านรีบดื่มตอนยังร้อนๆ เถอะ”
“อื้อ ได้” เซ่าหมิงยวนยื่นฝ่ามือใหญ่ที่พันผ้าไว้หนาเตอะออกมา
อาจูก้มหน้าคางจรดอกพลางนึกในใจ แม่ทัพเซ่าแผนสูงยิ่งนัก แสดงอย่างโจ่งแจ้งว่าอยากให้คุณหนูป้อนยา
ทว่าอาจูมิใช่ปิงลวี่ นางสุขุมหนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ความคิดในหัวแล่นเร็วรี่ก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ดุจเก่า
เฉียวเจามองดูมือที่พันด้วยผ้าโปร่งบางของชายหนุ่มแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ นางอ้าปากพูด “อาจู ปรนนิบัติท่านแม่ทัพดื่มยา”
อาจูลังเลเล็กน้อย นางสบตากับผู้เป็นนาย
สีหน้าแววตาของเฉียวเจาราบเรียบอ่านความรู้สึกใดๆ ไม่ออก
อาจูหลุบเปลือกตาลง ขานรับอย่างเชื่อฟัง “เจ้าค่ะ”
นางมือหนึ่งถือชาม มือหนึ่งหยิบช้อนตักยายื่นไปจ่อข้างปากเซ่าหมิงยวน “แม่ทัพเซ่า เชิญดื่มยาเจ้าค่ะ”
เขาเม้มปากแน่นมองเฉียวเจา เจาเจาถึงกับให้สตรีอื่นป้อนยาข้าหรือ
“ไฉนพี่เซ่าไม่ดื่ม ยาเย็นแล้วจะส่งผลต่อสรรพคุณนะ”
“ข้าดื่มเองดีกว่า” คนบางคนยื่นมือที่เหมือนขนมจ้างไปรับชามยาไว้อย่างลำบากลำบน
เฉียวเจากดข้อมือเขาไว้ สีหน้าฉายแววไม่เข้าใจ
แพขนตาของแม่ทัพหนุ่มกระพือขึ้นลงเบาๆ ทอดเงาอยู่ใต้ดวงตาน่าหลงใหล “หรือไม่เจาเจาช่วยข้า”
เส้นเลือดตรงขมับของนางเต้นตุบๆ เข้าใจแล้ว ที่แท้เจ้าคนไม่มียางอายผู้นี้อยากให้ข้าป้อนเขา!
“หรือไม่ข้าดื่มเองดีกว่า” เซ่าหมิงยวนถอนใจเฮือกหนึ่ง
พอเห็นเขายกอุ้งเท้าหมีสองข้างขึ้นจะถือชามไว้ เฉียวเจาแทบจะทั้งฉิวทั้งขันเลยทีเดียว นางยื่นมือรับชามยาจากอาจู “ให้ข้าเถอะ”
อาจูรีบส่งชามยากับช้อนให้เฉียวเจาแทบไม่ทันแล้วถอยออกไปอยู่ตรงหน้าประตูอย่างรู้หน้าที่ นางสองจิตสองใจเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกจากห้องแล้วงับประตูปิดเสียเลย
เฉียวเจาอ้าปากค้าง เพราะอะไรกระทั่งอาจูก็เป็นอย่างนี้ พวกนางเป็นสาวใช้ของใครกันแน่
เยี่ยลั่วเห็นอาจูออกมาก็หลากใจอยู่บ้าง เขาขยับที่ให้นางเงียบๆ
อาจูยืนก้มหน้าน้อยๆ ไม่เหลียวซ้ายแลขวาอย่างเรียบร้อย
นานครู่หนึ่งทั้งคู่ต่างไม่มีคนใดปริปาก อาจูดูท่าทางปกติ ขณะที่เยี่ยลั่วชักกระอักกระอ่วน
เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง อยากจะเอ่ยปากชวนคุยก็กระแอมกระไอเบาๆ ทีหนึ่ง แต่กระแอมกระไอแล้วพลันลืมว่าก่อนหน้านี้คิดจะพูดอะไรเลยได้แต่ปิดปากมองฟ้าเงียบๆ
ตอนที่เขาไม่ทันสังเกต อาจูยกมุมปากเล็กน้อยอย่างว่องไว
บรรยากาศในห้องเป็นกันเองกว่ามาก ไม่อึดอัดดังเช่นระหว่างองครักษ์น้อยกับสาวใช้น้อยข้างนอก
“อ้าปาก” เฉียวเจายื่นช้อนไปที่ริมฝีปากชายหนุ่ม
เซ่าหมิงยวนอ้าปากดื่มยาอย่างว่าง่าย แต่ใบหูเริ่มแดงขึ้นทีละน้อย
มาตรว่าจะทำหน้าหนากับเฉียวเจาจนเคยชิน แต่นางป้อนยาให้เองกับมือตอนเขามีสติแจ่มใสกลับเป็นครั้งแรก…
เฉียวเจาชำเลืองมองเขา สายตาหยุดอยู่ที่ใบหูแดงเรื่อๆ แล้วอับจนวาจาอยู่มาก
นี่เขาเป็นคนร้องขอมิใช่หรือ นางยังไม่อายเลยนะ เขาจะอายด้วยเหตุใด
ไม่รู้เพราะเหตุใด พอเห็นเขาอาย นางกลับผ่อนคลายลง จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานว่า “อร่อยหรือไม่”
“อร่อย” คนบางคนพาซื่อพยักหน้า
เฉียวเจามุ่นคิ้ว “โดนตีศีรษะจนโง่งมไปแล้วหรือ แม้แต่ยาก็รู้สึกว่าอร่อย”
แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้วยิ้มๆ เพ่งมองเด็กสาวด้วยแววตาอ่อนโยน “ไม่ใช่ เป็นเพราะเจาเจาป้อนให้ ข้าถึงรู้สึกว่าอร่อย”
หลังหยอดคำหวานคำโตไปแล้วยังติงว่าไม่พอ เขากล่าวต่อว่า “ถ้าเจาเจาเต็มใจป้อนข้าทุกวัน ถึงเป็นหวงเหลียนข้ายังรู้สึกว่าอร่อย”
“ฝันหวานไปเถอะ” เฉียวเจากล่าวเสียงขุ่น
เซ่าหมิงยวนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนจะปวดศีรษะอีกแล้ว”
“…” ตอนนี้นางเริ่มสงสัยว่าเขาจงใจให้หินที่ขว้างมาก้อนนั้นโดนตนเองเสียแล้ว
“เจาเจา ข้ารู้สึกมึนๆ ศีรษะ” ใบหน้าของชายหนุ่มขาวซีด เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่าเลือนอยู่สักหน่อย
หนนี้เขาพูดความจริง
ไม่มีเหตุผลเลย คนอื่นฆ่าคนวางเพลิงทำชั่วได้ทุกอย่าง สวรรค์ยังนิ่งเฉยดูดาย เขาแค่พูดเอาอกเอาใจสตรีอันเป็นที่รัก สวรรค์ก็ทนดูไม่ได้ต้องทำให้เขาเริ่มปวดศีรษะจริงๆ หรือ
“เจาเจา ข้าเหมือนเห็นเจ้าไม่ชัดเจนแล้ว”
เมื่อเห็นเขาไม่เคยพูดล้อเล่น เฉียวเจาจึงตกใจยกใหญ่ รีบหยิบเข็มเงินออกมาฝังตามจุดต่างๆ ตรงศีรษะเขาหลายจุดเพื่อให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก
“ดีขึ้นสักนิดหรือไม่”
เซ่าหมิงยวนกะพริบตา ดวงตากลับมามองเห็นชัดเจนขึ้นหลายส่วน แต่เด็กสาวเบื้องหน้าสายตายังเป็นภาพมัวๆ ดังเก่า เขาอดขยับไปใกล้ๆ นางไม่ได้ พูดพึมพำว่า “ดีขึ้นบ้างแล้ว”
“ข้าช่วยนวดให้ท่านนะ”
เมื่อเด็กสาวยกมือขึ้น แขนเสื้อหลวมกว้างเลื่อนไหลไปอยู่ที่ข้อศอก ท่อนแขนขาวกระจ่างก็ปรากฏตรงหน้าชายหนุ่ม
ข้อมือขาวผ่องของนางอยู่ห่างจากปลายจมูกเขาแค่คืบจนได้กลิ่นหอมจางๆ ที่คุ้นเคยแต่แรก และเพราะอยู่ในระยะใกล้เหลือเกิน เขายังได้กลิ่นที่แตกต่างไปอีกเล็กน้อย
ปลายนิ้วของนางกดวนรอบดวงตาเขาเบาๆ จากเดิมที่เย็นเล็กน้อยมันค่อยๆ อุ่นขึ้นตามผิวกายที่สัมผัสกันของคนทั้งสอง นอกจากจะผ่อนคลายสบายแล้วยังละม้ายว่าความสามารถในการควบคุมตัวยังลดลงตามไปด้วย
“ดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่” หลังนวดตาไปครู่หนึ่ง เฉียวเจาผละมือออกแล้วไต่ถาม
นางอยู่ใกล้เขามาก เซ่าหมิงยวนเห็นกลีบปากแดงชุ่มชื้นของนางอ้าออกหุบเข้าแล้วก้มหน้าลงไปอย่างห้ามใจไม่อยู่