หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 474
บทที่ 474
เฉียวเจายินดียกใหญ่ “ท่านปู่หลี่ ท่านมีวิธีรักษาดวงตาของเขาให้หายดีหรือเจ้าคะ”
หมอเทวดาหลี่พยักหน้า “เขามีโชคไม่เลว ข้าได้ไข่มุกชนิดหนึ่งจากมือชาววอโค่วบนเกาะหมิงเฟิง มีสรรพคุณวิเศษทะลวงเส้นชีพจรรอบดวงตาได้”
“เช่นนั้นก็ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ” เฉียวเจาดีใจจนออกนอกหน้า
หมอเทวดาหลี่เหล่ตามองนางแล้วพูดเสียงเย็นๆ “ไม่ผิดจากคำกล่าวที่ว่าบุตรสาวเป็นสมบัติของเรือนอื่นจริงๆ ใจจดใจจ่อแต่เจ้าหนุ่มนั่น”
ใบหน้าของเฉียวเจาร้อนผะผ่าว “ท่านปู่หลี่อย่ากระเซ้าข้าเลย ถึงเปลี่ยนเป็นสหายคนใดก็ตามตาบอดแล้วมีความหวังว่าจะกลับมามองเห็นดังเดิม ข้าล้วนต้องดีใจมาก”
“เอาล่ะๆ ตาเฒ่าอย่างข้าอยากนอนหลับให้เต็มที่แล้ว มีเรื่องอะไรรอข้านอนพอแล้วค่อยคุยกัน ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้พักผ่อนให้ดีๆ เลย มักไม่ได้หลับตานอนติดกันหลายวันบ่อยๆ” หมอเทวดาหลี่โบกมือไล่นางออกไป
“ท่านพักผ่อนให้มากๆ นะเจ้าคะ ข้าจะให้อาจูเฝ้าอยู่นอกประตู พอท่านตื่นแล้วก็ให้นางมาเรียกข้า” คำกล่าวของหมอเทวดาหลี่แย้มพรายเรื่องต่างๆ ที่ไม่ปกติมากมาย มาตรว่าเฉียวเจาจะสนใจใคร่รู้สุดจะกล่าว แต่นางสะกดความสงสัยทั้งหมดไว้ จรดฝีเท้าย่องออกจากห้องแล้วเปิดประตูอย่างเรียบร้อย
หญิงสาวไม่ได้นอนทั้งคืนจนตอนนี้ก็ลืมตาไม่ค่อยขึ้นแล้วเหมือนกัน กระนั้นนางมิได้กลับห้อง แต่เดินเลี้ยวไปหาเซ่าหมิงยวน
ประตูห้องของเขาเปิดแง้มไว้ เฉียวเจาเคาะเบาๆ
เสียงบุรุษคุ้นหูดังลอยมาจากในห้องอย่างรวดเร็ว “ยกน้ำเข้ามาก็พอ”
ยกน้ำเข้ามา?
เฉียวเจาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนอ้าปากพูด “ข้าเอง”
เสียงของคนข้างในแตกตื่นอยู่บ้าง “เจาเจา? เจ้าไปพักผ่อนแล้วมิใช่หรือ”
“ข้ามาดูท่านสักหน่อย ท่านทำอะไรอยู่”
“เอ่อ…ข้าเข้านอนแล้ว”
เฉียวเจาเลิกคิ้วขึ้น นอนแล้วยังจะยกน้ำเข้าไปอะไรกัน
จังหวะนี้เองเสียงของเฉินกวงดังขึ้น “คุณหนูหลีมาหรือขอรับ ท่านแม่ทัพกำลังเตรียมตัวชำระกายพอดี”
เฉียวเจาเลื่อนสายตาลงมองถังน้ำที่เขาหิ้วไว้
ในห้องมีเสียงไอดังขึ้น เซ่าหมิงยวนรีบพูดแก้ตัว “เมื่อครู่เผลอหลับไป ความจริงข้าเตรียมจะชำระกายอยู่”
“เช่นนี้แสดงว่าข้ามาที่นี่ก็เลยไม่สะดวกหรือ”
เสียงประตูเปิดดังเอี๊ยด เซ่าหมิงยวนยืนอยู่ในห้องฉีกยิ้มแก้มแทบปริ “สะดวกแน่นอน เจาเจามาเมื่อไรก็สะดวกเสมอ”
“แค่กๆๆ” เฉินกวงส่งเสียงไอไม่หยุด ท่านแม่ทัพเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่าสีน้ำเงินกลั่นจากต้นครามกลับสีเข้มเด่นยิ่งกว่าจริงๆ กระทั่งเขาเองยังปรับตัวไม่ค่อยทันแล้ว
เฉียวเจาย่างเท้าเข้าไป
เฉินกวงปิดประตูให้คนทั้งสองอย่างรู้หน้าที่
นางชะงักฝีเท้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ
ถังน้ำใบเขื่องตั้งอยู่ตรงกลางห้องมีไอน้ำลอยกรุ่นๆ อยู่ข้างใน เห็นได้ว่าเซ่าหมิงยวนเตรียมตัวชำระกายจริงๆ แล้วเขาโกหกนางว่าเข้านอนแล้วด้วยเหตุใดกันเล่า
สายตาของเฉียวเจาจับไปที่ตัวชายหนุ่ม นางมองสำรวจชั่วครู่ถึงกล่าวเนิบๆ “แม่ทัพเซ่า สายคาดเอวกลับด้านอยู่”
ที่แท้เมื่อครู่คนบางคนถอดเสื้อผ้าออกหมด มิน่าถึงหลอกข้าว่านอนแล้ว
ชายหนุ่มหน้าแดงซ่าน เขากำมือยกขึ้นปิดปากไอโขลกๆ
เฉียวเจาอมยิ้มน้อยๆ ถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ “แม่ทัพเซ่ากับเฉินกวงล้วนโดนความเย็นหรือ”
เซ่าหมิงยวนอยากดึงตัวเด็กสาวที่สัพยอกตนอยู่เข้ามาไว้ในอ้อมแขนให้นางสงบเสงี่ยมลง จนใจที่พอนึกไปถึงคำพูดของหยางโฮ่วเฉิงที่ว่าเขาเหม็นสาบไปทั้งตัวก็ไม่มีแก่ใจอะไรทั้งนั้น ได้แต่ลอบถอยห่างจากเฉียวเจามากขึ้น
“อย่าขยับ” นางพูดคำหนึ่งแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไป
กลิ่นไม้กฤษณาหอมจางๆ คุ้นจมูกปนกลิ่นกายของเด็กสาวลอยมากระทบจมูก พาให้ชายหนุ่มแข็งเกร็งไปทั้งตัว
“ยื่นมือออกมาให้ดูสิ”
เขาเอามือซ่อนไว้ข้างหลังตามสัญชาตญาณ
แม่นางเฉียวปั้นหน้าบึ้ง “ยื่นออกมา”
“อ้อ” แม่ทัพหนุ่มยื่นมือออกไปอย่างอยู่ในโอวาท
ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาพันด้วยผ้าโปร่งบางที่กลายเป็นสีน้ำตาลเข้มแล้ว
เฉียวเจาทำหน้าขรึมลงไม่เอื้อนเอ่ยคำใด นางแกะผ้าโปร่งที่พันเอาไว้ออกอย่างเบาไม้เบามือ บาดแผลตรงอุ้งมือเขาปริแตกเหวอะหวะมีเลือดออกมาอีกอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด
“แม่ทัพเซ่า ท่านไม่ต้องการมือสองข้างนี้แล้วหรือ” เด็กสาวถามเสียงปึ่งชา
เซ่าหมิงยวนสะดุ้งโหยงในใจ ดูเหมือนเจาเจาโมโหแล้ว!
“ไหนท่านบอกว่ามีหน้าที่แค่บัญชาการมิใช่หรือ”
เซ่าหมิงยวนยิ้มกระดากๆ “ข้าทำหน้าที่บัญชาการจริงๆ อย่างอื่นล้วนให้พวกองครักษ์ทำทั้งสิ้น”
“แล้วมือท่านเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ข้ายิงธนูดอกเดียว จริงๆ นะ ดอกเดียวเท่านั้น”
เฉียวเจาอยากเตะเขาสักทีหนึ่งใจจะขาด นางพูดอย่างหัวเสีย “เซ่าหมิงยวน ท่านชอบยิงธนูนักใช่หรือไม่”
เขาไม่คำนึงถึงแล้วว่าเฉียวเจาจะรังเกียจกลิ่นบนตัวเขา รีบวาดแขนโอบไหล่ของเด็กสาวไว้พลางพูดเสียงนุ่ม “ตอนนั้นฟ้ามืดสลัว อีกทั้งเป็นระยะไกล มีเพียงข้าที่สามารถกำจัดหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยธนูดอกเดียว ข้าอยากให้การสู้รบในตอนหลังราบรื่นถึงได้ยิงธนูดอกนั้น เจาเจา เจ้าปวดใจใช่หรือไม่”
“ใครปวดใจกัน” มุมปากของเฉียวเจากระตุกริกๆ นางแค่นเสียงฮึ “ข้าอยากเตือนท่านว่าอย่าให้ปากแผลปริออกซ้ำๆ จะไม่เป็นผลดีต่อท่าน”
“ดังนั้นเจาเจายังคงปวดใจเพราะข้าแล้ว” ชายหนุ่มวางปลายคางซึ่งมีไรหนวดเขียวๆ เกยบนกระหม่อมของเด็กสาวแล้วถูไถเบาๆ
เฉียวเจาตัวแข็งทื่อ นางผลักเขาออก “ท่านจะชำระกายมิใช่หรือ”
“อีกประเดี๋ยวก็ได้” เขากอดนางไว้ไม่ขยับ พูดงึมงำที่ข้างหูนาง “เจาเจา หมอเทวดาหลี่ยังไม่ตาย ข้าดีใจมาก”
เฉียวเจาไม่ดิ้นขัดขืนอีกปล่อยให้เขากอดตามสบาย นางกล่าวเสียงพึมพำ “ข้าก็เหมือนกัน”
นางหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนบอกกับบุรุษที่สวมกอดตนอยู่ “ท่านปู่หลี่รู้แล้ว”
เฉียวเจากล่าวถ้อยคำนี้อย่างกำกวมแต่เซ่าหมิงยวนเข้าใจได้ทันที เขาอดโอบร่างเด็กสาวในวงแขนแน่นขึ้นไม่ได้ “เจาเจา ขอบใจเจ้ามาก”
นางเป็นคนบอกเรื่องนี้กับหมอเทวดาหลี่เอง แสดงว่านางเต็มใจยอมรับเขาแล้วอย่างแท้จริง ถึงไม่อยากให้ผู้อาวุโสที่เคารพรักมากที่สุดกลายเป็นอุปสรรคของเขากับนางสองคน
เฉียวเจาซุกหน้ากับแผงอกเขา ได้ยินเสียงพูดของนางแผ่วเบา “ท่านปู่หลี่บอกว่ารักษาดวงตาท่านให้หายดีได้”
นางกอดเอวเขาไว้จึงรับรู้ได้ชัดเจนว่าตอนนางเอ่ยประโยคนี้ออกมา ร่างกายของอีกฝ่ายแข็งทื่อไปชั่วอึดใจ
ดวงตาหายเป็นปกติได้เป็นเรื่องน่ายินดีล้นเหลือ แล้วเขาตื่นตระหนกอะไร
ขณะครุ่นคิดปัญหานี้นางลากนิ้ววนเป็นวงกลมอยู่ตรงเอวชายหนุ่ม
แม่ทัพหนุ่มรีบจับมือที่อยู่ไม่สุขของเด็กสาวไว้ บอกเสียงทุ้มต่ำ “เจาเจา อย่าซน”
เฉียวเจาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ใกล้แค่คืบ
จมูกเขาโด่งเป็นสัน เรียวปากบางได้รูปสมส่วนไร้ที่ติ เสี้ยวหน้าด้านข้างคมเข้มแต่ไม่ดุดันเกินไป นัยน์ตาทั้งคู่กระจ่างใสดุจดวงดาว
สีหน้าของเขาตึงเครียดอยู่บ้าง ยังแฝงไว้ด้วยความประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ดูท่าทางคล้ายเด็กหนุ่มที่เคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูก
ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดเฉียวเจาใจอ่อนยวบทันใด นางยกสองมือขึ้นจับดวงหน้าหล่อเหลาของเขาให้ก้มลงพร้อมกับเขย่งส้นเท้าจูบปากเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
“เจาเจา…” เซ่าหมิงยวนมีสีหน้าคาดไม่ถึง มือเท้าแข็งทื่อลืมแสดงท่าทีโต้ตอบไปแล้ว
“ถิงเฉวียน ท่านวางใจได้ ข้าตอบตกลงว่าจะอยู่กับท่านนั่นก็คือตอบตกลงแล้ว ไม่มีทางเป็นเพราะดวงตาท่านบอดไปหรือว่าหายดีก็จะไม่รักษาคำพูดอย่างเด็ดขาด”
เจ้าคนทึ่มผู้นี้เป็นห่วงว่าตาเขาหายดีแล้วนางจะผิดสัญญาหรือไร
อย่างอื่นนางอาจไม่กล้าพูด แต่นางยังรู้จักคำกล่าวว่าสัจจะดุจทองพันชั่ง
อีกอย่างหนึ่ง…
เฉียวเจาหลับตายกมุมปากโค้งขึ้น
ถ้าไม่หลอกตนเอง ใจนางชมชอบบุรุษผู้นี้
“ไฉนไม่พูดไม่จาแล้ว” นานครู่หนึ่งก็ไม่ได้ยินเสียงตอบของเซ่าหมิงยวน เฉียวเจาเหลือบตาขึ้น
แม่ทัพหนุ่มยกตัวเด็กสาวลอยขึ้นจากพื้นกะทันหัน
“เซ่าหมิงยวน มือท่าน!”