หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 448
บทที่ 448
“แม่ทัพเซ่า ข้าเองเจ้าค่ะ” เสียงของสตรีดังลอยมาจากนอกห้อง
สุ้มเสียงนี้คุ้นหูถึงเพียงนั้น คราใดที่เซ่าหมิงยวนได้ยินก็จะแช่มชื่นไปทุกซอกมุมของหัวใจ แต่ชั่วขณะนี้เขากลับแตกตื่นอยู่บ้าง “คุณหนูหลีรอสักครู่”
เฉียวเจายืนอยู่นอกประตูกัดริมฝีปากเงียบๆ
เสียงของเขาฟังดูไม่ค่อยผิดปกติ เขาแตกตื่นอะไรอยู่
“แม่ทัพเซ่า ข้ามาฝังเข็มให้ท่านเจ้าค่ะ”
ผ่านไปครู่หนึ่งประตูถึงเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าประดับรอยยิ้มของเฉินกวง “คุณหนูสามมาแล้ว เชิญเข้ามาได้เลยขอรับ”
นางย่างเท้าเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมของอาหารอบอวลทั่วห้อง
นางกวาดตามองอย่างฉับไว เห็นพื้นห้องเลอะเทอะไปหมด
“เอ่อ…ท่านแม่ทัพไม่สะดวกใจจะให้ข้าป้อนอาหาร จะกินเองให้ได้ ปรากฏว่ามือจับไม่ถนัดเลยทำชามโจ๊กหล่นขอรับ” เฉินกวงกล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน
คำอธิบายนี้สมเหตุสมผลย่อมไม่ทำให้เฉียวเจาเกิดความสงสัย
นางเดินอ้อมเศษกระเบื้องชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนพื้นไปหาเซ่าหมิงยวนแล้วพูดเอ็ดเขา “มือท่านมีบาดแผล ขยับไม่ได้ เพราะอะไรไม่ให้เฉินกวงป้อนท่าน”
เขาคงไม่ได้รอให้ข้าป้อนอีกกระมัง
ไม่รู้ด้วยเหตุใดพอเห็นสีหน้าปราศจากความรู้สึกของอีกฝ่าย หลังจากความคิดนี้ที่ผุดขึ้นในหัว แม่นางเฉียวก็หน้าร้อนผ่าวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถึงกับไม่รู้ว่าถ้าเขาเอ่ยขอเช่นนี้ นางสมควรปฏิเสธหรือตอบตกลงดี
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ “ยังทำความคุ้นเคยไม่ใคร่ได้ในทันที แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าใช้มือสองข้างนี้ไม่ได้ชั่วคราว จำเป็นต้องให้เฉินกวงกับเยี่ยลั่วคอยช่วย”
“แม่ทัพเซ่าเข้าใจได้ก็ดี พยายามใช้มือน้อยลงให้บาดแผลหายโดยไวถึงเป็นสิ่งสำคัญ”
“อื้อ ขอบคุณคุณหนูหลีมากที่เอ่ยเตือน ข้ารู้แล้ว”
น้ำเสียงของเขาห่างเหินเฉยเมย ส่งผลให้เฉียวเจานิ่งขึงไปชั่วอึดใจ ถึงแย้มยิ้มเอ่ยถามว่า “วันนี้แม่ทัพเซ่ารู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ยังไม่ต่างจากเมื่อวานเท่าไรนัก มีเวียนศีรษะบ้างเป็นบางครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นท่านนอนลง ข้าจะฝังเข็มให้ก่อน”
เซ่าหมิงยวนเอนกายลงนอนช้าๆ
เฉียวเจาจับตามองอากัปกิริยาของเขาแล้วรู้สึกขัดๆ ชอบกล แต่คิดไม่ออกในชั่วประเดี๋ยวเดียวว่ามันขัดกันตรงที่ใด นางปัดความรู้สึกนี้ทิ้งไปก่อน หยิบเข็มเงินออกมารักษาให้เขา
เวลาบาดเจ็บบริเวณศีรษะแล้วเกิดอาการเวียนศีรษะ จะต้องมีสาเหตุมาจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจมีเลือดคั่งอยู่ในกะโหลกศีรษะก็เป็นได้
ฝังเข็ม นวดกดจุด และดื่มยาล้วนเพื่อเปิดทวารลดปราณเสียและสลายลิ่มเลือดให้เลือดลมไหลเวียนสะดวกทั้งสิ้น
นางรู้สึกว่าคนบางคนนิ่งเงียบเป็นพิเศษ นิ่งเงียบเสียจนบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนยิ่งนัก ข้างหูมีแค่เสียงเก็บกวาดพื้นของเฉินกวง
เมื่อเขาทำความสะอาดพื้นเรียบร้อย หลังจากล้างมือแล้วก็ยืนอยู่ข้างโต๊ะ
เฉียวเจามองเขาแวบหนึ่ง คงมิใช่นางอุปาทานไปเองนะ ตั้งแต่เมื่อวานมิใช่เพียงเซ่าหมิงยวนที่แปลกไป แม้แต่เฉินกวงก็ชักแปลกๆ
ดังเช่นตอนนี้ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เวลานางฝังเข็มให้เซ่าหมิงยวน เขาจะหลบไปอยู่ไกลๆ ไม่เหมือนกับวันนี้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ขยับไปmuj.f
อันว่าเกิดเรื่องผิดปกติย่อมต้องมีเลศนัย นางจึงพินิจดูเฉินกวงซ้ำอีกที
สายตาของนางที่มองมาทำให้เฉินกวงหายใจไม่ทั่วท้อง เขาได้แต่กลั้นใจเอ่ยถามขึ้น “คุณหนูสามมีอะไรจะสั่งกำชับใช่หรือไม่ขอรับ”
ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เหตุใดคุณหนูหลีมองข้าอยู่เรื่อย
“ไม่มี” เฉียวเจาส่ายหน้า
“เฉินกวง เจ้าออกไปเถอะ” เซ่าหมิงยวนพลันอ้าปากพูด
เฉินกวงชะงักไปเล็กน้อยก่อนพยักหน้า “ขอรับ”
เขาตวัดสายตามองผู้เป็นนายปราดหนึ่งถึงหมุนกายเดินไปทางหน้าประตูพลางนึกฉงนใจไม่หยุด
ตาของท่านแม่ทัพมองไม่เห็นแล้ว ไม่มีเขาคอยเตือนอยู่ข้างๆ ไม่กลัวหลุดพิรุธหรือ
เอ๊ะ หลุดพิรุธก็ดี หลุดพิรุธสิถึงจะดี เมื่อครู่นี้สงสัยข้าต้องโดนประตูหนีบศีรษะเป็นแน่ถึงได้เฝ้าอยู่ในห้อง
ได้ยินเสียงปิดประตูแล้ว เซ่าหมิงยวนลอบถอนใจ
เจาเจาฉลาดเกินไป กิริยาท่าทางใดๆ ที่ผิดปกติไปล้วนทำให้นางเกิดความสงสัยได้ คิดจะปิดบังนางใช่เรื่องง่ายดายโดยแท้
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลงเล็กน้อยอย่างสงบนิ่งมาก
ชะรอยว่าเพราะมองไม่เห็น จึงราวกับว่าประสาทการรับกลิ่นของเขาเฉียบไวมากขึ้นจนได้กลิ่นกายอ่อนจางของเด็กสาวที่ถูกกลิ่นลูกประคำไม้กฤษณากลบไว้ได้
นั่นเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้เขาใจสั่นหวั่นไหว
กระนั้นความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเผชิญกับความเป็นจริง เซ่าหมิงยวนไม่กล้าปล่อยให้จิตใจเกิดรอยกระเพื่อมไหวใดๆ แม้สักกระผีก
เมื่อการฝังเข็มเสร็จสิ้น เสียงนุ่มเบาของเด็กสาวดังมากระทบหู “ลุกขึ้นนั่งเถอะ ข้าจะช่วยนวดรอบๆ ตาให้”
ชายหนุ่มตัวเกร็งทันใด เขากล่าวตอบ “ได้”
เขานั่งตัวตรงอย่างสงบเสงี่ยม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงนางกล่าวขึ้น “นั่งบนเก้าอี้สิ อย่างนี้ข้าไม่ถนัด”
นางต้องอ้อมไปอยู่ข้างหลังเขาถึงจะช่วยนวดรอบๆ ดวงตาให้ได้ เขานั่งนิ่งๆ อยู่บนเตียงหรือจะให้นางปีนขึ้นไปใช่หรือไม่
ได้ยินคำขอของเฉียวเจา เขาละล้าละลังไปเล็กน้อย
เมื่อครู่เฉินกวงเก็บกวาดพื้นห้อง เขาได้ยินเสียงขยับเก้าอี้ เวลานี้เก้าอี้ตัวนั้นน่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เขาคุ้นเคย
เซ่าหมิงยวนลอบสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ย้อนคิดถึงเสียงเก้าอี้ซึ่งถูกย้ายที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน
“แม่ทัพเซ่า?” พอเห็นเขาไม่มีท่าทีใด นางจึงกล่าวเร่ง
แม่ทัพหนุ่มยกมือกุมหน้าผาก “คุณหนูหลี ข้าเวียนศีรษะอยู่สักหน่อย ท่านช่วยประคองข้าได้หรือไม่”
ชั่วพริบตานั้นเฉียวเจายังนึกว่าคนบางคนนิสัยเดิมกำเริบอีกแล้ว นางอดมองชายหนุ่มอย่างพินิจไม่ได้ แต่กลับเห็นเปลือกตาเขาหลุบต่ำปิดบังแววตาไว้ทำให้จับสังเกตอะไรไม่ได้
นางไม่ได้เอ่ยตอบ แต่ยื่นมือไปประคองแขนเขา
ท่อนแขนของเซ่าหมิงยวนแข็งทื่อไปชั่วอึดใจแล้วผ่อนคลายทันใด เขาหลุบตากล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณคุณหนูหลีมาก”
“ไม่เป็นไร” เสียงพูดของเฉียวเจาราบเรียบ นางประคองเขาไปนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นอ้อมไปข้างหลังยกมือวางที่จุดชีพจรตรงขมับของเขาแล้วเริ่มนวดคลึงเบาๆ
“ประเดี๋ยวข้าต้มยาเสร็จแล้วจะเอามาให้ท่านนะ”
“ไม่ต้อง ให้เฉินกวงไปยกก็ได้”
เจาเจาฉลาดปานนั้น อีกทั้งรู้วิชาแพทย์ เขาไม่มั่นใจว่าในชั่วเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันจะแสร้งทำได้แนบเนียนยามอยู่ต่อหน้านาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้พยายามพบหน้ากันให้น้อยลงเป็นการดี
“เฉินกวงจะรู้ได้อย่างไรว่าจะต้มเสร็จเมื่อใด” น้ำเสียงของนางฟังดูห้วนๆ
เขากับนางต่างอยู่ในวัยยี่สิบกว่าแล้ว ไม่ใช่เด็กหนุ่มเด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่สักหน่อย มีเรื่องขัดแย้งกันก็คุยกันดีๆ ให้เข้าใจแล้วทำตามที่ตกลงร่วมกันไว้ก็สิ้นเรื่อง เขาทำหมางเมินนางอย่างนี้ออกจะจงใจเกินไปบ้างใช่หรือไม่
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากวนจวินโหวผู้ทรงเกียรติและเป็นถึงแม่ทัพเป่ยเจิงที่บัญชาการทัพนับหมื่นนับพันกลับใจคอคับแคบเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นไหว้วานปิงลวี่หรืออาจูเอามาให้ข้าเถอะ”
“ได้ ถึงเวลาข้าจะให้ปิงลวี่เอามาให้แม่ทัพเซ่าเจ้าค่ะ” เฉียวเจาลอบขุ่นเคือง พูดเสียงปึ่งชาจบก็ไม่ปริปากอีก
ในใจเซ่าหมิงยวนเจ็บปวดทรมานเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง
หากดวงตาของเขาหายเป็นปกติได้เร็วๆ ก็คงดี เขาจะต้องพยายามมากขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อให้เจาเจาเปลี่ยนใจแน่
แต่ถ้าดวงตาเขาไม่มีทางหายดี…ตอนนี้เจาเจาเกลียดชังเขาก็ไม่เป็นไร
“คุณหนูหลี ข้าลองถามเยี่ยลั่วดูแล้ว วันพรุ่งนี้จะไปถึงจุดที่ท่านหมอเทวดาเสาะหาตัวยา ที่นั่นมีเกาะเล็กๆ ให้คนหยุดพักแรมได้”
“เกิดเรื่องกับท่านปู่หลี่ในน่านน้ำใกล้ๆ บริเวณนั้นใช่หรือไม่” เฉียวเจาชะงักมือเล็กน้อย
“ไม่ใช่ หลังท่านหมอเทวดาออกจากเกาะแล้วจู่ๆ ก็อยากจะเก็บไข่มุกชนิดหนึ่งไปทำเป็นยาเลยมุ่งหน้าลงใต้ถึงได้เจอกับพายุ”
พอเอ่ยถึงหมอเทวดาหลี่ เฉียวเจายิ่งอารมณ์หดหู่มากขึ้น นางออกจากห้องของเซ่าหมิงยวนแล้วนั่งต้มยาอยู่ข้างนอกอย่างใจลอย
“คุณหนู ท่านดูสิ ทางนั้นมีเรือด้วยนะ ดูเหมือนจะแล่นมาหาพวกเราเจ้าค่ะ”