หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 510
บทที่ 510
เจียงหย่วนเฉากำข้อมือของเฉียวเจาไว้แน่นสุดแรง เพ่งมองริมฝีปากซีดเผือดของนางตาเขม็ง ฟังนางเปล่งเสียงพูดคำสองคำนั้นออกมา
“สือซาน…”
เขาเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟกะทันหัน ยกมือบีบปลายคางของเด็กสาว บังคับให้นางต้องเบิกดวงตาที่เริ่มไร้ประกายทีละน้อยทั้งคู่ขึ้นกว้างๆ อย่างช่วยไม่ได้
“สือซานเป็นชื่อที่ท่านเรียกได้หรือ” เขาดึงตัวเด็กสาวบอบบางอ่อนแอมาใกล้ๆ ด้วยความโกรธจัดจนระงับไม่อยู่ “ท่านรู้อะไรบ้างกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร”
ข้อมือเจ็บอย่างรุนแรงราวกับโดนบิดหักไปแล้ว ในลำคอก็คล้ายมีไฟแผดเผาอยู่
เฉียวเจาเริ่มไอโขลกๆ อย่างรุนแรง นางไอจนหน้าตาแดงก่ำ แต่ยังบังคับตนเองไม่ให้หมดสติ ดวงตาบริสุทธิ์ใสซื่อทั้งคู่เบิกมองบุรุษที่อยู่ใกล้แค่คืบ
“แม่นางน้อย ขืนท่านไม่พูดอีก อย่าโทษว่าข้าใช้วิธีการของกององครักษ์จัดการกับท่าน” เสียงเรียกขาน ‘สือซาน’ ซ้ำๆ นั่นทำให้จิตใจของเจียงหย่วนเฉาสับสนว้าวุ่นอย่างเห็นได้ชัด บันดาลให้ถ้อยคำที่หลุดจากปากดุดันเหี้ยมเกรียมขึ้นตามลำดับ
เฉียวเจาฝืนกำลังมองดูเขา นางคิดคำนึงในใจ มนุษย์เราช่างซับซ้อนเหลือหลาย ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่นานบุรุษผู้นี้บอกกับนางเสียงนุ่มว่าเขาชมชอบคุณหนูสกุลเฉียว
ดวงตาเขาในยามนั้นแสนจะอ่อนโยนหวานซึ้ง มันย่อมมิใช่คำเท็จ ทว่าชั่วประเดี๋ยวเดียวเขาก็แปลงกายเป็นอสรพิษกัดนางอย่างไม่ปรานีปราศรัยแม้แต่น้อย
อาการวิงเวียนเป็นระลอกทำให้สายตาของเฉียวเจาพร่าพรายอยู่บ้าง นางกัดปลายลิ้นทีหนึ่ง ส่งยิ้มน้อยๆ ให้บุรุษที่เส้นเอ็นตรงหน้าผากปูดโปนไปหมด “ตรงเอวของท่านไม่มีรอยฟันเหลืออยู่แล้วหรือ”
ชั่วพริบตานี้เองรูม่านตาของเจียงหย่วนเฉาหดแคบลง เขาเอามือลูบที่เอวโดยไม่ทันคิด แต่พอรู้สึกตัวก็กระชากเฉียวเจามาชิดอก จ้องตานางพลางพูดเสียงกระด้าง “รอยฟันอะไร ท่านพูดให้ชัดเจน”
เด็กสาวอ่อนระโหยโรยแรงอย่างมากแล้ว นางทำปากขมุบขมิบพูดคำหนึ่งอย่างไร้สุ้มเสียง “งู…”
เจียงหย่วนเฉารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เขาตะลึงงันจนปล่อยตัวเฉียวเจา ความทรงจำที่เขาเก็บรักษาไว้ในส่วนลึกของหัวใจอย่างทะนุถนอมผุดขึ้นมา
เขาโดนงูพิษกัดบาดเจ็บอย่างไม่ทันตั้งตัว มันกัดเขาที่เอวพอดี แล้วพิษยังมีฤทธิ์รุนแรงเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้ชั่วเวลาสั้นๆ เขาก็ขยับตัวไม่ไหวแล้ว
ในตอนนี้เองนางปรากฏกายขึ้นและช่วยดูดพิษงูออกให้เขาอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังโดยไม่ยึดถือธรรมเนียมชายหญิงไม่พึงใกล้ชิดกัน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาในยามราตรีนับไม่ถ้วน เขามักลูบรอยแผลเล็กๆ นั่นตรงเอวอย่างห้ามใจไม่อยู่ด้วยความรู้สึกเป็นสุขระคนหวานล้ำอยู่ในใจที่ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยบอกผู้ใด
เจียงหย่วนเฉาเพ่งมองใบหน้าซีดขาวของเด็กสาวพลางพูดเสียงสั่นเทา “ท่าน…ท่านเป็นใครกันแน่”
เฉียวเจาหลับตาลงเบาๆ นางเหนื่อยเกินไปแล้ว อยากนอนสักตื่นเหลือเกิน
นางกำลังเดิมพันอยู่โดยใช้หนี้บุญคุณที่เจียงหย่วนเฉาเคยติดค้างเฉียวเจาเป็นเบี้ยเดิมพัน
นางไม่รู้ว่าจะแพ้ทั้งกระดานหรือไม่ ทว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
“ท่านพูดสิ” เจียงหย่วนเฉาเขย่าแขนของเฉียวเจา
เด็กสาวขยับปากแต่ไม่เปล่งเสียงใด
เขาลากเฉียวเจาเข้ามาในวงแขน ก้มหน้าลงมองนาง หัวใจทั้งดวงคล้ายถูกบีบรัด “หลีเจา ท่านบอกข้ามาว่าท่านกับนางเป็นอะไรกัน ตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่”
เมื่อไม่ได้รับคำตอบดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นสีแดงก่ำ “หลีเจา ท่านพูดเดี๋ยวนี้”
เฉียวเจาฝืนลืมตาขึ้นสบตาเขา กล่าวเสียงเบาว่า “ท่านช่วยเฉินกวงและอย่าทำร้ายผู้ตรวจการสิง ข้าก็จะบอกท่าน”
เจียงหย่วนเฉาสะกดไฟโทสะเอ่ยถาม “ท่านตั้งเงื่อนไขกับข้ารึ”
นางยิ้มกับเขาอย่างอ่อนแรง “ท่านจะคิดเช่นนี้ก็ได้”
“ถ้าข้าไม่ตกลงเล่า ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสั่งคนให้สังหารผู้ตรวจการสิงในตอนนี้ ส่วนองครักษ์ผู้นี้ ขอเพียงไม่มีคนสนใจ อีกไม่ช้าเขาก็หมดลมหายใจสุดท้ายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นข้าไม่ขอมีชีวิตอยู่เช่นกัน” เฉียวเจาหลับตาลงไม่มองเขา
เจียงหย่วนเฉายิ้มเยาะ “หลีเจา ชีวิตของท่านไม่มีค่าปานนั้น”
เด็กสาวลืมตาขึ้นกะทันหัน นัยน์ตาสีดำขลับใสสะอาดแวววาวดุจหินนิลดำที่ชะล้างด้วยน้ำจนเห็นเงาสะท้อนสีหน้าถมึงทึงที่ฉายแววร้อนรุ่มของชายหนุ่มได้
“จริงหรือ” นางมองเขาพลางกระซิบถาม
หัวใจของเจียงหย่วนเฉาทั้งเจ็บทั้งชาคล้ายโดนคนกระชากทีหนึ่งโดยพลัน
สำหรับเขาแล้วชีวิตของหลีเจาอาจไม่มีค่า แต่ชีวิตของเฉียวเจากลับล้ำค่าสุดจะเปรียบ
หลีเจากับเฉียวเจามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่
หรือจะพูดว่า…หลีเจาก็คือเฉียวเจา!
ยามความคิดนี้ผุดวาบเข้าไปในหัวเสมือนดั่งแสงอสนีบาตที่ขับไล่ความมืดมนสับสนให้หมดสิ้นไป
เจียงหย่วนเฉาโอบร่างเฉียวเจาไว้ในอ้อมอกด้วยสองมือที่สั่นเทา เขาก้มหน้าลงช้าๆ ยื่นปากไปพึมพำถามที่ข้างใบหูนาง “ท่านคือนางใช่หรือไม่”
เขาไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่เด็กสาวในอ้อมแขนกลับทำให้เขารู้สึกได้อย่างแรงกล้า
นางก็คือคนที่เขาคิดถึงเสมอผู้นั้น!
“ท่านคือนาง ถูกหรือไม่”
“ข้า…” เฉียวเจาคลี่ยิ้มแล้วสิ้นสติไป
เจียงหย่วนเฉานิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนเสียที
คนชุดดำที่อุ้มผู้ตรวจการสิงซึ่งสลบไสลเอาไว้เอ่ยปากขึ้นอย่างทนไม่ไหวในที่สุด “ท่าน…”
เขาเหลือบตาขึ้นมองปราดหนึ่ง
เพลานี้เจียงเฮ่อรุดมาถึงอย่างเร่งร้อน เขาฉีกปากยิ้มพลางกล่าว “ใต้เท้า ในที่สุดก็ตามมาทัน เอ๊ะ! คนที่ท่านกอดอยู่เป็นคุณหนูหลีมิใช่หรือ…”
“หุบปาก!”
เจียงเฮ่อรีบยกมือปิดปาก แต่ดวงตากลอกไปกลอกมาไม่หยุดด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ภายในชั่วเวลาสั้นๆ นี้ เขาพลาดอะไรไปบ้าง
เจียงหย่วนเฉาอุ้มเฉียวเจาขึ้น พร้อมออกคำสั่งเสียงราบเรียบ “เจียงเฮ่อ พาคนบนพื้นไปด้วย”
เจียงเฮ่อก้มหน้าลงมองแล้วอดเบิกตากว้างไม่ได้ “เป็นหรือว่าตายนี่”
เขาก้มตัวลงอุ้มเฉินกวงขึ้นอย่างสาแก่ใจ “ที่แท้ร่อแร่ปางตายแล้ว”
ฮึ ก่อนหน้านี้ให้เจ้าลงน้ำไปช่วยใต้เท้าของข้า เจ้าไม่ยอมช่วย ตอนนี้ยังต้องให้ข้าอุ้มเจ้าอีก เรื่องดีๆ ล้วนตกเป็นของเจ้าแล้ว!
เจียงเฮ่อเจ็บใจพอดู เขาลอบหยิกเฉินกวงแรงๆ ทีหนึ่ง
เฉินกวงไม่มีท่าทีตอบสนองสักนิด
เจียงหย่วนเฉากวาดตามองคนชุดดำแล้วพูดเอื่อยๆ “พาเขาไปด้วย พวกเราไปเถอะ”
ในเรือนชาวบ้านที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตาหลังหนึ่ง เจียงหย่วนเฉายืนอยู่ริมหน้าต่าง หันหน้าไปมองเด็กสาวที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง ตรงกลางอกบังเกิดความรู้สึกสับสนเคว้งคว้าง
เขาไม่รู้ว่าตอนนั้นเป็นอะไรไป เหตุใดถึงพาองครักษ์ใกล้ตายผู้นั้นมาตามความต้องการของนาง มิหนำซ้ำยังไว้ชีวิตของผู้ตรวจการสิงอีกด้วย
เพราะกลัวว่านางตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าองครักษ์กับผู้ตรวจการสิงตายไปก็จะเสียใจหรือ
แต่นางเสียใจแล้วมีอันใดเล่า…
เจียงหย่วนเฉาคิดคำนึงไปเช่นนี้ มุมปากเขามีรอยยิ้มฝืดๆ ผุดขึ้น
ถึงบัดนี้เขาไม่อาจไม่ยอมรับว่าเขาโดนสตรีที่เป็นดั่งปริศนานางนี้ครอบงำจิตใจไปเสียแล้ว
บนตัวนางดูคล้ายมีความลับมากมายเหลือเกิน นับแต่ชั่วขณะที่รู้จักกันเป็นต้นมานางก็มีอำนาจต่อความคิดจิตใจของเขามาโดยตลอด
เขาเดินกลับไปนั่งลงข้างเตียง เพ่งสายตามองเด็กสาวที่นอนหลับอย่างสงบสุข
เจ้าเป็นใครกันแน่
เจียงหย่วนเฉายื่นมือไปลูบผมนุ่มสลวยของนาง
เรือนผมของเด็กสาวดกหนาดุจน้ำตก กำจายกลิ่นหอมออกมาจางๆ บุรุษที่มุ่นคิ้วอย่างครุ่นคิดใช้นิ้วมือเรียวยาวม้วนเส้นผมของนางยกขึ้นมาจ่อปลายจมูกสูดกลิ่นเบาๆ โดยไม่รู้สึกตัว
ตอนคุณหนูเฉียวช่วยเขา ทั้งคู่ก็อยู่ใกล้ชิดกันเฉกเดียวกับตอนนี้จนเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผมนาง ซึ่งเป็นกลิ่นเช่นนี้เหมือนกัน
ยามนั้นเขาคิดอย่างห้ามใจไม่อยู่ว่ากลิ่นนี้หอมชวนดมจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณหนูผู้นี้ใช้สิ่งใดสระล้างผม
หลีเจากับเฉียวเจา ทั้งที่พวกนางเป็นคนละคนกันชัดๆ แต่เหตุใดถึงมีจุดที่คล้ายคลึงกันมากมายเพียงนี้เล่า
เจียงหย่วนเฉาที่เยือกเย็นลงแล้วยกมือวางทาบกลางอก เขายิ่งรู้สึกแปลกชอบกลมากขึ้น
ตอนนั้นนางเบิกดวงตากระจ่างใสทั้งคู่กว้างๆ แล้วส่งยิ้มให้ เขาบังเกิดความคิดหนึ่งอย่างแรงกล้าว่านางก็คือคุณหนูเฉียว
ความคิดเหลวไหลน่าขันเยี่ยงนี้ช่างน่าแปลกอย่างยิ่งยวด
เจียงหย่วนเฉาหลับตาลง เขาสมควรเชื่อตามสติหรือว่าสัญชาตญาณของตนเองกันแน่
นางคือนางจริงๆ ใช่หรือไม่