หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 475
บทที่ 475
เซ่าหมิงยวนชูตัวเฉียวเจาขึ้นหมุนรอบตัวหลายรอบ นางตีแขนเขาด้วยความโมโห “เซ่าหมิงยวน ท่านเกิดเสียสติอะไรขึ้นมาอีก หมุนจนข้าเวียนศีรษะหมดแล้ว”
ริมใบหูเป็นเสียงหัวเราะสดใสของชายหนุ่ม “ก็ข้าดีใจนี่!”
เฉียวเจาหวั่นใจว่าเฉินกวงที่อยู่นอกประตูจะได้ยิน นางเบาเสียงลงแล้วพูดเอ็ด “ท่านดีใจแล้วชูตัวข้าขึ้นด้วยเหตุใด รีบวางข้าลงนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธแล้ว”
“ได้” หลังจากความยินดีเจียนคลั่งในทีแรกคลายลง แม่ทัพหนุ่มสงบจิตใจครู่หนึ่ง วางตัวเด็กสาวที่ชูขึ้นสูงๆ ลงแต่กลับชะงักมือกลางคัน
“วางผิดที่ใช่หรือไม่” เซ่าหมิงยวนกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
สุ้มเสียงของเฉียวเจาราบเรียบ นางพูดช้าๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ “ใช่ ท่านวางข้าลงในถังอาบน้ำแล้ว”
เจ้าคนทึ่ม ตามองไม่เห็นจะอยู่เฉยๆ บ้างไม่ได้หรือ!
เซ่าหมิงยวนทำหน้าเจื่อนๆ ลุกลนช้อนตัวเฉียวเจาออกมาวางบนพื้น
รองเท้าผ้าปักรวมถึงชายกระโปรงของเฉียวเจาล้วนเปียกแฉะ นางช้อนตาขึ้นมองเขา
ชายหนุ่มรู้ตัวว่ากระทำเรื่องเบาปัญญาไปแล้ว เขาหน้าแดงด้วยความกระดากอาย วางมือวางไม้ไม่ถูก
เฉียวเจาทั้งฉิวทั้งขัน นางยกชายกระโปรงเดินออกไป “ท่านรีบชำระกายไวๆ เถอะ”
“เจาเจา…” เซ่าหมิงยวนส่งเสียงเรียกอย่างห้ามไม่อยู่
เสียงที่ดังมากระทบหูคือเสียงปิดประตู
เซ่าหมิงยวนยืนอยู่กับที่อย่างเหม่อลอย
เฉินกวงหิ้วถังน้ำเข้ามาเห็นสีหน้าท่านแม่ทัพไม่ใคร่ปกติ เขากระแอมกระไอให้คอโล่งก่อนเอ่ยบอก “ท่านแม่ทัพ ท่านถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยขอรับ บนพื้นมีน้ำ ระวังจะลื่นล้มนะ”
ท่านแม่ทัพก้าวเท้าถอยไปหลายก้าวอย่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เฉินกวงเทน้ำลงถังใบใหญ่ หยั่งความร้อนของน้ำแล้วบอกพร้อมรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพ น้ำร้อนกำลังดี ข้าช่วยท่านชำระกายนะขอรับ”
เขาเดินเข้าไปปลดสายคาดเอวให้ท่านแม่ทัพที่ใจลอยอยู่ เซ่าหมิงยวนคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน รีบเปล่งเสียงห้าม “ไม่ต้อง ข้าทำเอง”
ถ้าหากดวงตาของเขาไม่หายเป็นปกติ ช้าเร็วเขาก็ต้องทำความคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ไปทีละอย่าง
เซ่าหมิงยวนเปลื้องอาภรณ์ออกเงียบๆ จากนั้นเกาะแขนเฉินกวงไว้ขณะก้าวขาเข้าไปในถังแล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งแช่น้ำ
เฉินกวงยืนอยู่ข้างหลังใช้กระบวยตักน้ำราดแผ่นหลังของเซ่าหมิงยวน
“ท่านแม่ทัพ ท่านยั่วโทสะคุณหนูหลีอีกแล้วใช่หรือไม่ขอรับ”
เซ่าหมิงยวนชะงักมือที่จับผ้าเนื้อนุ่มไว้ เขาเลิกคิ้วขึ้นถามเสียงเย็นๆ “ข้ายั่วโทสะคุณหนูหลีอีกแล้วหมายความว่าอะไร”
เฉินกวงราดน้ำใส่แผ่นหลังเหยียดตรงที่เต็มไปด้วยแผลเป็นหนึ่งกระบวย เขายิ้มเผล่กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านยังจะทำปิดๆ บังๆ กับข้าอีกหรือ ท่านกับคุณหนูหลีเกิดปัญหากันก็ต้องหาทางแก้ไขสิขอรับ ถ้าไม่แก้ไข ปัญหานั้นก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มิใช่หรือ ท่านเล่าให้ข้าฟัง ยังช่วยออกความเห็นให้ได้นะ”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งถึงเอ่ยปากขึ้น “เมื่อครู่ข้าวางตัวคุณหนูหลีลงในถังอาบน้ำ”
เฉินกวงส่งเสียงไอยกใหญ่ “ท่านแม่ทัพ อันว่าคนใจร้อนไม่ได้กินเต้าหู้ร้อน* นะขอรับ ตอนนี้ท่านก็อยากชำระกายพร้อมกับคุณหนูหลีแล้ว นางไม่มีน้ำโหสิแปลก”
“พูดจาเหลวไหลอะไร ข้าแค่ไม่ทันระวัง” เซ่าหมิงยวนอับอายจนพาลโกรธ
เฉินกวงลอบกลอกตาขึ้น
ต้องไม่ระวังสักเพียงใดกันแน่ถึงวางตัวเด็กสาววัยสะพรั่งลงในถังอาบน้ำได้
เอ๊ะ เช่นนี้แสดงว่าเมื่อครู่ท่านแม่ทัพอุ้มคุณหนูหลีหรือ
เมื่อคิดไปเช่นนี้ เฉินกวงขยับมือขัดหลังให้ท่านแม่ทัพอย่างขมีขมันยิ่งขึ้น
หลังชำระกายเสร็จเซ่าหมิงยวนสวมอาภรณ์สะอาดชุดใหม่เอนกายลงนอนบนเตียง เขาเอ่ยกับเฉินกวงที่ตั้งท่าจะยกน้ำออกไป “เจ้าอยู่เฝ้ามาทั้งคืนแล้วกระมัง กลับไปนอนหลับให้เต็มที่”
“ขอรับ” เฉินกวงขานตอบเสียงก้องกังวาน เขาเดินไปถึงหน้าห้องดึงประตูเปิดออกแล้วอดตกใจไม่ได้ “คุณหนูสาม ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เฉียวเจาซึ่งผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วถือประคองถาดด้วยสองมือ นางเอ่ยบอก “มาทำแผลให้ท่านแม่ทัพของเจ้า”
เซ่าหมิงยวนได้ยินก็รีบลุกขึ้นนั่ง เขาฟังเสียงฝีเท้าที่เดินมาใกล้ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มกระดากๆ “เจาเจา เมื่อครู่เจ้าไม่ได้โมโหข้านะ”
เฉียวเจาวางถาดลง นางจับมือของเขามาล้างแผลตรงอุ้งมือพลางพูด “โมโหหรือไม่ก็ยังต้องทำแผลให้ท่านมิใช่หรือ”
เด็กสาวก้มศีรษะลง เห็นแพขนตาทั้งงอนทั้งยาวทอดเป็นเงาดำอยู่ใต้ดวงตา สีหน้าอ่อนละมุน
แม้ว่าเซ่าหมิงยวนมองไม่เห็น กลับรับรู้ถึงความอ่อนโยนจากมือที่ขยับไปมาของนางได้ เขาลอบยิ้มอย่างสุดระงับ
เฉียวเจาพันแผลใหม่ให้เขาเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นยืน “เสร็จแล้ว ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปนอนสักครู่เช่นกัน”
“อื้อ”
นางเดินไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินชายหนุ่มส่งเสียงเรียกทางด้านหลัง “เจาเจา…”
“มีอะไรหรือ” นางหยุดฝีเท้า
“รอกลับถึงเมืองหลวง ข้าจะมอบเงินตำลึงขาวให้เจ้าหีบหนึ่งนะ เจ้าซื้อกระโปรงเพิ่มอีกสองสามตัวเถอะ”
เขาได้ยินว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกสตรีบอบบางราคาแพง บางชุดพอโดนน้ำร้อนก็สวมใส่ไม่ได้แล้ว เงินตำลึงขาวหีบหนึ่งน่าจะมากพอให้เจาเจาซื้อกระโปรงดีๆ ได้หลายตัว
“ไม่ต้อง” เฉียวเจาเปล่งเสียงพูดคำนี้อย่างอดทนข่มกลั้นก่อนจะปิดประตู ทิ้งให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ที่เดิม
เพราะอะไรมอบเงินให้เจาเจาแล้วนางยังไม่ดีใจอีก หรือว่าให้น้อยไป
ทุกคนนอนหลับจนเลยยามเที่ยงวันไปครึ่งชั่วยามถึงมาชุมนุมตัวกันที่ห้องโถงอีกครั้ง
หยางโฮ่วเฉิงขยี้ตาพลางพูด “ถ้าไม่ได้หิวจนตื่นขึ้นมา ข้ายังนอนต่อได้อีกนะ”
คนในห้องโถงล้วนอดนอนมาหนึ่งคืน ตอนนี้ได้นอนหลับเต็มอิ่มแล้ว พอกลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูกไม่หยุด พวกเขาก็กวาดอาหารลงท้องจนเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
หมอเทวดาหลี่เป่าใบชาที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำแล้วพรูลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง “ยังคงเป็นอาหารพวกนี้ที่ถูกปาก”
“ท่านปู่หลี่ ตกลงว่าท่านเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไรเจ้าคะ” เฉียวเจาไต่ถามข้อกังขาในใจทุกคนออกมา
“เอาชีวิตรอดมาได้อย่างไรหรือ” หมอเทวดาหลี่ดื่มน้ำชาคำหนึ่งถึงโคลงศีรษะยิ้มๆ “ยังจะมีวิธีใดเอาชีวิตรอดมาได้เล่าถ้าไม่ใช่อาศัยโชคดวง ข้าโดนพายุพัดลอยไปนานเพียงใดก็สุดรู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเกาะแห่งหนึ่งแล้ว”
“แล้วท่านกลับไปที่เกาะหมิงเฟิงอีกได้เช่นไรขอรับ” หยางโฮ่วเฉิงสอดปากถามขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่
หมอเทวดาหลี่วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะด้านข้าง กล่าวอย่างไม่เร็วไม่ช้าขึ้นว่า “ตามพวกชาววอโค่วกลับไปน่ะสิ ไม่อย่างนั้นข้าจะบินกลับไปได้หรือ”
ฉือชั่นเตะหยางโฮ่วเฉิงทีหนึ่ง “พอแล้ว เจ้าอยู่เฉยๆ ฟังท่านหมอเทวดาเล่าให้ฟัง”
หมอเทวดาหลี่กล่าวต่อ “หลังจากข้าฟื้นขึ้นมาพบว่าโดนคลื่นซัดมาถึงชายฝั่งของเกาะแห่งหนึ่ง พอเดินไปด้านในเกาะไม่นานก็มาถึงที่กบดานของชาววอโค่ว”
“พวกเขาช่วยท่านเอาไว้หรือ” หนนี้เป็นทีฉือชั่นเอ่ยถาม
เขาไม่เชื่อว่าเดรัจฉานพวกนั้นยังมีความเมตตาปรานีอย่างนี้อยู่อีก
หมอเทวดาได้ยินคำนี้แล้วกลอกตาขึ้น “ผายลม เจ้าพวกนั้นเห็นข้าก็ชักดาบเล่มใหญ่ออกมาจะสับข้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที เป็นข้าต่างหากที่ช่วยหัวหน้าที่ป่วยใกล้ตายของพวกเขาไว้ถึงได้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ ต่อมาข้าพบว่ามีคนบนเกาะพากันล้มป่วยไม่น้อย ต้นเหตุของโรคมาจากแมลงชนิดหนึ่งที่นั่น ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงย้ายไปที่เกาะหมิงเฟิง”
หยางโฮ่วเฉิงลูบปลายคาง “ที่แท้เป็นเพราะท่านนั่นเองชาววอโค่วพวกนั้นถึงยึดครองเกาะหมิงเฟิงไว้”
หมอเทวดาหลี่ขมวดคิ้ว ไฉนคำกล่าวนี้ฟังดูแล้วคนพูดวอนเจ็บตัวอย่างนั้นนะ
“ท่านหมอเทวดาขอรับ ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรกับพวกชาววอโค่ว เมื่อคืนพวกข้าขึ้นไปบนเกาะหมิงเฟิง พบชาววอโค่วหลายคนเกิดอาการคลุ้มคลั่งอย่างไร้สาเหตุ”
เซ่าหมิงยวนเล่าเหตุการณ์บนเกาะเมื่อราตรีก่อน
หมอเทวดาหลี่เปล่งเสียงหัวร่อ เขากวาดสายตามองทุกคนรอบหนึ่งแล้วกลับมาหยุดที่ใบหน้าของเซ่าหมิงยวนในตอนท้าย “คงตกใจกันสินะ”
สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉย “เอ่อ…ผู้เยาว์มองไม่เห็นขอรับ”
หมอเทวดาหลี่คับใจตงิดๆ
เฉียวเจาอมยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยถามขึ้น “ท่านปู่หลี่ หรือว่าคนพวกนั้นถูกสุนัขบ้ากัดแล้วพิษสุนัขบ้ากำเริบเจ้าคะ”
“แม่หนูเจาคิดอย่างนี้หรือ”
เรียวคิ้วของเด็กสาวย่นเข้าหากันน้อยๆ “นอกจากสาเหตุนี้แล้วข้านึกถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออก ทว่าเรื่องนี้ก็มีจุดแปลกอยู่อย่างหนึ่ง อาการของพวกเขาออกจะกำเริบเร็วเกินไปบ้าง ซ้ำยังกำเริบในเวลาเดียวกัน…”
หมอเทวดาหลี่หัวเราะร่วน “รู้สึกว่าแปลกก็ถูกต้องแล้ว”
* ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ เป็นสำนวน หมายถึงควรกระทำการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนศึกษาเรียนรู้ให้ดีก่อนและรู้จักอดทนรอคอย จึงจะไม่ผิดพลาดและบรรลุผลสำเร็จ