หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 471
บทที่ 471
คนที่พวกองครักษ์กุมตัวมาเป็นบุรุษผมเผ้าสยายรุงรังผู้หนึ่ง ดูจากเส้นผมสีดอกเลากับเรือนกายก็บ่งบอกได้ว่านี่เป็นผู้เฒ่าวัยเกินหกสิบปีแล้ว
กระนั้นเซ่าหมิงยวนมองไม่เห็น เขาได้ยินว่าจับเป็นได้หนึ่งคนก็บอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาสุดจะเปรียบ “สอบปากคำดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนเกาะนี้”
ผู้เฒ่าเงยหน้าขวับ ตะโกนด่าทอเสียงดัง “เจ้าหนุ่มตัวเหม็น! เจ้าจะสอบปากคำใครรึ เจ้าตาบอดใช่หรือไม่ แม้แต่ข้ายังจำไม่ได้อีก”
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล่าววาจาเช่นนี้!” องครักษ์ที่กุมตัวเขาไว้เงื้อมือขึ้นด้วยความโกรธา
เยี่ยลั่วหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “หยุดมือ!”
เขาเดินลิ่วๆ เข้ามามองสบตากับผู้เฒ่าแล้วเปล่งเสียงร้องเรียกอย่างตกใจ “ท่านหมอเทวดาหลี่?”
อันที่จริงเซ่าหมิงยวนจำได้ว่าเป็นเสียงของหมอเทวดาหลี่แล้ว แต่เพราะหมอเทวดาหลี่ตายไปแล้ว เมื่อแรกที่ได้ยินเพียงนึกว่าเสียงคล้ายคลึงกัน ตอนนี้ได้ยินเยี่ยลั่วกล่าวคำนี้ เขาก็ก้าวปราดๆ เข้าไปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างห้ามไม่อยู่ “เป็นท่านหมอเทวดาจริงๆ หรือ”
หมอเทวดาหลี่กลอกตาขึ้น “เจ้าหนุ่มตัวเหม็น ความจำเจ้าย่ำแย่เอาการนะ ใบหน้าข้าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ถึงเพียงนี้เจ้ายังจำไม่ได้อีกหรือ”
“ข้า…” เซ่าหมิงยวนอ้าปากออก เสี้ยวเวลานี้คนที่สุขุมเยือกเย็นเป็นนิจกลับตื่นเต้นยินดีจนกล่าววาจาไม่ออก
หมอเทวดาหลี่ยังมีชีวิตอยู่ เจาเจารู้เข้าจะดีใจสักเพียงใดก็สุดรู้
ในขณะเดียวกับที่เซ่าหมิงยวนกำลังเต็มตื้นในอก หมอเทวดาหลี่ก็พินิจดูเขาอยู่เช่นกัน
“เอ๊ะ?” เขาอุทานเบาๆ คำหนึ่งกะทันหัน
“ท่านหมอเทวดามีอะไรหรือขอรับ” เซ่าหมิงยวนรีบถามขึ้น
หมอเทวดาหลี่กวาดสายตาผ่านหน้าเขาไปช้าๆ แล้วเหลือบมองไปรอบตัวก่อนทำหน้าตึงกล่าวว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“พวกข้าติดตามคุณหนูหลีมาเสาะหาตัวยาที่นี่ขอรับ” หยางโฮ่วเฉิงเอ่ยตอบ
“เสาะหาตัวยา?” สีหน้าของหมอเทวดาหลี่แปรเปลี่ยนไป เขามองเซ่าหมิงยวนพลางพูดเสียงกระด้าง “เจ้าไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นกับข้า ไฉนปล่อยให้แม่หนูเจากระทำเรื่องเหลวไหล”
หยางโฮ่วเฉิงรีบพูดอธิบาย “ท่านหมอเทวดา เรื่องไม่ได้เป็นเช่นนั้น องค์ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้คุณหนูหลีเดินทางมาเสาะหาตัวยาต่างหากขอรับ”
เขาใคร่ครวญแล้วว่าไม่มีคนนอก จึงลดสุ้มเสียงลงกล่าว “องค์หญิงพระองค์หนึ่งในวังมีอาการผิดปกติเล็กน้อยที่พระพักตร์”
หมอเทวดาหลี่แค่นเสียงเยาะ “องค์หญิงมีอาการผิดปกติก็ให้แม่หนูเจาออกทะเลเสาะหาตัวยาหรือ รู้อย่างนี้แต่แรกตอนนั้นข้าไม่สมควรดึงไทเฮากลับมาจากประตูผีเลย…”
“ท่านหมอเทวดา พวกเราอย่าพูดออกนอกเรื่องไปไกลเลย ท่านสบายใจได้ คุณหนูหลีไม่เป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้นางอยู่บนเรืออีกลำหนึ่งรอคอยพวกเรากลับไปอยู่นะขอรับ” ถึงหยางโฮ่วเฉิงจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ยังอดลอบถอนใจเฮือกหนึ่งไม่ได้
หมอเทวดาผู้นี้พูดจาโดยไม่ยี่หระอะไรจริงๆ โชคดีที่ตรงนี้ล้วนเป็นคนของถิงเฉวียน
อะ ไม่ถูกสิ ยังมีคุณหนูเซี่ยอีกคน
พอเขามองเซี่ยเซิงเซียวแวบหนึ่ง นางก็มุ่นคิ้วเบนสายตาไปทางอื่น
“ท่านหมอเทวดา พวกเรากลับเรือก่อนค่อยว่ากันอีกที เรือของพวกข้าจอดอยู่ตรงชายหาดนอกป่า”
หมอเทวดาหลี่ตวัดสายตามองเขาแล้วพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “กลับน่ะต้องกลับแน่ แต่ข้ามีของบางอย่างต้องเอาไปด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นข้าสั่งให้คนช่วยท่านจัดเก็บสิ่งของที่จะนำติดตัวไปนะขอรับ”
“ไม่ต้อง ของพวกนั้นจะแตะต้องส่งเดชไม่ได้ ข้าจัดการเองได้ พวกเจ้ารอก่อนแล้วกัน”
หมอเทวดาพูดจบก็หมุนกายเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
หยางโฮ่วเฉิงมองตามแผ่นหลังของชายชราแล้วถามอย่างอดใจไม่อยู่ “ถิงเฉวียน หมอเทวดาหลี่เจอพายุกลางทะเลมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้”
เขายิ่งคิดยิ่งตื่นตระหนก ลูบปลายคางพลางกล่าว “บนเกาะนี้พิลึกพิลั่นเหลือเกิน ตกลงว่าหมอเทวดาหลี่เป็นคนหรือผีกันแน่”
เซ่าหมิงยวนยกมือเขกศีรษะเขาทีหนึ่ง “อย่าพูดจาเหลวไหล!”
“นี่ข้าพูดจาเหลวไหลที่ใดกัน คนที่เดิมทีต้องตายไปแล้วแน่นอนจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น มิหนำซ้ำคนบนเกาะพวกนั้นก็น่ากลัวเหมือนโดนภูตผีปีศาจสิงร่าง ถิงเฉวียน เจ้าไม่รู้สึกใจคอไม่ดีบ้างหรือ”
เซ่าหมิงยวนกล่าวเสียงเรียบด้วยสีหน้าเป็นปกติ “มีข้อกังขาใดไว้กลับถึงเรือแล้วค่อยๆ ถามก็ได้ เจ้าเชื่อเรื่องผีสางเทวดาด้วยหรือ”
อันที่จริงเขาเชื่อแล้วหลังจากรู้เรื่องของเจาเจา แต่เขาไม่อยากให้ผู้ใดรู้เรื่องที่เจาเจายืมศพคืนวิญญาณต่อให้เป็นสหายสนิทที่สุดก็ตามที
เรื่องบางเรื่องคนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี
ไม่นานนักหมอเทวดาหลี่ก็หิ้วห่อสัมภาระเดินมาหา “ไปเถอะ”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าแล้วเอ่ยสั่งเยี่ยลั่ว “พาพวกเขาไปตรวจค้นยึดของให้เรียบร้อยโดยไว”
ชาววอโค่วหาเลี้ยงชีพด้วยการปล้นสะดม ที่มั่นของชาววอโค่วนับร้อยคนต้องมีทรัพย์สมบัติอยู่ไม่น้อยแน่นอน
เยี่ยลั่วเข้าใจความนัยของเขา พาพวกองครักษ์ไปเริ่มปฏิบัติการโดยไม่รอช้า
การตรวจค้นยึดของหลังจากนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องสาธยายให้มากความ เอาเป็นว่าตอนเดินทางกลับ ลำเรือกินน้ำลึกขึ้นไม่น้อย มีองครักษ์หลายคนคิดคำนึงอยู่ในใจว่า อืม ครานี้เก็บเงินค่าสินสอดได้ก้อนใหญ่ขึ้นแล้ว ทว่ามีแต่เงินค่าสินสอดไม่มีภรรยาก็น่ากลัดกลุ้มยิ่งนัก ตกลงท่านแม่ทัพจะสะสางปัญหาของตนเองได้เมื่อไร พวกข้ายังรอให้ฮูหยินแม่ทัพช่วยเป็นธุระให้พวกข้าอยู่นะ!
ภายในตัวเรือหมอเทวดาหลี่ทำตาปรือดื่มน้ำชา ไม่เปล่งเสียงพูดสักคำ
หยางโฮ่วเฉิงไต่ถามอย่างอดใจรอไม่ไหว “ท่านหมอเทวดา ท่านรอดชีวิตมาได้อย่างไรขอรับ”
สายตาของชายชราจับไปที่ตัวเซี่ยเซิงเซียวโดยไม่กล่าววาจา
เซี่ยเซิงเซียวอาจเป็นคนที่ไม่ยึดถือกรอบประเพณี ทว่ามิใช่สตรีโผงผางไร้ไหวพริบ นางเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าจะไปดูแม่นางที่หมดสติไปสองคนนั้นสักหน่อย”
พอนางไปแล้วหมอเทวดาหลี่ถึงวางถ้วยน้ำชาลง มองหน้าเซ่าหมิงยวนแล้วกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเจ้า”
เขายิ้มอย่างฝืดเฝื่อน “ท่านดูออกแล้วหรือขอรับ”
“อย่าพูดพล่าม บอกมาว่าไปทำอะไรมา”
“โดนคนขว้างก้อนหินเข้าที่ท้ายทอย จากนั้นก็เป็นเช่นนี้แล้วขอรับ”
“ตอนขว้างโดนแล้วมองไม่เห็นทันทีเลยหรือไม่”
“ไม่ขอรับ ตอนแรกๆ ยังมองเห็น ต่อมาข้าหมดสติไปครู่หนึ่ง ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็มองไม่เห็นแล้ว” เซ่าหมิงยวนบอกตามความจริง
“เจ้าได้รับความสะเทือนใจอะไรกระมัง” หมอเทวดาหลี่ถามตรงจุด
เซ่าหมิงยวนหน้าร้อนผะผ่าว เขาไม่ปริปากตอบ
“นานเพียงใดแล้ว”
“หลายวันแล้วขอรับ”
หมอเทวดาหลี่โน้มกายไปข้างหน้า “อย่าขยับ ข้าขอดูหน่อย”
เขาอยู่นิ่งๆ ให้หมอเทวดาหลี่ตรวจอาการ
ผ่านไปครู่ใหญ่หมอเทวดาหลี่นั่งกลับลงไปตามเดิม
“ท่านหมอเทวดา ดวงตาของถิงเฉวียนยังรักษาได้หรือไม่ขอรับ” หยางโฮ่วเฉิงถามด้วยสีหน้าวิตกกังวล
หมอเทวดาหลี่ชายตามองเขา “ท่านโหวยังไม่กังวลใจ เจ้าจะกังวลใจอะไร”
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “ผู้เยาว์ก็กังวลใจมากขอรับ”
“ผู้เยาว์?” หมอเทวดาหลี่กระตุกมุมปาก “ข้าเป็นผู้อาวุโสของท่านโหวไม่ไหวหรอก ดวงตาของเจ้าน่ะเกิดจากลิ่มเลือดในกะโหลกกดทับเส้นชีพจรรอบดวงตา เคราะห์ดีที่ยังนับว่าไม่นาน มิเช่นนั้นพอเส้นชีพจรรอบดวงตาฝ่อไป เช่นนั้นก็อาการหนักเกินกว่าจะเยียวยาได้แล้ว”
หยางโฮ่วเฉิงตาเป็นประกาย “ท่านหมอเทวดากล่าวเช่นนี้ ใช่หรือไม่ว่าตาเขายังมีทางรักษาได้”
หมอเทวดาหลี่ยกเปลือกตาขึ้น ถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ท่านโหว แม่หนูเจาเคยตรวจดวงตาของเจ้าแล้วกระมัง”
“อื้อ เคยตรวจแล้วขอรับ”
“นางรักษาไม่ได้” หมอเทวดาหลี่พูดอย่างมั่นใจ
เซ่าหมิงยวนไม่เปล่งเสียงพูด
หมอเทวดาหลี่ยกยิ้ม “ข้าสอนสิ่งที่ร่ำเรียนมาทั้งชีวิตให้แม่หนูเจาจนหมดแล้ว ดังนั้นไม่ใช่ปัญหาของนาง”
“เป็นปัญหาของข้าเองขอรับ” แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างรู้ความทันที
หมอเทวดาหลี่มองเขาด้วยสีหน้าคลางแคลงพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบๆ “เจ้ารู้ก็ดี”
หยางโฮ่วเฉิงกุมขมับเงียบๆ เขาไม่เคยเห็นคนที่ปกป้องคนของตนเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้
หมอเทวดาหลี่พึงพอใจกับท่าทีของชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไป “แต่ว่านะท่านโหวโชคดีไม่เลว เยี่ยลั่วน่าจะเคยเล่าให้เจ้าฟังว่าสาเหตุที่ข้าเจอกับพายุเพราะออกจากเกาะหมิงเฟิงมุ่งหน้าลงใต้ต่อไปเพื่อเก็บไข่มุกชนิดหนึ่งกระมัง”