หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 465
บทที่ 465
เซี่ยเซิงเซียวจ้องหยางโฮ่วเฉิงตาเขม็ง นางเลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า “ดังนั้นคุณชายหยางมีอคติกับสตรีสินะ”
เขาเบิกตากว้าง “นี่คือมีอคติกับสตรีได้อย่างไร ก็ต่างฝ่ายต่างมีข้อดีชัดๆ บุรุษเกิดมามีพละกำลังดีกว่า ย่อมเชี่ยวชาญการต่อสู้ ส่วนสตรีก็ถนัดเรื่องเย็บปักถักร้อย”
เซี่ยเซิงเซียวขยับมุมปากอย่างอดกลั้น นางพูดเน้นเสียงหนักทีละคำ “ข้าปักผ้าไม่เป็น!”
“เอ่อ…ท่านทำไม่เป็นหรือ” หยางโฮ่วเฉิงอึ้งงันไป เขาอดมองไปทางเฉียวเจาไม่ได้
แม่นางเฉียวมีสีหน้านิ่งเฉย “ข้าก็ทำไม่เป็นเช่นกัน”
หยางโฮ่วเฉิงพูดไม่ออก “…”
ตกลงว่าเป็นเพราะสตรีที่ข้ารู้จักผิดปกติ หรือว่าความเข้าใจที่ข้ามีต่อสตรีผิดปกติกันแน่ นี่คือปัญหาใหญ่ที่ชวนให้งุนงงไม่เข้าใจโดยแท้
สายตาที่เซี่ยเซิงเซียวมองดูเฉียวเจาเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมเลยทีเดียว จากนั้นหันไปมองหยางโฮ่วเฉิงอย่างปึ่งชา
เขาเบนสายตาไปทางอื่นเงียบๆ แล้วพูดกับเซ่าหมิงยวน “ถิงเฉวียน พาข้าไปเถอะ”
“ได้” เซ่าหมิงยวนรีบรับปาก
เฮ้อ…ขืนไม่รับปาก สหายรักวัยเยาว์ของเขากับสหายรักวัยเยาว์ของเจาเจากำลังจะวิวาทกันอยู่แล้ว ถ้าเกิดส่งผลกระทบกระเทือนถึงความรักของเขากับเจาเจาก็ไม่เป็นการดีแล้ว
“ท่านโหวโปรดพาข้าไปด้วย” เซี่ยเซิงเซียวกล่าวอย่างไม่ยอมน้อยหน้า
หยางโฮ่วเฉิงอดใจไม่อยู่กล่าวขึ้น “คุณหนูเซี่ย จริงๆ นะท่านอย่าสร้างปัญหาอีกเลย พวกวอโค่วมีพลังฝีมือแข็งแกร่งปานใดท่านน่าจะได้ประสบพบเจอมาแล้ว หรือว่าตกอยู่ในมือพวกนั้นมาครั้งหนึ่งแล้วยังไม่พอ”
ถ้อยคำนี้จี้ใจดำของเซี่ยเซิงเซียวอย่างไม่ต้องสงสัย
โดนคนจับไปขายให้ชาววอโค่วเหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ในชีวิตของนางอยู่แต่เดิม เจ้าคนบัดซบผู้นี้ยังจะจงใจพูดตอกย้ำนางอีกหรือนี่
“คุณชายหยาง อย่าดีแต่ปากดีกว่า ในเมื่อท่านเห็นว่าข้าเป็นภาระ พวกเรามิสู้ออกไปประลองยุทธ์กันดู”
หยางโฮ่วเฉิงแย้งกลับโดยไม่หยุดคิดใคร่ครวญ “เช่นนี้จะได้อย่างไร ข้าไม่ต่อยตีกับสตรี”
เซี่ยเซิงเซียวลอบสูดหายใจเข้าถึงสะกดอารมณ์ชั่ววูบไม่เหวี่ยงหมัดชกหน้าบุรุษผู้นี้ นางกล่าวเสียงเย็นชาขึ้นว่า “คุณชายหยางกลัวสู้ข้าไม่ได้กระมัง”
หยางโฮ่วเฉิงเบิกตากว้างฉับพลัน เขามองดูเซี่ยเซิงเซียวอย่างสำรวจตรวจตราก่อนกล่าวอย่างเหลือเชื่อ “คุณหนูเซี่ยพูดล้อเล่นกระมัง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เพราะอะไรถึงไม่กล้าออกไปดวลฝีมือกับข้าเล่า” เซี่ยเซิงเซียวยกสองมือกอดอก แววดูแคลนจุดวาบขึ้นในดวงตา
โดนหญิงสาวนางหนึ่งสบประมาทในเรื่องพลังยุทธ์ หยางซื่อจื่อทนไม่ไหวทันที เขาก้าวขาเดินไปทางด้านนอก “เช่นนั้นพวกเราออกไปลองสู้กันดู”
เซี่ยเซิงเซียวยกมุมปากโค้งขึ้น นางพยักหน้าให้เฉียวเจาแล้วเดินเอื่อยๆ ออกนอกประตูไป
ภายในห้องเงียบสงบลง ฉือชั่นยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบคำหนึ่ง เขากล่าวเยาะๆ “เจ้าคนปัญญาทึบ เจอกลยุทธ์ยั่วยุตื้นๆ แค่นี้เขาก็วิ่งไล่ตามไปแล้ว”
เซ่าหมิงยวนพูดยิ้มๆ “กลยุทธ์ยั่วยุไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าตื้นเขินหรือซับซ้อน หลักสำคัญต้องดูว่าใครเป็นคนใช้”
ถ้าเจาเจาบอกกับเขาว่าเขาสู้บุรุษอื่นไม่ได้ เขาคงจะทนไม่ไหวต้องประลองกับบุรุษผู้นั้นเหมือนกัน
“เขาลงไม้ลงมือไม่รู้จักหนักเบา เกิดทำให้นางร้องไห้คงสนุกล่ะ” ฉือชั่นยิ้มกริ่มเอ่ยขึ้น
เฉียวเจามองฉือชั่นแล้วคลี่ยิ้มกล่าว “ไม่มีทาง”
“ไฉนถึงไม่มีทาง” ฉือชั่นย้อนถาม
“คุณหนูเซี่ยไม่ชอบร้องไห้”
เซ่าหมิงยวนพูดอย่างขบขัน “ฉงซานเอาชนะคุณหนูเซี่ยไม่ได้หรอก”
เดิมทีฉือชั่นไม่มีแก่ใจมุงดู ครั้นได้ยินเซ่าหมิงยวนพูดเช่นนี้เขาก็วางถ้วยน้ำชาลงทันที จากนั้นลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ ข้าไปดูเรื่องสนุกๆ สักหน่อย”
คุณชายฉือเดินไปตรงหน้าประตูด้วยฝีเท้าไม่เร็วไม่ช้า ยืนพิงกรอบประตูมองออกไปแล้วเบิกตากว้างขึ้นหลายส่วนอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นยกมือขึ้นกุมขมับช้าๆ
ถึงแม้เขาชอบต่อปากต่อคำกับหยางโฮ่วเฉิง แต่ว่าสหายรักวัยเยาว์โดนสตรีนางหนึ่งชกต่อยจนไม่มีโอกาสโต้ตอบได้ก็น่าขายหน้าอยู่สักหน่อยจริงๆ
คนสองคนที่ประมือกันอยู่ตรงหัวเรือดึงดูดให้คนมาลอบชมดูกันอยู่ไม่น้อย
ถึงอย่างไรก็เป็นเรือของผู้อื่น เซี่ยเซิงเซียวไม่อยากตกเป็นเป้าสายตามากเกินไป นางตัดสินใจเร่งการต่อสู้ให้จบโดยไว จึงวาดขาเตะไปที่ข้อพับเข่าของหยางโฮ่วเฉิง พอบุรุษร่างสูงใหญ่ล้มลงกับพื้นก็สบช่องเหยียบยอดอกเขาไว้พลางกล่าว “ยอมแพ้แล้วใช่หรือไม่”
หยางโฮ่วเฉิงนอนแผ่หราอยู่บนพื้นเรือที่โดนแดดส่องจนอุ่นร้อน เพียงรู้สึกอับอายขายหน้ามากที่สุดในชีวิต เมื่อได้ยินเซี่ยเซิงเซียวถามเช่นนี้ก็รู้สึกหูอื้อตาลาย มีหรือจะกล่าวคำว่า ‘ยอมแพ้’ ออกจากปากได้ เขายกมือกอดข้อเท้าบนหน้าอกตนเองไว้แน่นๆ
เซี่ยเซิงเซียวตะลึงงัน
เวลานี้คุณชายหยางไม่มีคำกล่าวว่า ‘ชายหญิงต่างกัน’ อยู่ในหัวสมองโดยสิ้นเชิง เขาฉวยจังหวะในชั่วพริบตาที่หญิงสาวนิ่งขึงไป ใช้สองมือจับข้อเท้าของนางไว้แล้วบิดทีหนึ่ง เซี่ยเซิงเซียวก็ล้มลงบนพื้นเรือ
หยางโฮ่วเฉิงพลิกกายขึ้นทับนางไว้ด้านล่าง ใช้ฝ่ามือใหญ่เท่าใบลานยึดสองมือของนางไว้แน่นหนาพร้อมกับถามเสียงดัง “ว่าอย่างไร ยอมแพ้หรือไม่”
ฉือชั่นกุมขมับ คุณหนูเซี่ยยอมแพ้หรือไม่เขาไม่รู้ แต่ถือว่าเขายอมแพ้แล้ว
ไหนเล่าที่บอกว่าไม่เคยทะเลาะวิวาทกับสตรี? หยางเอ้อร์เจ้านี่แน่จริงๆ!
ในยามนี้เองก็มีศีรษะโผล่ออกมาจากทุกห้อง
“หัวหน้าเก่งกาจเหลือเกิน!”
“หัวหน้า เมื่อครู่ข้ายังนึกว่าท่านพ่ายแพ้แล้วเสียอีก ค่อยยังชั่วๆ ไม่ทำให้กององครักษ์จินอู๋ของพวกเราต้องขายหน้า”
“หัวหน้าจะแพ้ได้อย่างไรกัน เจ้าหนุ่มนั่นดูท่าทางอ่อนปวกเปียกแทบปลิวตามลม…”
“พวกเจ้าหุบปากเสีย!” หยางโฮ่วเฉิงตวาดลั่น ทั้งสี่ด้านตกอยู่ในความเงียบทันใด เขาก้มหน้าลงช้าๆ มองคนที่ถูกคร่อมอยู่ใต้ตัวอย่างงงงัน
เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น จะมีคนเชื่อหรือไม่
เซี่ยเซิงเซียวสีหน้าบูดบึ้ง เอ่ยถามเสียงเย็นๆ “เจ้าจะนั่งไปถึงเมื่อไร”
หยางโฮ่วเฉิงกระเด้งตัวลุกพรวดขึ้นเหมือนแมวโดนเหยียบหางก็ไม่ปาน จากนั้นเผ่นหนีไปโดยไม่กล้ามองหญิงสาวแม้แต่แวบเดียว
เขาวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปชนตัวฉือชั่น
ฉือชั่นทำปากเบ้ด้วยความเจ็บ “หยางเอ้อร์ เจ้าโดนสุนัขบ้ากัดจริงๆ ใช่หรือไม่”
“ข้า…ข้า…” หยางโฮ่วเฉิงหน้าแดงแจ๋ละม้ายกุ้งต้มสุก ผลักฉือชั่นออกแล้วพุ่งทะยานเข้าไปหลบหลังฉากกั้นตั้งพื้นในห้องโถง
ฉือชั่นแย้มปากยิ้ม “ถิงเฉวียน เจ้าเดาผิดแล้วนะ หยางเอ้อร์เป็นฝ่ายชนะต่างหาก”
เซ่าหมิงยวนไม่แจ่มแจ้งว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เขาเพียงวางสีหน้านิ่งเฉย กระแอมกระไอเบาๆ ทีหนึ่งก่อนกล่าว “ไม่มีเรื่องใดแน่นอนเสมอไป”
เขาพูดจบแล้วลอบสะกิดมือของเฉียวเจา เขียนตรงอุ้งมือเล็กอย่างว่องไวว่า ‘มองไม่เห็นทำให้ยุ่งยากเหลือเกิน’
ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด นางอ่านความรู้สึกคับข้องหมองใจอยู่หลายส่วนได้จากประโยคที่เขาเขียนนี้
รอบข้างมีคนมากพูดคุยกันได้ไม่ถนัด เฉียวเจาจึงกุมมือใหญ่ข้างนั้นทีหนึ่งเป็นคำตอบอย่างรวดเร็วแล้วปล่อยมือทันที
เซ่าหมิงยวนยกมุมปากโค้งขึ้นอย่างอิ่มเอมใจ
เซี่ยเซิงเซียวลุกขึ้นจากพื้นกลับเข้าไปในโถงด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ จากนั้นนางเอ่ยกับฉากกั้น “คุณชายหยางจะซ่อนตัวด้วยเหตุใด เมื่อครู่นี้ไม่นับ พวกเรามาสู้กันใหม่”
เสียงพูดอย่างขวัญเสียของหยางโฮ่วเฉิงดังลอยมาจากหลังฉากกั้น “ไม่ต้อง ข้ายอมแพ้แล้วยังไม่พออีกหรือ”
จบเห่แล้วๆ เมื่อครู่เขานั่งทับบนตัวหญิงสาว ตกลงว่าต้องรับผิดชอบหรือไม่นะ
เซี่ยเซิงเซียวซึ่งสวมอาภรณ์บุรุษอยู่คลายความกรุ่นโกรธเมื่อแรกลง สีหน้าของนางดูไปยังนับว่าสงบนิ่ง พอได้ยินหยางโฮ่วเฉิงกล่าวอย่างนี้ นางพยักหน้าอย่างแกนๆ มองไปทางเซ่าหมิงยวน “ท่านโหว ข้าตามท่านไปขึ้นเกาะด้วยได้หรือไม่”
“ได้”
เวลานี้เซี่ยเซิงเซียวถึงเผยรอยยิ้มให้เห็น “ขอบคุณท่านโหวที่ส่งเสริม ข้ากลับไปดูแม่นางพวกนั้นก่อนนะ”
หลังจากนางออกไปแล้ว เซ่าหมิงยวนก็เอ่ยกับฉือชั่น “สือซี ข้าว่าฉงซานได้รับความสะเทือนใจไม่น้อย เจ้าอยู่ที่นี่ช่วยพูดให้เขาคิดได้จะดีกว่า ข้ากับเจาเจาไปก่อนแล้วกัน”
คุณชายฉือที่ถูกทิ้งไว้ตวัดสายตามองฉากกั้นพลางแค่นเสียงพูด “ซ่อนตัวไปมีประโยชน์รึ รีบออกมาเสีย!”