หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 445
บทที่ 445
ฉือชั่นพูดจบแล้วก็ก้าวยาวๆ เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง
หากคนผู้นั้นไม่ใช่เซ่าหมิงยวน นางนึกว่ายาขวดเดียวก็ทำให้เขาปล่อยมือได้หรือ บุรุษที่กล้าแย่งชิงสตรีกับเขา เขาต้องคิดวิธีเล่นงานให้ถึงตายไปแต่แรกแล้ว
เฉียวเจามองตามแผ่นหลังของฉือชั่น คำพูดของเขาดังวนเวียนอยู่ข้างหู
เขาบอกว่าตั้งแต่เล็กจนโตเซ่าหมิงยวนไม่เคยได้รับอะไรทั้งสิ้น ทั้งไม่กล้าหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้รับ ดังนั้นทันทีที่ปักใจแล้วก็ไม่อาจปล่อยมือได้
เสียงประกายไฟแตกเปรี๊ยะๆ จากเตาไฟ เฉียวเจารีบหันไปเปิดฝาออกแล้วเติมสมุนไพรส่วนหนึ่งลงไป
เมื่อต้มยาเป็นเวลานานขึ้น ปลายจมูกก็ได้กลิ่นยาหอมฟุ้งขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้นางนึกไปถึงจุมพิตที่คละเคล้าไปด้วยกลิ่นหอมของยานั่นอย่างห้ามใจไม่อยู่
นางคิดว่าบุรุษบางคนเป็นพวกเหลี่ยมจัดจริงๆ จงใจจูบนางหลังจากดื่มยาแล้ว
นางรู้วิชาแพทย์ก็ย่อมต้องคลุกคลีกับยาต้มอย่างช่วยไม่ได้ วันหน้าทุกคราที่ต้มยาก็ต้องนึกถึงมันเสมอมิใช่หรือไร บุรุษผู้นั้นเจ้าเล่ห์ดีแท้
แต่…ตอนนี้เขากระอักโลหิตนอนสลบไสลอยู่ อาการไม่แน่นอน
หญิงสาวคิดถึงตรงนี้แล้วในใจหนักอึ้งขึ้นหลายส่วน
ฉือชั่นกลับไปถึงห้องของเซ่าหมิงยวน “เป็นอย่างไรบ้าง ถิงเฉวียนฟื้นหรือยัง”
“ยังไม่ฟื้น…”
สิ้นเสียงของหยางโฮ่วเฉิงไม่ทันไร เฉินกวงตะโกนขึ้นอย่างปีติยินดี “ท่านแม่ทัพฟื้นแล้วขอรับ!”
แพขนตาของบุรุษบนเตียงขยับเบาๆ ก่อนเขาจะลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วหลับตาลงดังเก่าทันใด
“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เป็นไรกระมัง”
“ถิงเฉวียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ริมใบหูเป็นเสียงถามไถ่ด้วยความห่วงใยของสหายรักและผู้ใต้บังคับบัญชา เซ่าหมิงยวนหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้ง อ้าปากพูดว่า “ข้าไม่เป็นไร”
เขากล่าวคำนี้แล้วไม่ปริปากอีก
หยางโฮ่วเฉิงเอ่ยขึ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ได้ยินว่าเจ้าหมดสติ พวกข้าตกใจไปตามๆ กันเลย”
“ยังมึนศีรษะหรือไม่” ฉือชั่นถามขึ้น
“ยังมึนๆ อยู่บ้าง แต่พักผ่อนสองสามวันน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”
เซ่าหมิงยวนตอบคำถามของฉือชั่นแล้วนิ่งเงียบไปอีก
ฉือชั่นแค่นหัวเราะ “เลิกทำหน้าเศร้าไม่พูดไม่จาได้แล้ว หลีซานต้มยาให้เจ้าอยู่นะ”
“อ้อ คุณหนูหลีก็รู้แล้วหรือ” เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบครู่หนึ่งถึงเอ่ยปากขึ้น
ฉือชั่นมองเขาอย่างแปลกใจ ไม่รู้เพราะเหตุใดตั้งแต่สหายรักฟื้นขึ้นมา เขารู้สึกไม่วายว่าไม่ใคร่ปกติ
หลังจากเซ่าหมิงยวนเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อหลีซาน ยามอยู่ต่อหน้าพวกเขาก็เรียกขานนางว่า ‘เจาเจา’ ไม่ขาดปาก ไฉนตอนนี้กลับมาเรียกว่า ‘คุณหนูหลี’ อีกแล้ว
หรือจะบอกว่าปัญหาระหว่างคนคู่นี้รุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้มาก
คงไม่ใช่ว่าหลีซานตั้งใจจะไม่ออกเรือนตลอดชีวิตจริงๆ ก็เลยปฏิเสธเซ่าหมิงยวนอย่างไร้เยื่อใยเช่นกันกระมัง
แต่ว่าจากที่เขามองดูอยู่ห่างๆ นางปฏิบัติต่อเซ่าหมิงยวนต่างออกไปชัดๆ
“ท่านแม่ทัพ เป็นข้าบอกให้คุณหนูหลีทราบเองขอรับ พอคุณหนูหลีทราบแล้วก็ร้อนใจอย่างยิ่งจนทำเก้าอี้ล้ม…”
“เลิกพูดได้แล้ว” เซ่าหมิงยวนตัดบทเฉินกวง
“ท่านแม่ทัพ?” เฉินกวงไม่ค่อยเข้าใจ ก่อนหน้านี้ถ้าท่านแม่ทัพได้ยินว่าคุณหนูหลีห่วงใยตนเช่นนี้จะต้องปลาบปลื้มใจเป็นที่สุดอย่างแน่นอน เหตุใดตอนนี้ถึงนิ่งเฉยเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังห้ามไม่ให้เขาพูดต่ออีก
หรือว่าท่านแม่ทัพทะเลาะกับคุณหนูหลีหนเดียวก็คิดจะตัดใจแล้ว
นี่จะได้อย่างไรกัน ทำให้สตรีโกรธเคืองก็ต้องไปงอนง้อสิ พวกบุรุษจะไว้ท่ารอให้สตรีเป็นฝ่ายมางอนง้อไม่ได้กระมัง
หากเป็นอย่างนี้ ท่านแม่ทัพก็รอครองตัวไร้คู่เถอะ
ไม่ได้ รอตอนไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ข้าจะต้องบอกผลลัพธ์อันร้ายแรงนี้ให้ท่านแม่ทัพล่วงรู้แน่
ยามนี้เองกลิ่นหอมของยาลอยเข้ามา
หยางโฮ่วเฉิงรีบกล่าวขึ้น “คุณหนูหลี ถิงเฉวียนฟื้นแล้ว”
เฉียวเจาชะงักไปเล็กน้อย นางถือชามยาสาวเท้าเร็วรี่เข้าไปแล้ววางถาดทิ้งไว้บนโต๊ะ จากนั้นเดินไปที่ข้างเตียงแล้วถามขึ้น “รู้สึกเป็นอย่างไร”
สุ้มเสียงอ่อนหวานของเด็กสาวดังขึ้นข้างหู เซ่าหมิงยวนยิ้มน้อยๆ “พอไหว”
นางพินิจดูสีหน้าของเขาอย่างละเอียดแล้วถามต่อ “ยังเวียนศีรษะอีกหรือไม่ มีอาการตาลายหูอื้อหรือไม่”
“ยังเวียนศีรษะอยู่บ้าง อย่างอื่นยังปกติอยู่” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ กระชับ
“มีอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนหรือไม่”
“ไม่มีเหมือนกัน”
เฉียวเจายังซักถามอาการอีกหลายอย่าง แต่เขาล้วนตอบว่า ‘ไม่มี’
นางมุ่นคิ้วโดยไม่รู้ตัว บอกไม่ถูกว่าผิดปกติที่ตรงใด แต่เหตุใดในใจถึงหนักอึ้งกระวนกระวายเล่า “ยื่นมือออกมา”
เซ่าหมิงยวนยื่นมือไปแต่โดยดี
นิ้วมือเรียวเล็กของเด็กสาวแตะลงบนข้อมือของชายหนุ่ม นัยน์ตาของเขากระจ่างใสแวววาว
ผลการตรวจจับชีพจรไม่พบปัญหาใหญ่อะไรนัก
เฉียวเจาดึงมือคืน เมื่อยังไม่เจอปัญหาในตอนนี้นางจึงเอ่ยขึ้น “ดื่มยาก่อนเถอะ”
นางหันไปยกชามยาตั้งท่าจะป้อนเขา กลับได้ยินเซ่าหมิงยวนกล่าวขึ้น “เยี่ยลั่ว ปรนนิบัติข้าดื่มยาที”
“ขอรับ” เยี่ยลั่วยื่นมือไปหาเฉียวเจา
เฉินกวงซึ่งอยู่ด้านหลังแอบดึงเขาทีหนึ่ง
เยี่ยลั่วไม่หวั่นไหวสั่นคลอน รับชามยาที่เฉียวเจาส่งให้มาป้อนเซ่าหมิงยวนทีละช้อน
เฉินกวงกลอกตาขึ้นอย่างแสนระอาใจ
เจ้าคนปัญญาทึบ โอกาสดีถึงเพียงนี้แท้ๆ คุณหนูหลีเตรียมจะป้อนท่านแม่ทัพด้วยตนเองอยู่แล้ว ท่านแม่ทัพแค่แกล้งปฏิเสธตามมารยาท เจ้าทึ่มผู้นี้ถึงกับถือเป็นจริงเป็นจังเสียได้ ในใจท่านแม่ทัพต้องโกรธเคืองเยี่ยลั่วแทบตายเป็นแน่
เฉินกวงเหลือบดูผู้เป็นนาย
อืม อย่าเห็นว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพแสดงท่าทางสงบนิ่งมาก นี่จะต้องเป็นการตบตาแน่!
เซ่าหมิงยวนดื่มยาเสร็จแล้วก็ยิ้มกับเฉียวเจา “ขอบคุณคุณหนูหลีมากที่ต้มยาให้ข้า ตอนนี้ข้ายังเวียนศีรษะอยู่บ้าง อยากพักผ่อนสักครู่”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวล วาจาสุภาพมีมารยาทราวกับย้อนกลับไปเมื่อตอนทั้งสองแรกรู้จักกัน
นางตั้งตัวไม่ติดอยู่นานครู่หนึ่ง จวบจนพวกฉือชั่นพากันมองมาถึงเหยียดมุมปากขึ้นกล่าวว่า “ได้เจ้าค่ะ ท่านพักผ่อนให้มากๆ พรุ่งนี้ข้าจะมาฝังเข็มให้ท่านแต่เช้า”
“เช่นนั้นก็รบกวนคุณหนูหลีแล้ว”
เฉียวเจากัดริมฝีปาก พยักหน้ากับพวกฉือชั่นเล็กน้อยแล้วหมุนกายออกไป
“ถิงเฉวียน เจ้าเป็นอะไรไป” หยางโฮ่วเฉิงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตอนนั้นถิงเฉวียนถึงกับชกต่อยกับสือซีเพราะคุณหนูหลี ตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนี่
หากความรักระหว่างชายหญิงซับซ้อนวุ่นวายเยี่ยงนี้ เขาคงไม่กล้าตบแต่งภรรยาแล้ว ดูแต่ละคนสิ จะช่วยเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาไม่ได้หรือ
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร แค่เวียนศีรษะเล็กน้อยเท่านั้นเอง” เซ่าหมิงยวนกล่าวยิ้มๆ
ฉือชั่นแค่นเสียงเยาะ “เซ่าหมิงยวน เจ้ามีปัญหาแน่นอน บอกมาตามตรง เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”
เขาหลุบเปลือกตาลง พูดเสียงเรียบๆ “ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ข้าอยากนอนหลับสักตื่นเพียงอย่างเดียว สือซี ฉงซาน เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเจ้าอย่ามัวโอ้เอ้อยู่ในห้องข้าเลย”
“เจ้ายังไม่ได้กินข้าวนะ” หยางโฮ่วเฉิงกล่าว
เซ่าหมิงยวนหัวเราะฝืดๆ “เพิ่งดื่มยาไปชามใหญ่ ยังจะกินลงที่ใดกัน ตอนนี้ข้าอยากนอนแล้ว”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้านอนเถอะ พรุ่งนี้พวกข้าค่อยมาหาเจ้าใหม่”
หยางโฮ่วเฉิงดึงตัวฉือชั่น เห็นอีกฝ่ายจ้องมองเซ่าหมิงยวนนิ่งๆ ไม่ยอมขยับดุจเก่า เขาออกแรงฉุดมากขึ้น “ไปเถอะ อย่ารบกวนถิงเฉวียนพักผ่อนเลย มีเรื่องใดค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
ฉือชั่นถึงตามหยางโฮ่วเฉิงออกไป
นอกจากเซ่าหมิงยวน ในห้องเหลือเพียงเฉินกวงกับเยี่ยลั่ว
“เยี่ยลั่ว เจ้าไปเฝ้าหน้าประตูไว้”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเยี่ยลั่วเดินไปทางหน้าประตูแล้วหยุดนิ่ง เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนส่งเสียงเรียก “เฉินกวง”
“ท่านแม่ทัพมีอะไรจะสั่งกำชับขอรับ” เฉินกวงรู้สึกว่าท่านแม่ทัพในเวลานี้ดูเคร่งขรึมไปบ้างอย่างไร้สาเหตุ
“ข้ามองไม่เห็นแล้ว” แม่ทัพหนุ่มบอกเสียงเบา